ไม่ต้องสงสัยนะครับว่าผมเป็นซุปเปอร์แมน อันที่จริงก็อยากจะบอกว่าใช่อยู่ เฮ้ย ไม่ใช่ ที่ต้องบอกแบบนั้นก็เพราะคงมีคนสงสัยว่าผมแวะตะลอนไปที่นู้นที่นี้เรื่อยเปื่อยแล้วเอาเรื่องมาเขียนได้รวดเร็วยังไง เมื่อกี้มึงอยู่เชียงใหม่ ไหงต่อมาไปลำพูน ลำปาง แล้วนี้มาไกลถึงพิษณุโลกเลย
ว่าแล้วก็ขอเฉลยกันก่อนเลยว่า จริงๆผมหนีไปเที่ยวตั้งนานแล้ว ไป 2-3 วัน ก็อาศัยเส้นทางระหว่างทางพิษณุโลก อุตรดิตถ์ ลำปาง ลำพูน ก่อนเข้าเชียงใหม่มาเรื่อยๆ จริงๆผมมีไดอารี่เวอร์ชั่นรวมมิตรที่เที่ยวพวกนี้ทั้งหมดขนาดยาวเหยียด พอมีโอกาสเลยซอยแบ่งแยกออกมาเป็นตอนๆ สำคัญมาให้อ่านกัน โดยเพิ่มเติมรายละเอียดความรู้ให้เยอะขึ้น เนื่องจากต้นฉบับเดิมมันโหด มันส์ ฮา บ้าบิ่น ไม่ค่อยมีสาระซักเท่าไหร่ ไว้มีโอกาสจะจัดฉบับเต็มแบบยาวเหยียดให้อ่านครับ
กลับมาที่สถานที่จะพาไปเที่ยว คราวนี้เป็น
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก
ที่ประดิษฐานของ พระพุทธชินราช พระพุทธรูปที่มีความงดงามที่สุดในประเทศไทย แถมได้รับการขนานนามว่าเป็นพระพุทธรูปที่งดงามที่สุดในโลกองค์หนึ่ง
พระพุทธชินราชไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในปีใด แต่มีการสันนิษฐานโดยอ้างอิงตามพงศาวดารเหนือ คาดว่าน่าจะสร้างพร้อมกับพระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดา ในรัชสมัย พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) จากนั้นจึงมีการลงรักปิดทององค์พระเป็นครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และได้มีการบูรณะ ลงรักปิดทองอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 5 และมีการบูรณะครั้งล่าสุดในรัชกาลที่ 9
พระพุทธชินราชนี้เป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยสุโขทัย หมวดพระพุทธชินราช ลักษณะขององค์พระเส้นรอบนอกพระวรกายอ่อนช้อย พระขโนงโก่ง พระเนตรประดุจตากวาง พระนาสิกโด่ง ชายผ้าสังฆาฏิแยกเป็นเขี้ยวตะขาบ นิ้วพระหัตถ์ทั้ง 4 ยาวเสมอกัน อยู่ในลักษณะปางมารวิชัย ด้านซ้ายและขวาขององค์พระมียักษ์ 2 ตน คอยปกปักรักษาองค์พระอยู่ อีกทั้งยังมีพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตรเป็นอัครสาวกอยู่ด้วย
นอกจากนี้แล้วยังมีซุ้มเรือนแก้วที่คาดว่าน่าจะสร้างในสมัยอยุธยาลักษณะเป็นรูปตัวเหรา ถือเป็นศิลปะที่สวยงามมากอย่าหนึ่ง พระพุทธชินราชประดิษฐานในวิหารลักษณะเก้าห้อง ซึ่งมีการบูรณปฏิสังขรณ์มาอย่างต่อเนื่องจนมาถึงปัจจุบัน ทำให้องค์พระสวยงามบริบูรณ์อย่างในปัจจุบัน และในประวัติศาสตร์ยังพบว่ากษัตริย์ในทุกๆสมัยของไทยให้ความเคารพและศรัทธาต่อองค์พระพุทธชินราชมาอย่างต่อเนื่องทุกๆ พระองค์
ผมมาที่นี้ในตอนเช้าตรู่เลย ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้ากว่าๆ ก่อนหน้านี้ไปหาอะไรกินแถวตลาดเช้าสถานีรถไฟพิษณุโลก ได้ลาบหมูกับข้าวเหนียวกินลงท้องแก้หิว ทำบุญให้น้องๆพยาธิในท้องกันไป
พออิ่มท้องอิ่มไส้ ก็สับตีนอย่างไวมาในตัววัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร รอบแรกก็เดินวนในวัดก่อนครับ สำรวจว่ามีอะไรบ้าง รอบๆทั่วไปก็ซุ้มขายของกิน ซุ้มทำบุญในรูปแบบหลากหลายเวอร์ชั่น อีกทั้งมีที่ให้เช่าพระไปบูชากัน
ในส่วนของโบราณสถานและโบราณวัตถุภายในวัด ก็มีพระวิหารหลวงประดิษฐานพระพุทธชินราช, พระเหลือ, พระปรางค์, พระวิหารพระเจ้าเข้านิพพาน และพระวิหารพระอัฏฐารส
ถ่ายรูปโบราณสถานภายในวัดได้ซักหน่อยก็ เข้านมัสการพระพุทธชินสีห์กันก่อน แล้วค่อยไปนมัสการพระพุทธชินราชกันครับ
ก่อนเข้าไปชมความงามของพระพุทธชินราช ด้านหน้าก็คับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตา ต่างพากันมานมัสการ ทำบุญทำทานกันในวัด มือตากล้องอยู่สองสามคน ค่อยให้บริการถ่ายรูปคู่กับพระพุทธชินราช ประเภทถ่ายปุ๊บได้ปั๊บทันที ส่วนราคาผมไม่แน่ใจน่าจะแผ่นละ 50 บาท ถ้าจำไม่ผิด
ก้าวเข้าไปด้านในรู้สึกเงียบสงบ สบายใจดีครับ กวาดสายตามองโดยรอบๆ เห็นคนนั้นคนนี้มาไหว้พระ ทำบุญบริจาค ดูแล้วรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจดี บวกกับด้านหน้ามีดนตรีไทยบรรเลงให้เข้ากับบรรยากาศการมาทำบุญ
ไหว้พระเสร็จเป็นธรรมดาที่ผมต้องเสี่ยงเซียมซี ที่ไม่ว่าไปที่ไหน มีให้เสี่ยงก็เสี่ยงมันประจำเลยแหละ ฮ่าๆๆ ผมว่าคงไม่ใช่ผมคนเดียวแน่ๆที่ชอบ สาวๆทั้งหลายก็คงชอบไม่แพ้กัน
พอนั่งชมความงามพระพุทธชินราชเสร็จ เดินออกมาด้านนอก ข้างๆวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร มีวัดนางพญาข้างๆ ว่าแล้วเลยแวะเดินไปดูกันซักหน่อย
บรรยากาศภายในดูไม่พลุกพล่านเหมือนที่แรก ที่นี้คนออกจะน้อยๆไปหน่อย แต่ก็ถือว่าดีไปอีกแบบ
วัดนางพญามีชื่อเสียงในด้านพระเครื่อง ที่เรียกว่า พระนางพญา ซึ่งเล่าลือกันถึงความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งปัจจุบันหาได้ยากมาก และถึงมี ก็มีแต่ที่ได้สร้างจำลองขึ้นภายหลัง โดยมีการพบกรุพระเครื่องครั้งแรกใน พ.ศ. 2444 และครั้งหลังเมื่อ พ.ศ. 2497
และไม่ต้องสงสัยเลยว่ารอบๆวัดนางพญาจะเต็มไปด้วยพระเครื่อง พระนางพญากันให้เลือกเอาไปบูชากัน
เผอิญว่าผมไม่ใช่เซียนพระเครื่อง หรือผู้หลงใหลคร่ำหวอดอะไรในวงการนี้ ก้เลยได้แต่ดูๆไปซักมากว่าจะเช่ามาบูชา
เดินตะลอนเลียบเลาะไปไหว้พระมาทั้งสองที่ ก็เหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกันครับ เพราะอากาศสายมาชักจะเริ่มร้อน ว่าแล้วก็เลยชวนตูดตัวเองมานั่งพักผ่อนริมแม่น้ำน่านหน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ได้น้ำโค้กเย็นๆใส่ถุงดูดแก้กระหายดับร้อนกันไป ตาก็นั่งมองแม่น้ำน่านค่อยๆไหลเอื่อย ลมพัดเย็นๆ
ทริปนี้ถือได้ว่าเป็นการเข้าวัด ทำบุญ ไหว้พระ ที่แทบจะบอกได้ว่าครั้งแรกในรอบปี นานๆทีจะได้มาสงบสติอารมณ์ ขัดเกลาจิตใจให้ผ่องใส ไม่ฟุ้งซ่านกับโลกภายนอกที่ดูวุ่นวาย
สบายใจครับ รู้สึกแบบนั้นถึงข้างในจริงๆ