สู้ไม่สู้ เอาอยู่รึไม่ 12 ร้านสุดหิน อยากกินต้องสู้!

เชียงใหม่สวรรค์ของนักกินไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย จีน ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี พม่า ฯลฯ ต่างมีให้เลือกมากมาย แต่ใช่ว่าทุกร้านจะกินง่ายไปเสียหมด เพราะบางร้านจำกัดพื้นที่แค่ 5 โต๊ะ อีกทั้งยังต้องจองคิวก่อน ถ้าคิวเต็มหรือไม่มีโต๊ะนั่งก็อดกิน แต่เพราะความอร่อยจึงเป็นเหตุที่ทำให้ลูกค้าหลายท่านรวมถึงเจ๋งต่างยอมต่อสู้เพื่อแย่งชิงเข้าไปลิ้มลองรสชาติกันสักครั้ง ร้านไหนน่าสนใจ ตามเจ๋งมาได้เลย!


1. คุณวัฒน์โภชนา (คุณยาย) – ช้าหน่อยอร่อยแน่

ลูกชายยายมาตามนัดรับนำทางไปร้าน
พิกัด : ก่อนจะมาต้องหา รร. อนุบาลสันทรายให้เจอก่อน โทรหาอีกทีว่าอยู่ฟากไหน จากนั้นให้เลี้ยวเข้าซอยตรงข้าม หากมาไม่ถูกแนะนำให้โทรหา จะมีลูกชายคุณป้าออกมารับหน้าวัดสันคะยอม
เวลาเปิด – ปิด : เปิดเฉพาะมื้อเที่ยง
เบอร์โทร :  089-1071979
หน้าร้านเป็นแบบบ้านๆอยู่ท่ามกลางสวนลำไย แนะนำให้มาฤดูหนาวจะดีที่สุด
ยกให้เป็นหนึ่งในร้านอรหันต์ที่สู้ตั้งแต่ขั้นตอนการสั่ง โดยต้องโทรบอกคุณยายล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ต้องโทรจองมากินเป็นกลุ่ม 5 คนขึ้นไป และก่อนจะเข้าไปต้องโทรบอกก่อนครึ่งชั่วโมง เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นจากการสอบถามคุณยายวัฒน์ – วจีกาณจน์ ธนายัญญลักษณ์ แม่ครัวรุ่นเก๋าชี้แจงกับทีมงานของเราว่า “เหตุที่ต้องสั่งล่วงหน้าก่อน เนื่องจากช่วงนี้ยายไม่ค่อยสบาย และเมนูสุดฮิตที่ทุกคนมาถึงแล้วต้องลองคือ น่องไก่อบเนย ซึ่งยายจะใช้เฉพาะไก่อิสลามเท่านั้น ดังนั้นต้องโทรสั่งก่อน และต้องบอกก่อนครึ่งชั่วโมง ก็เพราะยายจะได้ทอดให้ใหม่ๆ มาถึงหนูจะได้ทานตอนมันร้อนๆเลยลูก”
เมนูแนะนำ น่องไก่อบเนยชิ้นโต ใช้ไก่อิสลามเนื่องจากไม่มีไขมัน จึงกรอบหอมอร่อย ยิ่งทานคู่กับกระเทียมดองและน้ำจิ้มสูตรเด็ดของคุณยาย ยิ่งอร่อยเข้ากัน ใครมาถึงแล้วไม่ลองนี่ถือว่าพลาดสุดๆ
ข้าวผัดกุ้ง กุ้งตัวโตผัดในข้าวสวยเรียงเม็ดและไข่สีเหลืองทอง พร้อมต้มหอมผักชีที่ซอยเล็กๆ ผัดให้เข้ากัน ยิ่งกินยิ่งมัน ยิ่งกินยิ่งฟิน นอกจากนี้ยังมีเมนูที่ไม่ควรพลาดคือ หมูสะเต๊ะ (ที่เสิร์ฟแบบไม่เสียบไม้) ขนมจีนซาวน้ำต้องสั่ง10 ที่ขึ้นไป ถ้าอยากกินต้องรอกลุ่มลูกค้าประจำสั่งแล้วก็มากินวันเดียวกับที่เค้ามากัน นอกจากนี้ยังมีปลาช่อนน้ำตกไร้ก้าง สเต็กหมู-ไก่ สลัดน่องไก่ สลัดหมู ฯลฯ
ยายใจดีให้มะม่วงแช่อิ่ม 1 ปีมาให้กินตบท้าย ยายคุยเก่งมาก
บรรยากาศเหมือนมากินข้าวบ้านยาย น้ำเสิร์ฟกรอกใส่ขวดแช่เย็น อยากชิมฝีมือต้องจองภายในก่อนวันที่ 8 เพราะหลังจากนั้นยายจะไปกทม. อีกนานกว่าจะกลับมาเชียงใหม่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ต้องคอยโทรถามเอานะ

2. ช. สเต็ก – รอนานทรมานไปถึงชาติหน้า

ที่ตั้ง: ชั้น 2 ศูนย์การค้ากาดสวนแก้ว เยื้องร้านไอศกรีม Swensen’s
เวลาเปิด – ปิด: 11.00-21.00 น.

ช.สเต็ก ร้านจิ้มจุ่มชื่อดังเมืองเชียงใหม่ที่เปิดขายมานานกว่า 10 ปี ด้วยความที่รสชาติของอาหารอร่อยเด็ดไม่เป็นสองรองใครบวกกับเป็นห้องแถวเล็กๆ มีโต๊ะไม่ถึง 10 ให้เลือกนั่ง จึงทำให้ในแต่ละวันมีลูกค้าต่างมาต่อสู้เพื่อจับจองที่นั่งกันอย่างมากมาย บางท่านต้องรอคิวถึง 2 ชั่วโมงครึ่งก็มี ตัวเจ๋งเองก็ยังอดกินเพราะคิวยาวมาก อาหารมีให้เลือกหลากหลายทั้งไทยและยุโรป  เมนูแนะนำ ชุดจิ้มจุ่ม หมึกเจ๊ทสกี ไก่ผัดเม็ดมะม่วง กุ้งแช่น้ำปลา หมึกนึ่งมะนาว ฯลฯ ราคาเริ่มต้น 40-50 บาท เคล็ดลับสำหรับคนที่ไม่อยากรอนานให้สั่งกลับไปกินที่บ้านจะได้เร็วกว่านั่งที่ร้าน


3. ซันโทริ – อยากกินต้องรอเพราะมีแค่ 4 วัน

ซันโทริ (Sun Tori)

ที่ตั้ง: โครงการสหศรีภูมิ ช้างเผือก
เวลาเปิด-ปิด: 11.00-14.00 และ 17.30-22.00 (วันเสาร์-อังคาร)
โทร:  087-0238898

ซันโทริ (Sun Tori) ร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆมีเพียง 5 โต๊ะ มีจุดเด่นในเรื่องของความสดใหม่ของปลาดิบ เนื้อแน่นและหวาน เพราะ “เชฟสมบัติ” เป็นคนลงไปคัดปลาทะเลที่ท่าเรือใน อ.ศรีราชาเองกับมือทุกสัปดาห์ ร้านจึงเปิดแค่ 4 วันเท่านั้น และในช่วงมื้อกลางวันจะขายแค่ 3 เมนูคือ ซาชิมิ ซูซิ และข้าวชุดปลาย่าง ราคาเฉลี่ย 100-150 บาทเดินเข้าไปได้เลย ส่วนในช่วงเย็นจะรับเฉพาะลูกค้าที่จองล่วงหน้าเท่านั้น แบ่งเป็น 2 รอบ คือ 17.30 น. และ 19.00 น. เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งร้านที่ต้องผ่านด่านอรหันต์สุดหินจริงๆ มีเงินใช่ว่าจะได้กิน แนะนำให้จองเท่านั้นอย่าเสี่ยงวัดดวงเพราะท่านจะอด


ซันโทริ (Sun Tori)
ชุดซูชิรวม 130 บาท

4. เนื้อสะเต๊ะใต้ต้นข่อย – ต้องลองไปสอยสัก 100 ไม้

ที่ตั้ง: ถนนระแกง ถ้ามาจากถนนช้างคลานถึงสี่แยกโรงแรมลานนาพาเลซ เลี้ยวขวาประมาณ 100 เมตร อยู่ขวามือ
เวลาเปิดปิด : 08.00-12.00 น. หรือปิดร้านเมื่อขายหมด หยุดวันอาทิตย์
โทร: 085-0346320

เนื้อสะเต๊ะใต้ต้นข่อยของพี่แขก เนื้อสะเต๊ะเจ้าดังที่มีสูตรต้นตำรับความอร่อยจากรุ่นพ่อมาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี ร้านนี้ตั้งอยู่ย่านถนนระแกง มีทีเด็ดอยู่ที่สะเต๊ะเนื้อนุ่ม ปิ้งไม้ต่อไม้ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด อะจาดและเครื่องเคียง ราคา 5 ไม้ 20 บาท ลูกค้าบางท่านกินถึง 150 ไม้ก็มี ส่วนความหินของร้านอยู่ที่จะสังเกตุเห็นร้านยากและทำเพียงแค่ 1,000 ไม้ต่อวัน ขายตั้งแต่ 08.00-12.00 น. แต่ถ้าของหมดก็ปิดร้าน งานนี้ใครไปช้าอดกินเจ๋งบอกเลย!

A photo posted by Jennifer Evans (@jenskitchenaus_mkr) on


5. ป้าวุ้นกาดต้นพยอม – จอมอินดี้ตัวจริง

พิกัด :อยู่บริเวณหน้าเซเว่น ตลาดต้นพยอม
เวลาเปิด-ปิด : เปิดวันเว้นวัน ตั้งแต่ 21.30-24.00 น. หรือจนกว่าวุ้นจะหมด
Facebook: วุ้นกาดต้นพยอม

สุดติ่งของร้านอินดี้ขวัญใจนักเรียนนักศึกษา ที่ต้องยกฉายาให้เป็นร้านสุดหินติดอันดับต้นๆของเชียงใหม่คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “ป้าวุ้น” หรือ ป้านิด (ชื่อจริงของท่าน) ผู้ช่ำชองในวงการทำวุ้นมานานกว่า 30 ปี ด้วยความอร่อยบวกกับความอินดี้ในเรื่องการเปิดปิดร้าน ที่มักจะเปิดบ้างไม่เปิดบ้างตามใจป้า เพราะต้องใช้เวลานานกว่า 3 วันเพื่อทำวุ้นมาขายครั้งละกว่า 4000 ชิ้นกว่า 21 รสชาติ นี่จึงเป็นสิ่งที่ลูกค้าผู้น่ารักต้องต่อสู้ถึงขนาดที่บางวันมีลูกค้ามายืนต่อแถวรอซื้อนานถึง 2 ชั่วโมงก็มีมาแล้ว
วุ้นหลากรส ขายในราคา 7 ชิ้น 20 บาท เลือกหยิบได้ตามใจ

6. เลิศรสใต้ร่มมะเฟือง – ฟูเฟื่องเรื่องอาหารจีน

ที่ตั้ง: ถ.วังสิงห์คำ ในซอยข้างร้านปิยะยนต์
เวลาเปิด – ปิด: 11:30 – 14:00 น.และ 17:00 – 21:00 น. ทุกวัน หยุดเฉพาะเทศกาลของคนจีน
โทร: 053-872092

เลิศรสใต้ร่มมะเฟือง ร้านอาหารจีนแบบบ้านๆ ที่เน้นเรื่องของรสชาติและคุณภาพอาหารมากกว่าความสวยงาม ด้วยประสบการณ์การทำอาหารที่ยาวนานกว่า 30 ปีและความใส่ใจในการทำอาหารทุกขั้นตอนของ “เฮียฮก” ทำให้ร้านนี้ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งจากคนเชียงใหม่และเหล่าคนดังจากทั่วสารทิศ ด้วยความที่ร้านตั้งอยู่ในซอย ไม่มีป้ายบอกทาง ไม่มีที่จอดรถ หน้าร้านไม่มีป้ายอะไรบอกทั้งสิ้นอารมณ์เหมือนเดินเข้าบ้านใครสักคน อีกทั้งยังต้องต่อสู้กับราคา นี่จึงเป็นงานหินของเหล่านักชิม ใครที่เจอร้านนี้ถือว่าเจ๋งจริง

7. ข้าวซอยลุงปั๋น – ไม่หวานมันส์แต่ถึงใจ

ที่ตั้ง: ถนนสายบ่อสร้าง อ.สันกำแพง (ก่อนถึงตลาดสันกำแพงเลี้ยวซ้ายเข้าซอย 500 เมตรร้านอยู่ขวามือ)
เวลาเปิด-ปิด: 09.30-14.30 น. ทุกวัน
โทร: 053-331032
ข้าวซอยลุงปั๋นหรือข้าวซอยนิพันธ์ อีกหนึ่งร้านสุดหินในเรื่องของที่ตั้งร้านที่อยู่ไกลถึงอำเภอสันกำแพง และอยู่ในซอยเข้าไปอีกจึงหายากพอสมควร แต่ด้วยความอร่อยทำให้ระยะทางไม่ได้เป็นอุปสรรคเลยแม้แต่น้อย ถึงขนาดที่อดีตนายกทักษิณและอดีตนายกยิ่งลักษณ์ต้องมากินทุกครั้งที่มาเชียงใหม่ จุดเด่นของที่นี่อยู่ที่น้ำซุปข้าวซอยไม่ข้นคลั่งแต่ดันกลมกล่อม เส้นที่เหนียวนุ่ม (ไม่ลวกทิ้งไว้ ลวกสดๆทุกชาม) ยิ่งกินกับเครื่องเคียงที่จัดมาอย่างผักดอง หอมแดงยิ่งอร่อย นอกจากนี้ยังมีก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อและหมูสะเต๊ะที่เด็ดไม่แพ้กัน ราคาเริ่มต้นที่ 35-40 บาท
ข้าวซอยเนื้อ 40 บาท

8. อมตรสโรตี – เวลาเปิดปิดป้าขอดูอีกทีนะลูก


พิกัด: ถนนแยกกองกำลังผาเมือง (หนองฮ่อ) จากถนนโชตนาประมาณ 300 ม. อยู่ซ้ายมือก่อนถึงโรงพักช้างเผือก
เวลาเปิดปิด: 18.00-21.00 น. แล้วแต่ทางร้าน
โทร: 089-8506129
อมตรสโรตี โรตีเจ้าอร่อยย่านช้างเผือก ถึงขนาดได้รับคำชมจากมร.เจ เอ็น มิททรู ที่ปรึกษาองค์กรอนามัยโลก ทีเด็ดของร้านนี้อยู่ที่จังหวะและความปราณีตในการลงมือทอดให้โรตีกรอบได้ที่ มีกลิ่นเนยคลุกเคล้า เพิ่มความหวานด้วยนมข้นหวานและน้ำตาลนิดหน่อยอร่อยไม่มีเบื่อ เมนูมีให้เลือกทั้งโรตีธรรมดา พิเศษและมะตะบะ ราคาเริ่มต้นที่ชิ้นละ 10 บาท ความหินของร้านนี้คือ เราไม่สามารถรู้วันเปิดปิดที่แน่นอนและถ้าของหมดก็ปิด ถ้าหลานชายไม่มาหรือไม่อยู่ก็ไม่ขาย หลายท่านที่เสี่ยงไปทื่อๆอาจอดกิน ใครที่อยากกินแนะนำให้โทรไปถามก่อนดีที่สุด

9. ลาบบังเกอร์ – ต้องเจอกันหลังเที่ยงคืน

ที่ตั้ง: ริมแม่น้ำปิง ใกล้ร้าน White House ทางไปค่ายกาวิละ เชียงใหม่
เวลาเปิด – ปิด: 24.00-08.00 น. หยุดวันเสาร์
Facebook : ลาบบังเกอร์ 

ลาบบังเกอร์ ร้านอาหารเหนือที่ราคาถูกที่สุดและเปิดดึกที่สุดในเชียงใหม่ เป็นงานหินของเหล่านักชิมอาหารเหนือตัวยงที่จะต้องนอนดึกและทนกับความหิวโหยถึงจะได้ลิ้มรสความอร่อยของอาหารเมือง คำว่า“บังเกอร์” มาจากกระสอบทรายที่กั้นน้ำท่วมด้านหน้าร้านและปัจจุบันได้กลายมาเป็นที่นั่งของลูกค้าไปแล้ว อาหารมีให้เลือกหลากหลายทั้งลาบ ต้มแซ่บ จิ้นส้มหมก แอ๊บหมู ไส้อั่ว คอหมูย่าง แกงอ่อม ส้า ไข่ป่าม จิ้นส้มหมก ฯลฯ ราคาเริ่มต้นที่จานละ 10 บาท

 ลาบบังเกอร์


10. ส้มตำเจ๊ต่าย – มาก่อนเวลาเจ้ไม่ขาย อยากกินต้องตำเอง

ส้มตำเจ๊ต่าย เชียงใหม่

ที่ตั้ง: ถ.มหิดล เลยสถานีตำรวจภูธร ภาค 5 ประมาณ 600 เมตร
เวลาเปิด – ปิด: 12.00 – 17.00 น. ทุกวัน แต่ถ้าหากแยกน้ำเปิดขายตั้งแต่ 09.00 น.
โทร: 086-6729252 / 086-1839356
ต่ายส้มตำ ร้านส้มตำชื่อดังย่านสถานีตำรวจภาค 5 มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องความแซ่บของรสมือของเจ๊ต่าย ที่ใครได้กินเป็นอันต้องติดใจซื้อติดไม้ติดมือไปฝากเพื่อนฝูงทุกราย บางคนถึงกับจ้องหิ้วขึ้นเครื่องไปแซ่บที่กรุงเทพ ถึงขนาดที่เจ๊ทำแพ็กถุง แยกน้ำ แยกเส้นเป็นของฝากได้อย่างดี เมนูตำมีให้เลือกหลากหลายทั้งตำไทย ตำไข่เค็ม ตำแคบหมู ตำปูม้า ตำมะม่วง ฯลฯ ราคาเริ่มต้น 30 – 70 บาท ด่านหินของร้านนี้อยู่ที่การไม่รู้วันปิดร้าน เพราะในหนึ่งเดือนเจ๊จะปิดร้าน 2 วันเพื่อเคี่ยวปลาร้า ซึ่งเป็นเคล็ดลับรสแซ่บของร้าน และถ้าหากไม่ถึงเวลาเปิดเจ้จะไม่ขาย อยากกินต้องตำเอง!
ส้มตำเจ๊ต่าย เชียงใหม่

11. ข้าวแกงลุงไทย – เผ็ดสะใจคนนอนดึก

ที่ตั้ง: ทางเข้าซอยกองบิน 41 ข้างโรงแรมพิงค์พยอม
เวลาเปิด – ปิด: 03.00 – 13.00 น. หยุดวันเสาร์-อาทิตย์

ข้าวแกงลุงไทย ร้านข้าวแกงที่มีจุดเด่นเรื่องรสชาติอันเผ็ดร้อนของอาหารกว่า 40 เมนู ไม่ว่าจะเป็นผัดเผ็ดกบ ผัดเผ็ดปลาไหล กระเพราปลาหมึก ปลากระเบนผัดฉ่า ฯลฯ แต่ถ้าใครไม่กินเผ็ดก็มีเมนูเผ็ดน้อยอย่างหมูหวาน ไข่ตุ๋น ไข่พะโล้ ในราคาเริ่มต้นจานละ 30 บาท และด้วยความที่ร้านนี้เปิดตั้งแต่ตีสามใครที่มาช้าอาจพลาดของดีที่ทุกคนรอคอยและที่สำคัญหาที่จอดรถยากมาก นี่จึงเป็นด่านอรหันต์ของเราทั้งหลายผู้แสวงหาความอร่อยล้ำ

12.The Giant Tree Chiang Mai – ใจต้องสู้ถ้าอยากกิน

A photo posted by Nikki Bauer (@nikkibauer2001) on

ที่ตั้ง: บ้านป๊อก เส้นสันกำแพง-แม่ออน
เวลาเปิด-ปิด: 08.30-17.00 น. หยุดวันจันทร์
โทร: 053-317677 / 086-7762946

The Giant Chiang Mai Thailand ร้านกาแฟต้นไม้ที่โด่งดังในในเรื่องของบรรยากาศสวยงามท่ามกลางป่าใหญ่ จุดเริ่มต้นเกิดจากคุณนิคกี้ เจ้าของร้านหนุ่มไฟแรงผู้หลงใหลในเสน่ห์ของธรรมชาติบ้านแม่กำปอง จึงย้ายถิ่นฐานจากเมืองกรุงมาเปิดโรงแรมและร้านกาแฟในถิ่นแม่ออนแห่งนี้ ด้วย concept อยู่อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ เมนูเครื่องดื่มมีหลากหลายทั้งชา กาแฟ สมูทตี้ ส่วนอาหารจะเน้นอาหารไทยเป็นหลัก ด่านหินของที่นี่คือ อยู่ไกลมาก เส้นทางยากลำบากอีกทั้งยังอยู่บนต้นไม้สูงจึงต้องใช้ความระมัดระวัง ใครที่อยากชิมกาแฟพร้อมซึมซับบรรยากาศสวยงามของธรรมชาติก็ต้องสู้กันหน่อย

ท่านใดมีร้านต้องสู้ผ่านด่านสุดหินอยากกินต้องสู้แนะนำเจ๋งเข้ามาได้ อย่าลืมแวะมา Comment มาแชร์ให้เจ๋งได้รู้ตามช่องด้านล่างหรือ

  

เจ๋งจะตามไปรีวิวอย่างทันท่วงที

Relate Posts :