เคยเห็นแต่ในทีวีครับเวลาดูบอลนอก กับกรณีการเหยียดผิวของนักฟุตบอลชื่อดังเวลาลงเล่นกันในรายการต่างๆ และผมก็ไม่คิดว่าจะมาพบเจอเรื่องแบบนี้ที่เมืองไทย
นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปในวันแรกที่ผมพาตัวเองมาอาศัยอยู่ที่นี้ กลิ่นอายการดูถูกเชื้อชาติ ก็เริ่มแตะจมูกทันที ที่ย่างกรายเข้ามาอยู่ต้องเท้าความกันก่อนซักนิด ว่าในเชียงใหม่มีคนหลากหลายเชื้อชาติมาอาศัยอยู่ ทั้งนักท่องเที่ยวฝั่งเอเชียตะวันออก ฝรั่งมั่งค่า คนแอฟริกันผิวสี และที่จะเป็นปัญหาสำหรับที่นี้หลายๆเรื่องเลยก็คือ ปัญหาคนไทใหญ่และพม่าครับ
สำหรับใครที่ไม่รู้จักว่าคนไทใหญ่ คืออะไรก็ขอบอกเอาไว้ตรงนี้ล่ะกันครับว่า ไทใหญ่ หรือ ฉาน คือ กลุ่มชาติพันธุ์ขนาดใหญ่อันดับสองของพม่า ส่วนมากอาศัยในรัฐฉาน ประเทศพม่า และแนวตะเข็บชายแดนพม่า – ไทย ซึ่งปัจจุบันไทใหญ่หลายแสนคนได้อพยพเข้าสู่ประเทศไทยเพื่อหนีปัญหาทางการเมืองและการหางาน โดยมีมาแบบถูกกฎหมายบ้างไม่ถูกกฎหมายบ้างก็ว่ากันไป
กลับมาที่ปัญหาของไทใหญ่อีกครั้งครับ ปัญหาที่ว่าก็คือ การก่ออาชญากรรม ทะเลาวิวาท ความรุนแรง และการอพยพเข้ามาอาศัย ทำงาน อย่างผิดกฎหมาย ในนามของคนต่างด้าว จริงๆแล้วเรื่องพวกนี้ จะอยู่ที่ไหน ชนชาติอะไร ผมว่ามันก็มีปัญหาเหมือนกันหมดแหละครับ ส่วนหน้าที่การจัดการ หน่วยงานไหนเกี่ยวข้องก็ต้องดูแลให้มันเรียบร้อยกันไปแต่ที่ผมไม่เข้าใจตุ้มเลยก็คือ ทำไมคนไทยบางกลุ่มที่นี้ ถึงได้ดูถูกคนไทใหญ่กันหนักหนา ประหนึ่งไฮโซหน้าม้าเจอหน้าตัวเหี้ยในสวนสัตว์
ดูจากอะไร ถึงเรียกได้ว่าดูถูก เหยียดหยามกัน…ง่ายๆเลยจากที่ผมเจอในชีวิตประจำวันของตัวเอง และจากการพูดคุยกับคนรู้จักรอบข้าง ผมสังเกตเห็นได้จากการแบ่งชนชั้นทางสังคมในการใช้ชีวิตแต่ละวัน การกดขี่ข่มแหง การพูดถึงคนไทใหญ่ในทางเสียๆหายๆ ทั้งที่จริงแล้วเราก็ไม่รู้ว่ามันอะไรจริงไม่จริงในชีวิตพวกเขา
และที่หนักไปกว่านั้น ในโลกปัจจุบันที่เทคโนโลยีก้าวเข้ามามีบทบาทในชีวิตคนมากขึ้น มีสื่อในเชียงใหม่ขาใหญ่บางแห่งอาศัยพื้นที่สาธารณะในโลกออนไลน์ อย่างเฟซบุ๊ค กระจายความเห็นต่างๆในทางดูถูกเหยียดหยามเชื้อชาติคนไทใหญ่ ให้ชาวบ้านได้รับรู้ถึงความเลวทรามต่ำช้า
ทั้งจากแอดมินคนที่เป็นเจ้าของเพจเอง และแฟนๆเพจก็ร่วมเข้ามาแจมแสดงความเห็นกัน ประหนึ่งเหมือนเราจุดไฟไปแล้วรอแค่ลมพัดกับเอาน้ำมันมาราดให้มันลุกโชนมากยิ่งขึ้น
ส่วนจุดประสงค์ของการเผยแพร่เรื่องแบบนี้ ผมก็ไม่เข้าใจว่าคนคนทีเขาเป็นเจ้าของเพจที่มีคนตามเกือบแสนต้องการอะไรต้องการผดุงความยุติธรรมในสังคมให้คนไทยที่นี้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ปลอดภัยอาชญากรรมจากไทใหญ่ ต้องการสื่อไปให้หน่วยงานรัฐเข้ามาดูแลจัดการปัญหาไทใหญ่ หรือต้องการเรียกเรตติ้งยอดแฟนเพจตัวองให้ทะลุเพดาน
ซึ่งจากการติดตามดูเพจนี้หลายครั้งๆผมกลับพบว่าน่าจะเป็นอย่างหลังซะมากกว่า เพราะส่วนใหญ่โพสอะไรไปก็ไม่เห็นสร้างสรรค์ แถมยังรู้สึกแฝงด้วยเจตนาดูถูกไทใหญ่อย่างชัดเจนยิ่งแอดมินเป็นหัวหอกคนสำคัญในการโพสเรื่องแชร์เรื่องเมื่อไหร่ ตามนิสัยเกรียนโลกออนไลน์ ก็ต้องตามน้ำไปด้วยทั้งนั้น เพราะไม่มีใครกล้าหือแตกแถวชาวบ้าน เพราะไม่งั้นอาจโดยถล่มจนเสียน้องหมาได้
พอมากคนก็มากความ จากเรื่องเล็กๆ ขี้หมูราขี้หมาแห้ง ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่บานปลาย กลายเป็นไฟลามทุ่ง จนสุดท้ายไปจบลงที่การไปโยนขี้ให้คนไทใหญ่ทุกครั้งไปเวลามีเรื่องร้ายๆอะไรเกิดขึ้นในเชียงใหม่ทุกทีจากปกติที่คนไทยบางกลุ่มมีอคติกับคนไทใหญ่อยู่แล้ว พอมีสื่อกระจายเรื่องพวกนี้ออกไป ทั้งๆที่เรื่องที่เอามาเผยแพร่ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน ก็ยิ่งส่งผลให้คนในวงกว้างเพิ่มจำนวนมีอคติกับคนกลุ่มนี้มากขึ้น
พอมากขึ้นก็จะกลายเป็นปัญหาทางสังคม ในการใช้ชีวิตร่วมกัน แล้วก็อย่าลืมด้วยว่า ที่นี้แรงงานส่วนใหญ่เป็นไทใหญ่แทบทั้งสิ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเมืองเชียงใหม่ให้เจริญเติบโตและบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ผมไม่ได้มาปกป้องคนไทใหญ่ในฐานะซุปเปอร์แมน ถ้าคนไทใหญ่ทำผิดก็ว่ากันผิดไปตามกฎหมาย แต่ถึงเขาจะผิดหรือไม่ เราก็ไม่ควรไปดูถูกชาติพันธุ์พวกเขาไม่ใช่เหรอ?
ใช่อยู่ที่พวกเขาล้าหลังในการพัฒนา ทั้งการศึกษา และคุณภาพความเป็นอยู่ชีวิต แต่เราก็ไม่ควรที่จะไปดูถูกเขาแบบนั้นในทางเสียๆหายๆอันที่จริงเรื่องเปลือกนอกของคนเราmujเห็นทุกวันนี้ มันไม่ได้บ่งบอกอะไรในตัวเลยว่าใครเป็นคนดีคนชั่ว แต่สิ่งที่จะบ่งบอกคุณค่าในตัว คือการกระทำผลกรรมทั้งดีและไม่ดีของแต่ละคน ไม่ว่าคุณจะเป็นคนเชื้อชาติไหน จะรวย จน สูง ต่ำ ดำ เตี้ย กรรมดีกรรมชั่วที่คุณทำนั้นแหละจะแสดงคุณค่าของความเป็นมนุษย์
มนุษย์ที่มีจิตใจประเสริฐ สามารถแยกแยะ ผิดชอบชั่วดี มีวิจารณญาณ มีสติในการตัดสินใจในสิ่งที่มองเห็นตรงหน้าว่าอะไรจริงไม่จริง ผ่านการคิดไตร่ตรองอย่างมีเหตุผลรองรับ ไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจกระทำอะไรลงไปเพื่อความสะใจบางอย่าง พลางโอ้อวดว่าชาติพันธุ์ของตัวเองประเสริฐดีนักแล
และหากจะถามความรู้สึกของคนไทใหญ่ที่นี้ต่อสิ่งที่พวกเขาได้รับการปฏิบัติจากการใช้ชีวิตร่วมกับคนไทย อารมณ์ความรู้สึกมันก็คงไม่ต่างอะไรกันกับฝรั่งเหยียดคนผิวสี คนไทยดูถูกคนลาว คนกรุงเทพฯดูถูกคนอีสาน คนในเมืองดูถูกคนบ้านนอก คนรวยดูถูกคนจนทำนองนั้น
ไม่มีใครสามารถที่จะเลือกเกิดได้หรอกครับว่าจะเกิดมาเป็นคนแบบไหน แต่ที่เราเลือกได้คือการใช้ชีวิตให้มีคุณค่า มีความเมตตา เอื้อเฟื้อกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันไม่ว่าเขาจะเป็นคนชาติไหน ถ้าทำได้แบบนี้ โลกมนุษย์ทุกที่จะมีแต่ความสุขไม่ต้องมาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ทำสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ถ้าไม่อายคน เรื่องเหยียดผิว ก็อายหมาบางตัวบ้างที่มันยังอุตส่าห์มีน้ำใจแบ่งนมให้ลูกแมวตัวเล็กๆกินประทังชีวิต ทั้งที่ๆมันก็เป็นสัตว์เดียจรัจฉานที่ต่างพ่อต่างแม่คนละสายพันธุ์มาเกิด
ปล.เขียนจบแล้วก็นึกถึงคำพูดนึงของนักแสดงหนังชื่อดังอย่าง “เดนเซล วอชิงตัน” ที่เคยพูดเอาไว้ว่า “ถ้าคุณมีเวลามากพอที่จะไปเที่ยวด่าใครต่อใคร ที่คุณไม่รู้จักเขาดีพอ คุณก็น่ามีเวลาที่จะปรับปรุงชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น”
ความเห็นบางส่วนจากเพจ ซึ่งเป็นสื่อแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ มีทั้งจากแอดมินและแฟนเพจจากเฟซบุ๊ค