มีโอกาสได้ไปค่ายอาสาอีกครั้งในปีนี้ หลังจากห่างหายมา ปีกว่าๆ กับการออกค่าย แม้จะไม่ได้ใช้เวลานานเหมือนกับค่ายสมัยเป็นนักศึกษา ไม่ได้ไปสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ แต่กับการไปสร้างเสาธงใหม่ให้โรงเรียนที่แสนห่างไกลนี้ก็สามารถสร้างความประทับใจและเกิดความทรงจำที่ดีสั่งสมเพิ่มพูนลงไปในร่างกายและจิตวิญญาณ
กลุ่มเบาแผ่นดิน เกิดจากการรวมตัวของผู้คนหลากหลายอาชีพ ที่มีความตั้งใจว่าในหนึ่งปีพวกเราจะไปทำอะไรเพื่อคนอื่นๆบ้าง เช่น ค่ายอาสา, ไปทำแนวกันไฟ, เดินเก็บขยะบนดอยสุเทพในคืนวันวิสาขะ และอื่นๆ ตามเวลาและความสะดวกของแต่ละคน ที่ชื่อว่า เบาแผ่นดิน เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ หลายครั้งหลายทีมักถูกเรียกว่าเป็นพวกหนักแผ่นดิน 555
จากหลากหลายอาชีพ ตากล้อง ครูอาจารย์ พยาบาล หมอ นักเขียน นักพัฒนาเว็บไซต์ นักดนตรี พ่อค้าหมูทอด และอื่นๆ ชีวิตประจำวันในเมือง ต่างคนต่างบทบาท ต่างปัญหา ต่างภาระ ได้หล่อหลอมโดยจำยอมก่อให้เกิดเปลือกนอกมากมายที่เราจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น โดยซ่อนเก็บตัวตนของเราเอาไว้ข้างใน
การเดินทางขึ้นดอยสูงเพื่อกิจกรรมนี้ ทุกคนถอดวางตำแหน่งหน้าที่เอาไว้ข้างล่าง เป็นการที่เราได้มีตัวตนที่แท้จริงของเราในขณะที่ได้เปิดใจ เรียนรู้และยอมรับในตัวตนของคนอื่นโดยปราศจากเปลือกมนุษย์เราทั้งหลาย ไม่มีใครเต็มหรือขาดไปเสียทั้งหมด เราขาดบางสิ่งเพื่อจะมีบางอย่างที่ล้นเกินขึ้นมา โลกใบนี้วุ่นวาย เพราะความไม่พอดีๆขาดๆเกินๆ คนที่มีบางสิ่งมากพอกลับไม่เคยพอ อยากได้เพิ่ม ในขณะที่คนส่วนใหญ่อาจไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย แต่กลับต้องอยู่ในสภาวะที่ขาดแคลน
การทำค่ายอาสาเพื่อสร้างบางสิ่งบางอย่าง หรือ การนำของไปมอบบริจาค หลายครั้งผู้มอบมักคิดไปเองว่า เรามีมากกว่าเราเป็นผู้ให้ พวกเค้าที่ได้รับเป็นผู้ขาด ถ้าลองทบทวนและเปิดใจดูดีๆ จะรู้ว่า มีอีกหลายสิ่งที่เราได้รับจากเค้าเหล่านั้น สภาพแวดล้อมที่ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ รอยยิ้มที่ใสซื่อ ความจริงใจทั้งจากผู้คนรวมทั้งเพื่อนร่วมค่าย สิ่งเหล่านี้ หาซื้อไม่ได้ในห้างใหญ่ติดแอร์ หรือ ร้านสะดวกซื้อ มันเป็นการได้รับที่ทรงคุณค่า เป็นน้ำหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณชั้นเลิศให้เรากลับเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองได้อย่างมีความหวังและกำลังใจ
ในค่ายเบาแผ่นดินครั้งที่ 7 นี้ เดินทางไปยังโรงเรียนแม่แดดน้อยสาขาดงสามหมื่น อ.กัลยานิวัฒนา เพื่อสร้างเสาธงใหม่ให้กับเด็กๆ ไปถึงเราพบกับเหล่าครูอาสาที่สมัครผ่านเข้ามาในโครงการครูอาสา มูลนิธิเกื้อฝัน เป็นครูผู้หญิงที่ยอมทิ้งความสะดวกสบายในเมือง บางคนยอมขัดแย้งกับผู้ปกครอง เพื่อไปสอนวิชาประสบการณ์ชีวิตให้กับเด็กๆ แต่ที่ครูบอกมา เด็กๆเหล่านั้นต่างหากที่สอนครู
บนโลกใบนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าการทำงานหาเงินสะสมทรัพย์สินมากมายนัก เปิดใจให้กว้างลองคิดดูดีๆ ชีวิตเราต้องการสิ่งใด เราต้องการเงินทองมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ การออกเดินทางไปยังที่ใหม่ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนและแบ่งปัน ทบทวนดูว่ามีสิ่งใดที่เราขาดรอคอยผู้อื่นมาเติมเต็ม หรือสิ่งใดที่ล้นเกินพอจะเอื้อเฟื้อให้ผู้อื่นได้บ้าง จงทำ โลกเราจะพอดีและสมดุล
ติดตามกิจกรรมต่างๆของกลุ่มเบาแผ่นดินได้ที่ : https://www.facebook.com/baopandin
เว็บเพจของครูอาสาที่โรงเรียนแม่แดดน้อยสาขาดงสามหมื่น : 92 วันกับฝันครูอาสา บนดอยสูง 57