วันหยุดไปไหนดี? เดินห้าง นั่งเม้าท์ที่ร้านกาแฟ ไปไหว้พระ บลาๆๆๆ เคยมีความรู้สึกเบื่อกันไหม? ที่ได้ไปแต่ที่เดิมๆทำแต่เรื่องเดิมๆ แล้วถ้ามีคนถามเราว่า ไปเดินป่ากันไหม? นี่คงเป็นคำถามที่แปลกๆซะหน่อย แต่ทำไมเราไม่ทำมันหล่ะ? ลองออกมาจากกรอบเดิมๆดูสิ มองดูโลกให้กว้างขึ้น บางทีสิ่งที่น่าสนใจอาจอยู่ใกล้ๆตัวเราก็เป็นได้ ออกจากเมืองแล้วเดินเข้าป่าไปหาธรรมชาติกันกับการเดินบน “เส้นทางศึกษาธรรมชาติ”
1. เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกห้วยแก้ว – ผาเงิบ
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาตินี้เป็นเส้นทางที่อยู่ใกล้กับตัวเมืองมากที่สุด เป็นเส้นทางเลียบตามสายน้ำตกห้วยแก้วไปสิ้นสุดที่ลานจอดรถใกล้วังบัวบาน ระยะทางประมาณ 600 เมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 40 นาที เส้นทางศึกษาธรรมชาตินี้ได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยวและจากนักเรียนนักศึกษาสำหรับเป็นแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียน จากอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยเลี้ยวซ้ายเข้าไปยังทางเข้าน้ำตกห้วยแก้ว ที่นี่มีลานจอดรถกว้างขวางสะดวกสบาย มีร้านขายอาหารและเครื่องดื่มไว้คอยบริการ เดินขึ้นมาอีกนิดจะพบกับป้าย “น้ำตกห้วยแก้ว HUAYKEAW WATERFALL” ซ้ายมือเป็นทางเดินเข้ามายังตัวน้ำตก
เมื่อเดินเข้ามาตามทางจะพบกับป้ายแนะนำสถานที่และกฏระเบียบต่างๆ
ด้านซ้ายมือจะเป็นลานหินกว้างๆ ซึ่งบางครั้งจะมีนักเรียนมาใช้เป็น “ห้องเรียนธรรมชาติ”
น้ำตกห้วยแก้วเป็นน้ำตกขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 10 เมตรและมีน้ำไหลตลอดทั้งปี บริเวณรอบๆ น้ำตกมีความสงบและร่มรื่น มีต้นไม้ขึ้นให้ร่มเงาเหมาะแก่การนั่งปิกนิคกับครอบครัวและเพื่อนฝูง หรือจะหาที่เงียบๆ นั่งอ่านหนังสือก็ได้
สำหรับเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติในป่าแห่งนี้จะมีทางเดินเป็นดินแข็งๆและเป็นก้อนหินบ้างบางครั้ง มีความชันเล็กน้อย บางช่วงทางเดินจะเป็นทางที่สร้างขึ้นใหม่โดยใช้ก้อนหินกับปูน แต่ถ้าอยากปีนหน้าผาเล็กๆ เพื่อการเดินทางที่น่าตื่นเต้นก็สามารถทำได้เหมือนกัน(แต่ไม่ใช่ทางที่เดินกันปกติ) และสามารถมองเห็นวิวของตัวเมืองเชียงใหม่ได้แบบไกลสุดลูกหูลูกตา
ตลอดเส้นทางเราจะได้พบกับพืชพรรณธรรมชาติหลากหลายชนิด และบางช่วงยังได้พบกับใบไม้เปลี่ยนสีอีกด้วย
———————————————-
2. เส้นทางศึกษาธรรมชาติห้วยตึงเฒ่า
ห้วยตึงเฒ่าเป็นอ่างเก็บน้ำที่คนเชียงใหม่รู้จักเป็นอย่างดี ตั้งอยู่ที่ตำบลดอนแก้ว อำเภอ
แม่ริม เป็นโครงการหมู่บ้านตัวอย่างตามพระราชดำริและเป็นแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่เขตทหาร คนส่วนใหญ่จะรู้จักห้วยตึงเฒ่าว่าเป็นสถานที่พักผ่อน เล่นน้ำ นั่งทานอาหารบนแพลอยน้ำ ตกปลา ปั่นจักรยาน ฯลฯ น้อยคนนักที่จะรู้ว่าที่แห่งนี้ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติให้ได้ผจญภัยกันอีกด้วย
ก่อนที่จะเข้ามายังห้วยตึงเฒ่าจะต้องเสียค่าบัตรผ่านประตูคนละ 20 บาท จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายมาตามทางเรื่อยๆจะพบกับพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ด้านซ้ายมือจะมีที่จอดรถและศาลาที่พักและที่นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางศึกษาธรรมชาติแห่งนี้
ลักษณะของป่ามีทั้งไม้ยืนต้นและต้นไผ่ขึ้นปนกันไป ในช่วงฤดูร้อนจะพบเห็นความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสี รวมถึงดอกไม้ป่าและเห็ดชนิดต่างๆด้วย
หลังจากที่เดินมาได้สักพักก่อนถึงด่านตรวจ 100 เมตร เลี้ยวซ้ายแล้วเดินเข้าไปประมาณ 50 เมตร เราจะได้ยินเสียงน้ำตกดังมาแต่ไกล โดยน้ำตกแห่งนี้มีลักษณะเป็นแผ่นหินขนาดใหญ่ ค่อนข้างชันและลื่นและเป็นน้ำตกที่ยาวมาก
เมื่อเดินขึ้นมาตามตัวน้ำตกเรื่อยก็จะได้พบกับจุดพักผ่อนสามารถนั่งเล่นน้ำได้ ตัวน้ำตกมีน้ำไหลไม่มากนัก กระแสน้ำไหลไม่แรง สามารถไปยืนอยู่กลางน้ำตกได้สบายๆหรือจะนั่งฟังเสียงน้ำตกแบบชิวๆก็ได้ ที่นี่เงียบมากเหมือนกับอยู่ในโลกส่วนตัวของเราเลย
เมื่อออกมาจากน้ำตกแล้วจะพบกับจุดสิ้นสุดของเส้นทางนี้คือด่านตรวจห้วยตึงเฒ่านั่นเองและสำหรับคนที่ไม่อยากเดินไกลก็สามารถขับรถมาจอดที่ด่านตรวจนี้ได้
———————————————-
3. เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน
ที่สุดของเส้นทางศึกษาธรรมชาติของเชียงใหม่คงหนีไม่พ้น “เส้นทางศึกษาธรรมชาติ
กิ่วแม่ปาน” บน
ดอยอินทนนท์ สถานที่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากเหล่านักท่องเที่ยว โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการท่องเที่ยวคือระหว่างเดือนธันวาคม-มกราคม และทางอุทยานจะปิดไม่ให้เข้าชมในช่วงเดือนมิถุนายน-ตุลาคม
เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน อยู่กม.ที่ 42 ของถนนสายจอมทอง-ดอยอินทนนท์ สูง 2,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ลักษณะทางธรรมชาติเป็นแบบป่าดิบเขาและทุ่งหญ้าบนสันเขา เส้นทางศึกษาธรรมชาตินี้มีระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดิน 2-3 ชั่วโมง แต่ก่อนที่จะเข้าไปข้างในได้นั้นเราจะต้องจ้างไกด์นำทางและต้องจ่ายเงินค่าไกด์นำทางตอนขากลับ
ในช่วงแรกเราจะได้พบกับสภาพป่าดิบเขา มีต้นไม้สูงใหญ่และต้นไม้จะถูกปกคลุมไปด้วยมอสหรือเฟิร์น ไกด์เล่าให้ฟังว่ามอสที่ขึ้นปกคลุมต้นไม้เหล่านี้คือ “ผ้าห่มธรรมชาติ” นั่นเอง
สภาพทางเดินในป่าค่อนข้างดี ไม่ขรุขระมาก ตรงส่วนที่เป็นเนินจะมีบันไดให้ใช้และจะมีสะพานให้ข้ามเวลาเจอลำห้วยทำให้เราสามารถเดินดูสิ่งต่างๆได้แบบสบายๆ ที่นี่จะมีจุดให้นั่งพักเป็นระยะๆ หรือเราจะขอให้ไกด์หยุดที่ไหนก็ได้เมื่อเรารู้สึกเหนื่อย
ช่วงที่สองจะมีลักษณะเป็นแบบทุ่งหญ้าบนสันเขา ที่นี่จะมีจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงคือ “จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน” นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นมาดูทะเลหมอกในตอนเช้า เส้นทางเดินจะแคบๆและเป็นบันไดลัดเลาะไปตามสันเขาและเส้นทางช่วงสุดท้ายก็จะเป็นป่าดิบเขาอีกครั้ง
และเนื่องจากสภาพป่าเป็นแบบป่าดิบเขา มีความชื้นสูง เราสามารถพบเห็นมอส เฟิร์น เห็ดชนิดต่างๆ รวมถึงพืชหายากหลากหลายชนิด
ต้นกุหลาบพันปี
ตลอดระยะทางของเส้นทางศึกษาธรรมชาตินี้จะมีป้ายอธิบายถึงลักษณะธรรมชาติ ลักษณะพืชพันธุ์ที่พบบนเขาแห่งนี้ รวมทั้งหมด 21 จุด การเดินศึกษาธรรมชาตินอกจากเราจะได้ความสนุกและได้ออกกำลังกายแล้ว เรายังได้พบเจอสิ่งใหม่ๆ ที่บางครั้งเราอาจไม่เคยเห็นมาก่อนอีกด้วย
“We live in a wonderful world that is full of beauty,
charm and adventure. There is no end to the adventures
we can have if only we seek them with our eyes open.”
เราอยู่ในโลกอันน่าประหลาดใจที่เต็มไปด้วยความงดงาม เสน่ห์
และการผจญภัยมากมาย ไม่มีคำว่าสิ้นสุดสำหรับการผจญภัยที่เราสัมผัสมันได้
ถ้าเพียงเราเปิดดวงตาค้นหาความงดงามเหล่านั้น – Jawaharal Nehru
———————————————-
ท่านใดที่มีสถานที่น่าสนใจแนะนำเจ๋งเข้ามาได้ อย่าลืมแวะมา Comment มาแชร์ให้เจ๋งได้รู้ตามช่องด้านล่างหรือ
เจ๋งจะตามไปรีวิวอย่างทันท่วงที