BLOG เลี้ยงลูก ในยุคนี้จะเลี้ยงลูกให้ปราศจากอาการติดหน้าจอทั้งหลายได้อย่างไร
ปัญหาที่เราเห็นทุกวันนี้คือ เด็กๆของหลายๆบ้านมีอาการติดหน้าจอ ทั้งจอทีวี จอมือถือ จอแทบเล็ต โดยเฉพาะสองอย่างหลังจะติดกันมาก เพราะมันมีเกมให้เล่น มียูทูปให้ดู ตอบสนองความต้องการเด็กได้อย่างครบถ้วนสนุกสนาน แต่สร้างปัญหาตามมาคือ อาการก้าวร้าว งอแง ไม่ยอมทำการบ้าน ไม่ยอมกินข้าว ไม่ทำนั่นนี่ถ้าไม่มีไอแพด
ทำความเข้าใจตรงกันก่อนว่าธรรมชาติของเด็กคืออะไร ตอบ-มันคือการเล่น โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ส่วนเด็กโตก็ยังต้องการการเล่นแต่อาจแทรกงานบางอย่างให้หัดรับผิดชอบ เมื่อการเล่นเป็นส่วนสำคัญก็ถามต่อว่า การให้เด็กเล่นไอแพด มือถือ จัดว่าเป็นการเล่นตามธรรมชาติด้วยหรือไม่ หลายท่านคงตอบได้ทันที
ทำไมเด็กถึงต้องเล่น เพราะการเล่นช่วยเสริมสร้างพัฒนาการ เสริมสร้างทักษะต่างๆในการดำรงชีวิต เด็กเล็กยังไม่พร้อมที่จะเรียนหรือทำตามคำสั่งอย่างแข็งขัน เพราะฉะนั้น การเล่นอย่างเหมาะสมจึงสำคัญมากต่อพัฒนาการของเด็ก
มีงานวิจัยจากเมืองนอกบอกว่า ใน Silicon Valley สถานที่ก่อกำเนิดเทคโนโลยีชั้นนำของโลก เหล่าผู้บริหารบริษัททันสมัยเหล่านี้ไม่ได้ให้ลูกเล่นไอแพด ไอโฟน และยังป้องกันเด็กๆไว้จากเทคโนโลยีเหล่านี้ จนกว่าพวกเขาจะโตจนถึงวัยที่เหมาะสม จึงจะได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้
ในทางกลับกัน บ้านเราซึ่งเป็นประเทศผู้เสพเทคโนโลยี กลับให้ลูกหลานเข้าถึงอุปกรณ์และสื่อเหล่านี้เร็วเกินไป กลัวลูกไม่ทันสมัย กลัวลูกไม่ทันเพื่อน กลัวลูกใช้คอม ใช้ไอแพดไม่เป็น เราในฐานะที่ทำงานเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและอุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลาย ขอบอกเลยว่าไม่เป็นความจริง ของเหล่านี้ใช้งานง่ายมาก ใช้ได้แบบไม่ต้องคิดอะไร ทักษะการคิดเป็น การคิดสร้างสรรค์สำคัญกว่ามาก
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาดูกันว่า ถ้าเราอยากจะให้เด็กๆของเรา ลด ละ เลิก อาการติดหน้าจอ ควรต้องทำอย่างไรบ้าง
1. กำจัดหน้าจอออกจากบ้าน – อ่านไม่ผิดครับ เอาออกจากบ้าน ถ้าจำเป็นต้องใช้งานก็ให้เข้ารหัสไว้ และนำไปไว้ในที่มิดชิด เด็กมองไม่เห็น เมื่อเด็กไม่เห็นก็จะไม่อยากเล่น เมื่อไม่ได้เล่นหน้าจอก็ต้องหาอย่างอื่นเล่น หาอย่างอื่นทำ ซึ่งนำไปสู่ข้อสอง
2. จัดเตรียมสถานที่และกิจกรรมที่เหมาะสม – พอไม่มีไอแพด เด็กก็จะมุ่งไปหาทีวี (ถ้าคุณโอเคให้ลูกดูละครน้ำเน่าและโฆษณาครีมรักแร้ขาวก็ไม่เป็นไร) ก็ต้องกำจัดทีวีออกไปอีก ไม่ได้หมายว่าให้ยกออกไปจากบ้าน แต่จำกัดการดูหรือไม่ต้องดูมันเลย เอารีโมทไปไว้ที่อื่น เอาล่ะพอดูทีวีไม่ได้ เด็กย่อมต้องการเคลื่อนไหว เราต้องเตรียมที่ไว้ให้เล่น อาจเป็นที่โล่งๆ หรือห้องนั่งเล่น เอาของเล่นที่สร้างสรรค์ไปไว้ในนั้น แล้วเขาจะเล่น ถ้าเขาเล่นไม่เป็น ให้เล่นเป็นเพื่อนเขาจากนั้นเขาจะรู้วิธีเล่น
3. กิจกรรมนอกบ้าน – คนเราดูทีวีหรือเล่นไอแพด เพราะมีเวลาและมีพลังเหลือ ถ้าเด็กได้ใช้พลังจนหมดแล้ว ก็จะไม่สนใจหน้าจอสักเท่าไหร่แล้ว หลังเลิกเรียน อาจจัดกิจกรรมสนุกๆและได้ออกกำลังกาย เช่น ชวนลูกไปวิ่ง ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำตอนเย็น จากนั้นกลับบ้าน อาบน้ำ ทานข้าวเย็น พูดคุยกัน สอนลูกทำการบ้าน อ่านนิทาน ส่งลูกเข้านอน เด็กไม่ควรหลับเกินสามทุ่ม ดึกกว่านั้นส่งผลต่อสมอง สภาพร่างกายและอารมณ์ในวันถัดมา
ท่านใดทดลองนำไปใช้แล้วได้ผลอย่างไร มา comment แบ่งปันกันได้ในช่องด้านล่างนี้ หากมีข้อเสนอแนะก็ได้เข่นกัน ถือว่าแบ่งปันกันครับ
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
ขอบคุณข้อมูลจากบล็อก www.itong2go.com
เกี่ยวกับ @itong2go: เฮียโก บล็อกเกอร์พ่อลูกสาม บ้านอยู่เชียงใหม่ อาชีพทำเว็บไซต์ ชอบดูหนัง ชอบท่องเที่ยว
Twitter: @itong2go
Facebook: Govit Thatarat
Instagram: @itong2go