พอดีเจ๋งไปอ่านเจอเรื่องราวของสาวน้อยคนนี้ที่ชวนเพื่อนๆ นั่งรถไฟจากกรุงเทพฯ มาเที่ยวเชียงใหม่ จัดทริปกันเองได้อย่างสนุกสนาน และมีกลิ่นอายผจญภัยเล็กๆ แบบเด็กสาว มาติดตามกันดีกว่าว่าพวกเธอไปเที่ยวที่ไหนบ้าง…
สวัสดีเจ้าาา เพิ่งกลับจากเชียงใหม่มา ขอเขียนกระทู้รีวิวสักหน่อยละกัน
อธิบายชื่อกระทู้ก่อนเผื่อแม่มาอ่าน5555 คือไม่ได้โดดเรียนนะ พอดีอาจารย์แคนเซิลคลาส ก็เลยใช้โอกาสวันว่างติดกัน4วันแบบนี้ นั่ง(นอน)รถไฟไทย ขึ้นเหนือไปเที่ยวเชียงใหม่กันซะเลย
12-15 พฤศจิกายน 2558
มาเริ่มทริปกัน ;’)
.
.
วันที่12
ทริปนี้มีเรากับเพื่อนผญ.อีก2คน เริ่มต้นจากหอพักหน้ามหาลัย มาขึ้นรถตู้แล้วต่อด้วยรถเมล์ ลงที่สถานีหัวลำโพง โดยก่อนจะถึงเวลาขึ้นรถไฟก็แวะกินก๋วยเตี๋ยวรองท้อง + ซื้อขนมในเซเว่นไปกินบนรถไฟกันก่อน
วันที่13
มีคนขึ้นลงสถานีทั้งคืนแทบไม่ต้องนอน อากาศหนาวอีก พอ7โมงกว่าๆรถไฟก็มาจอดที่สถานีเชียงใหม่ ถึงแล้ว เย้!
พอดีพ่อเพื่อนติดต่อรถตู้ไว้ให้ เราเลยได้เปรียบด้านการเดินทาง ใครที่ไม่มีรถก็เรียกรถสองแถวคันสีแดงไปที่ต่างๆได้ ราคาตามตกลงเลยเจ้าา
เราแวะที่พักก่อน คือ Sleep Box Hotel ล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้า (ฝากกระเป๋าไว้ได้ เพราะเช็คอินต้องรอบ่าย2) จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่สถานที่แรก…
พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์
หมอกลงค่อนข้างเยอะ อากาศเย็นสบายกำลังดี ไม่หนาวเกินไป เจอทัวร์ชาวจีนก็เยอะ สถานที่ทั้งหมดก็จะเป็นสวนพืชไม้ ดอกไม้ ธรรมชาติมากๆ แต่เราดูไม่ค่อยเป็นหรอก พวกดอกไม้อ่ะ 555555 มีอ่างเก็บน้ำด้วย เดินชมจนทั่ว ถ่ายรูปจนพอใจ ก็ขึ้นรถมาที่วัดพระธาตุดอยสุเทพต่อ (อยู่ห่างจากภูพิงค์ประมาณ4กิโลฯเอง) หรือใครจะนั่งรถแดงขึ้นไปดอยปุยก็ได้นะ อยู่ใกล้กัน
วัดพระธาตุดอยสุเทพ
ไหว้พระ ทำบุญทำทาน เป็นสิริมงคลแก่ตัวเองซะหน่อย เสี่ยงเซียมซีด้วย ชอบเหลือเกินไอ้พวกเสี่ยงทายเนี่ย 5555555
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติค่อนข้างเยอะนะ อ้อ! เดินขึ้นบันไดมาพระธาตุนี่เหนื่อยสุดใจ ไม่รู้ตัวเองแก่หรือกระดูกมันไม่แข็งแรง เหนื่อยมาก รู้งี้น่าไปนั่งกระเช้าขึ้นมาแทน
ทานข้าวซอย
หลังจากนั้นก็นั่งรถมาทานข้าวที่ร้าน ‘ข้าวซอยเสมอใจฟ้าฮ่าม’ สั่งข้าวซอยเนื้อ หมูทอด และไก่ย่างไป กินได้เหมือนปอบลงมาก หิวสุด รสชาติโอเค อร่อยดี แต่เราไม่ค่อยชอบกินข้าวซอยเท่าไร มันเลี่ยนๆ
ม่อนแจ่ม
แล้วเราก็นั่งรถมาต่อกันที่ม่อนแจ่ม! ทางขึ้นเขาได้ใจไปเต็มๆ โค้งชันและหักศอกทั้งนั้น แต่ก็ไม่ได้โหดหินมากจนเกินไป มีดมยาดมไปนิดหน่อย ให้เลือดลมมันไหลเวียน (จะเป็นลม 55555) พอมาถึงมีฝนตกอยู่ครู่นึง ต้องยอมรับว่าที่นี่สวยจริงๆ ชอบท้องฟ้า ชอบภูเขามาก มองแล้วสบายตาสบายใจ สวยมาก ชอบจริงๆ
Sleep Box Hotel
สี่โมงกว่าๆ เรากลับมาที่พักเพื่อเช็คอิน เก็บสัมภาระให้เรียบร้อย เราเฉยๆกับที่นี่นะ เรื่องบริการนี่ออกแนวจะติดลบเลย พนักงานดูไม่ใส่ใจ ไม่ค่อยอยากบริการ หน้าตาไม่ยิ้มแย้ม เหมือนมาทำงานให้มันจบๆวันไปงั้นอ่ะ ส่วนห้องพักก็โอเค แต่ก็ไม่ได้สวยมากมาย มันก็ดีอ่ะแหละ แต่เจอบริการแบบนี้ก็เลยเฉยมาก
นิมมานเหมินทร์
แล้วก็มาต่อกันที่ ถนนนิมมานเหมินทร์!
เราเดินดุ่มๆกันแบบไม่มีแพลนอะไรเลย อยากซื้ออะไร เข้าร้านไหน กินอะไร ก็ตามนั้นเลย ไม่ได้หาข้อมูลล่วงหน้ามา ซึ่งทำให้เสียเวลา แต่ชอบ ชอบเดินซุยไปเรื่อยๆ เจออะไรถูกใจก็แวะ 55555555
ดึกๆก็กลับที่พัก อาบน้ำ นอน (หลับเป็นตาย)
.
.
วันที่14
ตื่นตี5ครึ่งนะเจ้าา แทบคลานลงจากเตียง ตอนแรกอยากดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ดอยอินทนนท์จะไม่เห็นนะ เพราะมันสูง ภูเขาบัง แต่ก็อยากไปเช้าๆอยู่ดี ออกจากที่พักโดยไม่มีอะไรรองท้องซักนิด หิวไส้กิ่วเลยงานนี้
ยอดดอยอินทนนท์ (สูงสุดแดนสยาม)
ค่าเข้าดอยอินทนนท์ ราคานักศึกษา คนละ20 ค่ารถต่อคัน 30บาท ถึงดอยอินตอน9โมง ด้วยความที่คิดว่าเมื่อวานไม่เห็นจะหนาวเท่าไร ก็เลยใส่เสื้อแขนยาวบางๆกับเอี๊ยมแบ๊วๆมา แล้วเป็นไง… 10องศา! ปากสั่นขาแข็งกันเลยทีเดียว จะยกกล้องนี่ยังไม่ไหว เดินเอามือซุกกระเป๋ากางเกง ยิ้มทีก็หน้าตึงที 55555555 ตลกตัวเอง พอปรับร่างกายได้ก็เดินถ่ายรูป ชื่นชมธรรมชาติกันไป เจอกลุ่มคุณตาคุณยายมาเที่ยวเยอะแยะ น่ารักกันมากๆ คุยกันเฮฮา ชอบๆๆ
กิ่วแม่ปาน / พระมหาธาตุนภเมทนีดล นภพลภูมิสิริ
เสร็จแล้วก็มาแวะตรงทางเข้าจุดชมวิวกิ่วแม่ปาน กินข้าวต้มร้อนๆ ไข่ลวก ไมโล ปริ่มใจ ปริ่มพุงสุดๆ พวกเราไม่ได้เข้าไปในตัวกิ่วแม่ปาน (ค่าเข้า200.- ใช้เวลาประมาณ3ชั่วโมง) แต่ก็เดินถ่ายรูปเล่นทั่วบริเวณนั้นแทน เดินถัดมาอีกนิดจะมีรถสองแถวฟรี ขับไปส่งที่พระมหาธาตุ ค่าเข้า 40บาท
น้ำตกวชิรธาร
ขาลงจากดอย ได้ผ่านน้ำตกวชิรธาร ก็เลยแวะลงไปดู สวยมาก ยิ่งใหญ่อลังการ น้ำกระเซ็นแรงจนเลนส์กล้องนี่เลอะไปหมด เลยไม่ค่อยถ่ายรูปมา แต่บรรยากาศดีสุดๆ ปล. มีร้านกาแฟอยู่ร้านนึง แพงมากกกกก อยากลงไปดิ้น!
ทานข้าวซอย (อีกครั้ง)
ชมความงาม ท่ามกลางอากาศเย็นสบายเสร็จแล้ว ช่วงเที่ยงก็กลับลงมาแถวตัวเมือง (อากาศร้อนไขมันละลายกันเลยจ้ะ) มาแวะทานอาหารที่ร้าน ‘ข้าวซอยกระโหล้ง’ กิมมิคของร้านก็คือ ทุกอย่างทำจากกะลา ซึ่งน่ารักมาก ชอบไอเดีย บริการก็ดี รสชาติก็ถูกใจ ราคาอาจจะสูงนิดนึง แต่รับได้ ประทับใจเพราะที่ใส่น้ำแข็งที่แหละ น่ารักกก
สถานที่ต่อไปนี้ไม่ได้อยู่ในแพลน จริงๆแล้วเราไม่ได้มีแพลนอะไรกันทั้งนั้นแหละ อยากมาก็มาเล้ยยย จะไปไหนเดี๋ยวค่อยคิด เบื่อชีวิตเมือง เบื่อเรียน! 5555555 (บ่นไปงั้น กลับไปก็มีรายงาน ควิซ สอบ กองเท่าภูเขารออยู่)
แกรนด์แคนยอน หางดง
พลาดมากที่ไม่เอาชุดมาเล่นน้ำ! พลาดๆๆ รู้สึกสะเทือนใจ เพราะน้ำน่าเล่นมาก แถมอากาศก็ร้อนสุดๆ อยากโดดน้ำตู้ม!
ค่าเข้า 50บาท ต่อคน บัตรเข้าสามารถไปแลกน้ำสมุนไพรฟรี1แก้ว หรือใช้เป็นส่วนลด25บาท ซื้อพวกกาแฟก็ได้ (รู้สึกตัวเองเหมือนโดนจ้างมาประชาสัมพันธ์ 555555)
บ้านข้างวัด
มองปู้จายฝรั่งจนพอใจแล้ว ไม่ใช่สิ! ถ่ายรูปธรรมชาติจนพอใจแล้ว ก็มาต่อกันที่ โครงการบ้านข้างวัด เราเข้าใจ(ไปเองนะ)ว่าเป็นโครงการที่บ้านแต่ละหลังก็จะเปิดกิจการต่างๆ มีร้านเค้ก ร้านกาแฟ ร้านไอติม ร้านอาหาร ร้านหนังสือ มีสวนเล็กๆ มีช็อปทำเครื่องปั้นเซรามิกต่างๆ ประมาณนี้ ซึ่งถูกใจพวกเรามาก อยากขโมย5555 ล้อเล่นๆ แต่มันน่ารักไปหมดทุกอย่างเลยจริงๆนะ
จากนั้นก็กลับมาชาร์จแบต (ตัวเอง) ที่ที่พักกันก่อน เหนื่อยเหลือเกินน แบตกล้องก็หมด ร้อนอีก อาบน้ำ ดูทีวีอยู่พักนึง ก็ออกไปเรียกรถแดง (ไม่มีรถตู้แล้ว เพราะวันรุ่งขึ้นพี่คนขับจะไปแพร่ เราเลยตกลงจะไปกันเอง โดยได้ออกค่าน้ำมันรถให้พี่รถตู้ไปเฮียบฮ้อย) รถสองแถวแดงมาส่งที่ถนนนิมมานอีกครั้ง (คนละ20บาท) เราก็หาอะไรกินกันตามเคย จริงๆกินกันตลอดทริป จนพุงปลิ้นละเนี่ย
ชมชิมช็อป ละลายทรัพย์กันอย่างหนุกหนาน ก็เรียกรถแดงกลับมาที่พัก อาบน้ำ เก็บของ นอน พรุ่งนี้ตื่นเช้าอีก!
วันที่15 (กลับแล้น)
ตลาดวโรรส (กาดหลวง)
ตื่นตี5ครึ่งอีกแล้วเจ้า อาบน้ำเช็คสัมภาระ แล้วมาคืนกุญแจเช็คเอ้าท์ออกตอนประมาณ6โมงครึ่ง (ลุงยามของที่นี่แกใจดีแล้วก็เซอร์วิสดีนะ เอาไปสามผ่าน ให้แค่ลุงคนเดียว 5555555)
เรียกรถแดง (คนละ30บาท) มาถึงตลาดวโรรส หรือบางคนเรียกกาดหลวง (ตอนเด็กๆมาบ่อย ซื้อแคปหมูกับไส้อั่วประจำ) พอมาถึงก็ตรงไปซื้อของฝากก่อนเลย ประมาณว่าเพื่อนๆนี่บีบคอขู่ให้ซื้อของฝากไปให้มัน ล้อเล่น55555
โกเหน่ง น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋
ซื้อเสร็จเรียบร้อย ก็หอบถุงพะรุงพะรังมาต่อแถวที่ร้านโกเหน่ง เพื่อจะซื้อปาท่องโก๋รูปสิงสาราสัตว์ คนเยอะมากล้านแปด รอคิวเกือบชั่วโมงได้ แต่หิว ยอมใจ ยอมรอ สั่งยับอ่ะ ไข่ลวก ไมโล ซาลาเปาทอด อะไรมาหมด หิวววว จะกินนนน! (ทำไมเป็นผู้หญิงรุนแรง)
ซื้อเสร็จก็รีบนั่งรถแดงมาสถานีรถไฟ รถไฟรอบ 8.50 น. เป็นตั๋วนั่งแอร์ มีบริการอาหารกลางวัน และของว่าง แต่นั่งเมื่อยมากกกก นอนไม่สบายสักนิด โชคดีที่มีแอร์ และคนข้างๆเป็นฝรั่ง เย้ย! เราก็เลยมานั่งเขียนกระทู้อยู่นี่แหละ เพราะมันนอนไม่ด้ายยยย
สองทุ่มครึ่ง ถึงหัวลำโพงโดยสวัสดิภาพ…
ลาก่อนเชียงใหม่ เดี๋ยวมาอีกแน่ๆ แต่ขอกลับไปสู้กับไฟนอลก่อนนะ 5555555
ค่าใช้จ่ายในทริปนี้ (สำหรับ1คน) เผื่อใครอยากใช้เป็นไกด์ไลน์ดูนะ
รถไฟนอนแอร์ เตียงบน : 791.-
รถไฟนั่งแอร์ : 641.-
Sleep Box Hotel 2 คืน : 800.-
ค่าอาหารตลอดทริป ประมาณ : 600.-
ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ รวมทั้งหมด : 120.-
ค่าพาหนะเดินทาง : ค่าน้ำมันรถตู้300.- / รถสองแถวแดงรวมทั้งทริป 170.-
**รวม : 3,422.- (จริงๆมีของฝากอีกจิปาถะ)
ขอบคุณที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จริงๆอยากเขียนเยอะกว่านี้อีก เรื่องมันเยอะ 55555 แต่กลัวคนไม่อ่าน -3-
รูปทั้งหมดจากกล้อง Nikon D5300 น้าา ปรับสีรูปใกล้เคียงภาพจริงอยู่นะ
ขอบคุณผองเพื่อนอีกสองคนในทริปนี้ มีความสุขมาก
และขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันนะเจ้าา บ๊ายบาย ^^
Travelling – it leaves you speechless, then turns you into a storyteller.
Thanks Pucher and Aomsin for being my great partners :’)