เราจะข้ามฟ้ามา… เชียงใหม่ไปฉางซา 1

นกบางชนิดจะบินเป็นคู่ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นนกชนิดไหนแต่ฉันไม่แน่ใจ ว่าตัวเองเป็นนกชนิดไหนกัน

ฉันรักการเดินทาง ซึ่งส่วนใหญ่มักเดินทางคนเดียว ไม่ใช่ว่าอยากโดดเดี่ยวอะไรมากมายแต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาบอกว่าการใช้ชีวิตกับคนเป็นกลุ่มโดยเฉพาะในขณะเดินทางท่องเที่ยวมักจะวุ่นวายชุลมุน ต้องรอกันฉันไม่ชอบรอใครและไม่อยากให้ใครต้องรอฉัน

การเดินทางไปยังประเทศที่คุ้นเพียงชื่อ แต่เอาเข้าจริงแทบไม่รู้จักอะไรดีเลย ด้วยความที่ประเทศจีนนั้นกว้างใหญ่ไพศาล จำนวนประชากรก็มากมาย เลยไม่รู้ว่าความเป็นจีนที่เข้ามาแทรกซึมอยู่ในไทยเป็นเวลายาวนั้น บนแผ่นดินใหญ่จริงๆแล้วมันจะหลากหลายหรือเป็นยังไง

ฉันเอง – ภาษาไทยปรกติก็เป็นคนพูดจาเลอะเทอะอยู่แล้ว อังกฤษก็กระท่อนกระแท่น จีนไม่ได้เลยสักแอะ ถ้าเดินทางไปคนเดียวหรือจะไปอีกกี่คนแต่ ถ้าไม่มีคนได้ภาษาจีนนี่แลดูท่าจะลำบากเธอ…เธอพูดภาษาจีนได้ เธอชำนาญและมีความรู้ในเรื่องจีน ฉันจึงยกทริปนี้ให้เธอจัดการ ฉันรู้อย่างเดียวว่าต้องไปจีน แต่ไปไหนนี่ไม่รู้อะไรสักอย่าง รู้อยู่อย่างคือต้องไปทำวีซ่า และต้องทำวีซ่าที่แบบว่าโคตรด่วน เนื่องเพราะเวลาจำกัดมากอีก 3 วันจะเดินทางแล้ว

ลองหาข้อมูล พบว่าวีซ่าด่วนวันเดียวได้มีค่าใช้จ่าย 2200 สถานฑูตจีนที่เชียงใหม่ก็มี ที่อยู่ตามนี้  –> แผนที่สถานฑูตจีนจ้ะ

ถ่ายรูปเตรียมเอกสารอันที่สำคัญๆ ก็ตั๋วเครื่องบินไปกลับ ส่วนที่พักนี่ก็จองผ่าน Bookings.com คร่าวๆ ไปอย่างนั้นจองเอาแบบที่ยังไม่ต้องจ่ายตังค์ละก็พิมพ์หน้าใบจองออกมา มีหนังสือจดหมายรับรองเบาๆ ว่าไปทำงานนะ ครบครันจึงค่อนข้างมั่นใจ

ที่พักที่จองไปมั่วๆ
ใบจองที่พักที่จองไปมั่วๆ

สุดท้ายก็มาใจแป้วตั้งแต่ป้อมยาม เพราะพี่ยามแกบอกว่า ถ้าจะทำวีซ่าจีนที่เชียงใหม่ต้องเป็นคนมีภูมิลำเนาคือ มีชื่อในทะเบียนบ้านในจังหวัดภาคเหนือเท่านั้นนะ ก็พยายามอธิบายว่านครสวรรค์นี่ก็เหนือนะ ไม่งั้นตอนนั้นสอบโควต้าภาคเหนือไม่ได้หรอก ชักแม่น้ำปิงและแม่น้ำอื่นๆ ในภาคเหนือมายืนยันกับพี่ยามว่าผมเป็นคนเหนือนะ จนแกเริ่มรำคาญละบอกไปถามข้างในเอง


พอไปถึงข้างในยื่นใบคำขอและหลักฐานต่างๆ ก็เจอคำถามว่า ไม่ใช่คนเหนือนี่คะ? ก็พยายามอธิบายไปว่า เอ่อ ผมไปทำงานน่ะครับ ละก็อยู่เชียงใหม่มาตั้งแต่น้องหัดท่องสูตรคูณแม่ 5 นั่นล่ะ น้องก็เลยโอเคค่ะ ผ่าน!! ทุกอย่างรวดเร็วมาก บอกพรุ่งนี้พี่มาหาน้องอีกนะคะ จบ!!

ถึงวันเดินทางอย่างรวดเร็ว ยังงงๆ กับชีวิตตัวเอง เพราะไม่ได้เตรียมตัวอะไรดีเลย ที่สำคัญกูกำลังจะไปไหนก็ไม่รู้เนี่ย เธอจัดการเองทั้งหมดรู้แค่ว่า เชียงใหม่ไปฉางซา ละฉางซามันอยู่ตรงไหนบนแผนที่จีนก็ไม่รู้ ครั้งนี้น่าจะเป็นการเดินทางไกลด้วยกันครั้งแรกของเราในที่ที่ไม่คุ้นเคย ต้องไปกัน 10 วัน กังวลมากคือ ต้องห้ามทะเลาะกันเพราะถ้าทะเลาะคนที่เดือดร้อนน่าจะเป็นฉัน

ความโกลาหลเริ่มขึ้น เราเดินทางด้วยเครื่องบินของแอร์เอเชีย ซึ่งมีเที่ยวบินตรงจากเชียงใหม่ไปเมืองฉางซา โดยเที่ยวบินไปกลับนั้นมีไฟล์ทเดียวต่อวัน ฉันมั่นใจว่าเครื่องบินจะออกเวลา 18:15 น. เพราะตั้งแต่รู้ว่าจะได้ไปจีนก็ติดต่อเรื่องตั๋วกับแอร์เอเชียเนี่ยหลายรอบอยู่ แต่วันนี้วันที่เราต้องเดินทาง เธอก็ทำลายความมั่นใจของฉันลง เพราะเธอบอกว่าเครื่องออก 2 ทุ่มกว่านู่น.. ฉันแย้ง เธอก็ยังยืนยัน ฉันเชื่อคนยากแต่กับเธอ ฉันเชื่อง่ายเหลือเกิน เรายังไม่ได้เก็บข้าวเก็บของอะไรกันเลย แม้เวลาจะบ่ายแล้ว สตางค์ก็ยังไม่ได้แลก เพราะในเมื่อเครื่องมันออก 2 ทุ่มนี่หว่าจะรีบไปไหนกันล่ะ ยังมีเวลาทำนู่นนี่อย่างสบายใจ

“แต่ความจริงก็ย่อมเป็นความจริง เครื่องบินออกห้าโมงเย็น มันก็ต้องออกห้าโมงเย็นมันจะเป็นสองทุ่มไปไม่ได้”

เธอเอะใจเลยเช็คเมลดูอีกที พบว่าจริง… เครื่องออกห้าโมงเย็น ความวายวอดก็เกิดขึ้น รีบเร่งไปแลกเงินที่สากลการค้าที่แม่งไกลจากย่าน มช.มาก ฝ่าคลื่นมวลมหาประชารถที่พากันมาส่งลูกๆ เป็นนักศึกษาใหม่ มช. กลับมาถึงหลังมอ ก็จะบ่ายสามกระเป๋ายังไม่ได้เก็บ ต้องรีบไปเช็คอินอีก ละใครจะไปส่งสนามบิน วุ่นวายมากแต่มันก็ผ่านไป

ถึงสนามบินเชียงใหม่ก็พบกับคลื่นชาวจีนจำนวนมากที่รอเดินทางกลับประเทศไม่รู้ว่าไฟล์ทไหน สายการบินไหน ไปลงเมืองไหนบ้างไม่รู้เราก็ไปต่อแถวอันยาวเหยียดนั้น แค่อยู่ตรงนี้ก็รู้สึกเหมือนอยู่เมืองจีนแล้ว ระหว่างรอนี้เราเลยได้คุยๆ กันอีกจึงได้รู้เรื่องราวจากเธอว่าไอ้ที่เราจะไปกันเนี่ย มันชื่อ จางเจี่ยเจี้ย ที่มันเกี่ยวกับภาพยนตร์อวาตาร์ (Avatar) อะไรสักอย่าง หนังเรื่องนี้ดังมากเลยแต่ฉันไม่เคยดู

3 ชม. กว่าๆ บนเครื่องบินที่เปรียบเหมือนกับโรงเตี๊ยม เราก็มาถึงสนามบินฉางซา ปรับนาฬิกาใหม่เพราะเวลาที่จีนจะเร็วกว่าที่นั่นจะเร็วกว่าที่ไทย 1 ชม. เอายังไงกันต่อดีจะไปไหนกัน ฉันถามเธอ เธอก็ตอบอะไรกลับมาแบบที่ฉันไม่เข้าใจอยู่ดี บรรยากาศในสนามบินไม่คุ้นเคยจริงๆ เสียงดังโหวกเหวกกว่าคนจีนแถวเชียงใหม่หลายเท่า มีคนเดินถอดเสื้อในสนามบินเยอะมาก เนื่องจากร้อน แต่ที่บ้านเราถึงร้อนก็ไม่ขนาดถอดเสื้อในสนามบินกัน


เดินออกจากเครื่อง
เดินออกจากเครื่อง
ในสนามบิน
ในสนามบิน

เราเดินไปที่จุดสอบถามข้อมูลพบเจ้าหน้าที่ทำหน้าตาเหมือนเราไปกวนเวลาเดินจงกรมของแก ตอบคำถามมาได้ไร้ประโยชน์มาก สรุปจากแพลนเดิมที่เรากะว่าจะนอนกันคืนนี้ในสนามบิน แลดูน่าจะไม่เวิร์ค เลยตัดสินใจไปขึ้นรถบัสสนามบิน ขึ้นไปไหนก็ไม่รู้ เธอบอกว่าเจ๊นั่นบอกให้ขึ้นไปก่อนไปลงในเมืองละค่อยหารถต่อไปยังอู่หลิงหยวนพรุ่งนี้ เธอว่ายังไงฉันก็ต้องว่าอย่างนั้นไม่รู้จะเอาอะไรไปเถียงได้

หมายเลข 4
บอกให้มาขึ้นตรงนี้

นั่งรถบัสไปอีกร่วมๆ 40 นาทีรถก็มาจอดอยู่กลางเมืองเราก็เดินไปตามแสงไฟ สภาพเหมือนแมงเม่า มาหยุดแถวๆ แยกใหญ่ๆ ไม่รู้กี่แยก แลดูเจริญและวุ่นวายและมีผู้ชายถอดเสื้อกันหลายคนตรงนี้คงเป็นตัวเมืองฉางซา มีห้างร้านตึกสูงแต่ก็ปิดไปเกือบหมดเพราะดึกแล้ว

น่าจะเป็นสถานีรถประจำทาง
น่าจะเป็นสถานีรถประจำทาง

เราก็เดินไปทางนู้นที ทางนี้ที เดินไปบนสะพานลอย สักพักเดินลอดใต้ถนน คือ ก็ยังงงๆ กันว่าจะเดินไปไหนแต่ที่แน่ๆ คือ เริ่มหิวกันแล้วล่ะ

นอนอยู่ใต้ถนน
นอนอยู่ใต้ถนน

เดินเจอร้านขายอะไรไม่รู้ทอด เธอบอกว่ากินกันเถอะ กินสิ หิวมาก เดินกินไส้กรอกทอดรสชาติแปลกๆ ซื้อน้ำดื่มทานก็ยังงงๆ อยู่ดีว่าแล้วยังไงต่อไป คืนนี้คงไปต่อกันไม่ได้ล่ะ แล้วพรุ่งนี้ถ้าจะไปต่อจะไปยังไงกัน

ไส้กรอกรสชาติแปลก
ไส้กรอกรสชาติแปลก

เวลาก็ล่วงเลยไปเรื่อยๆ เดินหาที่พักก่อน ก็หายากเสียจริง คือที่พักมีเยอะแต่ไม่ใช่ทุกที่จะให้คนต่างชาติเข้าพักได้ จนมาเจอที่หนึ่ง มีไอ้หนุ่มติดเกมนั่งเป็นพนักงานต้อนรับอยู่ มือก็เล่นเกม ปากคาบบุหรี่ เหมือนมองไม่เห็นเรา (เอาเข้าไป มึงจะให้กูนอนไหมคืนนี้) สักพักมันก็เงยหน้ามาคุยด้วย ตกลงราคาโอเค นอนมันที่นี่ล่ะ รวดถามเรื่องพรุ่งนี้ว่าจะไป อู่หลิงหยวน จางเจี่ยเจี้ย อะไรเนี่ย มันต้องไปยังไงขึ้นรถที่ไหน ณ ตอนนี้ ฉันได้แต่วิ้งๆ ฟังอะไรไม่รู้เรื่องสักอย่าง เธอแปลให้ฟังว่า เดี๋ยวเค้าจะติดต่อนายหน้าทัวร์ให้ ให้เรานั่งรถไปกับกรุ๊ปทัวร์ ไม่ต้องไปขึ้นรถที่ท่ารถไปเอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าข้อเสนอนี้มันดีหรือไม่ดียังไงแต่จังหวะนั้นก็ตกลงไปละกัน นายหน้าทัวร์ก็มาเลย นัดหมายบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ 7 โมงเช้าจะมาปลุกแล้วเดี๋ยวพาไปขึ้นรถ

ฉางซากลางคืน
ฉางซากลางคืน

กว่าจะได้หลับตาก็เป็นตีหนึ่งกว่าของวันใหม่แล้ว … มาถึงจีนแล้วค่อนข้างเพลียการเดินทางเหลืออีก 9 วันจะอะไรยังไงเดี๋ยวได้รู้กัน
ฝันดีนะเธอ

Relate Posts :