ตะวันที่ขึ้นในวันฝนตกหนัก ฉันและเธอต่างรู้สึกชุ่มฉ่ำ บนดวงอาทิตย์อุณหุภูมิ เท่าเดิม
<–นี่คือชื่อตอน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อหาเลยแต่ตั้งชื่อไว้ก่อนแล้วไงเพราะเธอบอกฉันก่อนมาว่า วันนี้ของการเดินทาง เราจะพบกับฝน พยากรณ์อากาศบอกไว้อย่างนั้น มากกว่า 6 วันที่เราจะอยู่ที่จีน เราจะพบกับฝนจึงตั้งชื่อตอนล่วงหน้าไปอย่างนั้น
เราตื่นหลังนาฬิกาปลุกส่งเสียงไม่เท่าไหร่ อาบน้ำแต่งตัว เก็บกระเป๋าไปพร้อมๆ กับการโทรมาของนายหน้าที่จะพาเราไปขึ้นรถของคณะทัวร์แบบงงๆ เราไปถึงรถก่อนใครนายหน้าบอกให้ไปนั่งๆ ก่อน ผ่านไปไม่นานกรุ๊ปทัวร์ก็แห่ขึ้นมาบนรถทั้งลูกเด็กเล็กแดงอลหม่านมาก มีการเช็คชื่อโดยไกด์แว่น บางคนบนรถงงว่า ไท่กั๋วหรือคนไทย สองคนนี้มันใครกันขึ้นมากับพวกเค้าได้อย่างไร เราก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง จนสุดท้ายรถก็เคลื่อนตัวออกมา ปลายทางน่าจะเป็นอู่หลิงหยวน
ไกด์หนุ่มแว่นกับไมโครโฟนและระบบเสียงที่ก้องมากพูดอธิบายอะไรเสียยืดยาว ยืดยาวมากจริงๆ พูดไม่หยุดร่วมๆ ชั่วโมง ข้าพเจ้าฟังไม่รู้เรื่องเลย ต่อให้น้ำเสียงแกชวนฟังเพียงใด กูทำได้เพียงนั่งยิ้ม ไม่รู้เรื่อง 100% หันหน้าออกหน้าต่างดีกว่า
บางครั้งต่อให้พูดอะไรยืดยาวแต่ถ้าเราอยู่กันคนละภาษากัน คำพูดมากมายก็ไร้ประโยชน์
รถออกมาสัก 2 ชม. กว่าจึงจอดแวะข้างทางให้เข้าห้องน้ำและซื้ออะไรทาน สิ่งที่ฉันขาดไม่ได้ในการดำรงชีวิตเลยคือ กาแฟ วิ่งเข้าร้านมองหากาแฟกระป๋องเจอ Nescafe โอเคละ คงจะใกล้เคียงกับที่บ้านเรา ปรากฎว่าจืดมากเหมือนน้ำล้างแก้วกาแฟ ฉันเริ่มใจคอไม่ดีกับกาแฟบนแผ่นดินนี้
บนรถข้างๆ เรามีคู่รักอยู่หนึ่งคู่ ผู้ชายหน้าตาเหมือนหงจินเป่า ตอนหนุ่ม ทั้งสองคนชอบเหลือบมองมาทางเรา ตอนแรกก็งงๆ ว่าทั้งคู่คิดอะไรจนได้คุยกัน เค้าก็ถามว่าเราเป็นคนไทยเหรอ ที่งงเพราะเห็นว่าเธอพูดจีนได้คล่องมากหน้าตาก็ไปทางคนจีนแล้วคงงงๆ ว่ามากับไอ้แว่นนี่ได้ไง แล้วทำไมพูดจีนได้ก็ปล่อยเธอคุยไป ฉันทำได้เพียงยิ้ม
เวลาล่วงเลยเที่ยงวันมาสักพักแล้ว รถบัสผ่านเมือง ผ่านป่า ผ่านเขา ลอดอุโมงค์ มาจนเจอป้ายมากมายสองข้างทางอันพอจะเดาได้ว่าคงเข้าเขตสถานที่ท่องเที่ยวแล้วล่ะเนื่องจากมีรูปบนป้ายให้เราเห็น ถึงจุดท่องเที่ยวแห่งหนึ่งรถบัสเลี้ยวเข้าไปจอดในลานจอดรถให้คณะทัวร์ลงไปรับประทานอาหารในร้านที่บริษัททัวร์จองไว้ให้แล้ว ตรงจุดท่องเที่ยวนั้นชื่อ ถ้ำมังกรเหลือง ผู้คนคราคร่ำ ร้านอาหารเรียงราย
เราสองคนซึ่งเป็นเนื้องอกมาจากจากกรุ๊ปทัวร์ไม่สามารถจะไปนั่งกินกับพวกเค้าได้เลยตั้งใจจะเดินหาร้านกินกันเองและรวดสำรวจพื้นที่บริเวณนั้น ว่าตอนนี้เราอยู่ตรงไหนแล้วจะไปจางเจี่ยเจี้ยกันยังไง ก่อนแยกตัวไปเราถามคนขับรถว่ารถจะออกกี่โมงเค้าบอกว่าอีก 2 ชม. เราก็งงว่าเฮ้ย นานขนาดนั้นเลยเหรอแค่จอดกินข้าว แต่อีกใจก็คิดว่าเค้าคงจอดให้เที่ยวตรงจุดนี้คือ ถ้ำมังกรเหลืองอะไรนี่ล่ะ ซึ่งเราสองคนไม่ได้ตั้งใจว่าจะมาดูมังกรเหลืองไง ก็เลยรู้สึกว่าเราจะไปถึงที่หมายที่ตั้งไว้ช้าไปหรือเปล่า จากที่คิดว่ามากับคณะทัวร์น่าจะถึงเร็วกว่านั่งรถมาเองชักไม่แน่ใจล่ะสิ
เราแยกไปกินข้าวร้านหนึ่ง ซึ่งก็ยกหน้าที่ให้เธอสั่งมีผัดผักบุ้ง มีแกงจืด ละก็มีอะไรไม่รู้ชี้ๆ เอา บรรยากาศในร้านก็ช่างจีนมาก ใครร้อนก็ถอดเสื้อกันเลย ใครใคร่สูบบุหรี่ก็เชิญตามสบาย มื้อแรกของวันเมื่อตอนเที่ยงกว่าๆ จบลง เราก็มาคิดว่าเอาไงดีจะไปดูมังกรเหลืองหรือยังไง เพราะมันอีกตั้งเป็นชั่วโมงเราอยากไปถึงอู่หลิงหยวนเร็วๆ เลยตัดสินใจจะกลับไปที่รถ เอากระเป๋าลงมาละหารถประจำทางแถวๆ นั้นนั่งไปอู่หลิงหยวนเองกันดีกว่า
เดินไปถึงจุดรถจอด ผ่าง!!! ไม่มีรถของเรา เดินหาจนทั่วก็ไม่มี ชิบหายแล้ว…นี่ยังมาไม่ถึง 24 ชม. เลยนะ สรุปว่า 2 ชม. ที่เค้าบอกเมื่อกี้มันชัวร์ไหมนั่น หรือเค้าบอก 20 นาทีละเธอแปลมั่ว ละก็ไม่ยอมเอากระเป๋ากันลงมาด้วย เอายังไงดี เดินวนดูให้แน่ใจอีกที ก็เป็นอันว่าแน่ใจ รถคันนั้นไม่อยู่ พยายามเดินแถวๆนั้น เพื่อมองหาคนหน้าคุ้นๆ ที่มากับคณะทัวร์ ไม่มี ยังไงดีประเด็นคือ เงินเราอยู่ในกระเป๋าบนรถนั่นล่ะเป็นส่วนใหญ่เพราะเธอแนะนำว่า มาจีนเราควรจะแบ่งเงินไว้ตามที่ต่างๆ นะ เผื่อเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นมา จ้าา ไม่คาดคิดจริงๆ ละไอ้เงินส่วนน้อยนี่อยู่ในกระเป๋ากางเกง เงินที่เหลืออยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้า เจริญพร
เราตัดสินใจกลับมาที่ร้านอาหารเพื่อคุยกับอาอี๊ที่ร้านอาหาร เพื่อเล่าเรื่องราวและขอยืมโทรศัพท์ เพราะเราเก็บใบจองที่นั่งรถของคณะทัวร์เอาไว้แล้วบนนั้นมีเบอร์โทรของนายหน้าที่ฉางซาอยู่เลยจะโทรเช็คว่าอะไรเป็นยังไง อาอี๊เอามือถือมาให้ยืมแล้วก็เป็นธุระโทรคุยให้ ได้คำตอบตอนแรก คือ “รถไปแล้ว แต่เดี๋ยวจะมา” คืออะไรวะ จนจับใจความจริงๆ ได้ว่ารถจอดให้คนเที่ยว 2 ชม. นั่นล่ะ แต่ตอนนี้อีคนขับมันเอารถไปทำธุระอะไรของมันไม่รู้เลย รถเลยไม่อยู่ แต่เดี๋ยวจะมา อ่อ ก็โล่งอกไปแต่สุดท้ายเราก็ต้องรอไปกับคณะทัวร์ ระหว่างรอก็เดินเข้าไปเดินเที่ยวแถวๆทางเข้า ถ้ำมังกรเหลือง แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกล เพราะร้อนและขี้เกียจมากนั่งรอรออยู่แถวนั้นประกอบควันบุหรี่ที่มาจากทุกทิศ
สักพักรถคันเก่าวนเข้ามาจอด โล่งใจรอบที่ 2 รอดละ ขึ้นไปบนรถโอเค กระเป๋ายังอยู่ คณะทัวร์เริ่มกลับขึ้นมา เฮ้อ ยังใจสั่นไม่หาย ผ่านไปเกือบชม. เวลาก็ 4 โมงเย็นเข้าไปแล้ว รถบัสคณะทัวร์พาเราทั้งหมดผ่านเมืองที่แลดูเจริญหูเจริญตามาจอดลงข้างโรงแรม ซึ่งคาดเดาว่าน่าจะเป็นปลายทางล่ะ คืออู่หลิงหยวนแล้วเราคงต้องแยกย้ายกับคณะตรงนี้เพราะคณะทัวร์มีจุดหมายปลายทางที่ชัดเจนแล้ว คู่รักหงจินเป่า เดินมาคุยกับเรา ถามว่าไม่ไปกับพวกเค้าต่อเหรอ พรุ่งนี้เค้าจะไปนั่นไปนี่กัน เราได้แต่ปฏิเสธไปว่าเราเกาะมาด้วยเฉยๆ
จึงเริ่มออกเดินหาที่พัก เปิดดู
Bookings.com ที่จองไว้ พบว่าอยู่ไกลจากที่เราเดินอยู่ร้อยกว่ากิโล 5555 กูจองอะไรลงไป หาใหม่ก็ได้ เดินเข้าโรงแรมแรกพบว่าราคาแพงเกินไปสำหรับเราออกอีกนิดหนึ่งก็บังเอิญให้เจอกับโฮสเทลที่น่าสนใจมากมีฝรั่งนั่งอยู่ชื่อ “Zhongtian International Youth Hostel” เข้าไปสนทนาพบว่าราคาเหมาะสมน่ารักมาก 2 คืน 2 คน 326 หยวนระหว่างพูดคุยกับเจ๊แว่นพนักงานต้อนรับมีเสียงพูดมาจากข้างหลัง “ระวังผ้าอนามัยหล่นค่ะ” ฉันอุทาน “หืม” อยู่ในใจ ทำไมกูฟังออก แล้วมันน่าใช่ประโยคที่มาได้ยินที่นี่ไหม หันไปเราจึงได้พบกับคนไทยกลุ่มแรกที่นี่ คู่ชายหญิงที่บริษัทส่งมาเรียนต่อที่จีน ใช้เวลาว่างแบ็คแพ็คเที่ยวทั้ง 2 คนจะเดินทางต่อค่ำวันนี้แล้วจึงช่วยแนะนำ การเดินทางไปจางเจี่ยเจี้ยให้เราพร้อมมอบแผนที่จางเจี่ยเจี้ยเอาไว้ให้ใช้ต่อ เรากล่าวขอบคุณ
ก่อนจะแยกออกมาหาอะไรเบารองท้อง สั่งเกี๊ยวน้ำเบาๆ มาคนล่ะชามเพราะนึกว่ามันจะน้อย ไม่น้อยเลย กลับที่พักก่อนที่ช่วงค่ำค่อยออกมาเดินเล่นสำรวจพื้นที่ กะว่าสิ่งแรกที่จะทำหลังถึงที่พักคือ ขอกินเบียร์หน่อยเหอะ ได้ข่าวว่าถูก ละมันก็ถูกจริงๆ 3 หยวน บ้าไปแล้ว หยิบๆมากินก่อนยี่ห้อไร รสชาติยังไงค่อยว่ากัน ราคาขนาดนี้ซื้อแฟ้บดมที่ไทยยังไม่เมาเลย
นั่งเล่นนอนเล่นกลิ้งสักพักก็อาบน้ำ เตรียมเดินออกหาอาหารจริงๆ จังๆ กินกันได้แล้ว ค่ำพอดี ยกให้เป็นหน้าที่ของเธอพาไปนั่งกินปิ้งย่างข้างถนนละกัน ก็มีทั้งเนื้อทั้งผักเสียบๆไม้ มีเนื้อแพะ เนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ ควายก็มี แต่ไม่ได้สั่ง แล้วก็เบียร์รอบนี้เปลี่ยนเป็นฮาบิน ละกัน รสชาติอาหารที่มีเครื่องเทศหมาล่า เผ็ดๆชาๆแปลกกระพุ้งแก้มฉันอย่างมาก แต่พอโดนเบียร์เข้าไปผสมนี่ก็ช่างเข้ากันดีจริงๆ
เสร็จมื้อค่ำตัดสินใจไปเดินสำรวจพื้นที่กันเถอะ แลดูว่าจะเป็นส่วนที่เป็นเมืองมากกว่าแถวที่เราอยู่ก็เดินไปไม่ไกล ผ่านวงเวียนจะเจอสะพานข้ามแม่น้ำ ถึงจุดนี้ก็จะพบกับแสงสีมากมายจากหลอด LED เพราะจีนน่าจะเป็นประเทศอันดับหนึ่งในการผลิต LED แล้วล่ะที่เห็นตามรถขายตั๊กแตนทอดบ้านเรานี่ เด็กน้อยไปเลย ในตัวเมืองก็มีร้านอาหาร ภัตตาคาร หลากหลาย เบเกอรี่ ร้านกาแฟ ร้านขายเสื้อผ้า ฯลฯ
เดินไปตามถนนใหญ่ เข้าซอยเล็กวนออกมา อืม เป็นเมืองที่น่าเดินเล่นใช้ได้เลยกลับมาถึงจีนสะพานก่อนจะข้าม ซ้ายมือของเราเป็น เหมือนถนนคนเดินแฮะ คนเยอะดีเดินเข้าไปดูหน่อยดีกว่า ก็ใช่จริงๆ บริเวณนี้มีลักษณะเหมือนเมืองเก่า มีคนมาทำกิจกรรม มานั่งขายของ มายืนแต่งตัวเป็นผีกองกอย เป็นหงอคง ตือโป๊ยก่ายให้เราไปถ่ายรูป มีคนมาเต้นกัน
ตัวอาคารเป็นเหมือนเมืองเก่ามีร้านขายขนมที่แลดูจะเป็นขนมพื้นเมือง มีการมาโชว์ทำขนมกันหน้าร้านและมีร้านแบบเดียวกันนี้เยอะมาก สินค้าอีกประเภทที่มีขายติดๆ กันคือ กลองเจมเบ้และอูคูเลเล่ คือ มีแทบจะถูก 20 เมตร ทุกร้านจะมีคนมานั่งตีกลองตุ้บๆ ประกอบเพลง บริเวณนี้ก็เดินเล่นสบายดี มีร้านขายเหล้าจีนอยู่ในไห มีร้านเหล้าเล็กๆ คล้ายบาร์มีดนตรีเล่น จนเราตัดสินใจจะกลับออกมาเดินถนนเลียบน้ำเพื่อจะไปข้ามสะพานจึงพบร้านอาหารแนวร้านเหล้าคล้ายๆ แถวริมน้ำปิงเชียงใหม่นี่เลย มีดนตรีเล่น มีหลายร้านเลย แต่ร้านที่นี่ LED เพียบ คิดในใจว่ายังไงก่อนกลับจากที่นี่จะมานั่งสักร้านสักคืนเผื่อขอเค้าเล่นดนตรี
โอเคคืนนี้ก็ดึกมากแล้วพรุ่งนี้เราจะได้ไปอุทยานจางเจี่ยเจี้ยกันละล่ะ รีบนอนรีบตื่นดีกว่าเพราะคนไทยเมื่อเย็นแนะเราว่าออกสัก 7 โมงเถอะ ทัวร์จีนจะยังมากันไม่เยอะ จะได้เดินกันสะดวกๆ รีบนอน
ฉางซา ชฮม ชาฮาร์โม ที่เที่ยวประเทศจีน เชียงใหม่ไปฉางซา เที่ยวจีน เที่ยวต่างประเทศ เราจะข้ามฟ้า แอร์เอเชีย ไกด์นำเที่ยว