ข้าพเจ้ายินดีเมามายไปกับสุราแปลกหน้าและบทเพลงที่ไม่รู้ความหมายโดยไม่คลางแคลงใจ
<– นี่คือชื่อตอนที่เริ่มดูใกล้เคียงความจริงที่เกิดขึ้น เริ่มวันด้วยอาหารมื้อแรกก่อนออกเดินทาง สายเหมือนเช่นเมื่อวาน
จากเมื่อวานที่เราเสียค่ากระเช้าทั้งไปทั้งกลับจึงคิดว่าวันนี้เราจะเที่ยวจางเจี่ยเจี้ยกันด้านล่างซึ่งแว่วๆ มาว่ามีอุทยานแบบเดินป่าอยู่ เรานั่งรถจากทางเข้า ไปลงยังสถานีรถบัสจุดทางขึ้นลิฟท์ แล้วเราเริ่มหาเส้นทางจะไปกันต่อ ว่าเราจะไปเดินสวนพฤกษศาสตร์จางเจียเจี้ย ตรงไหนดี เจอเจ้าหน้าที่ 2 คน เธอเดินไปถาม ไม่ได้คำตอบอะไรที่ชัดเจน ที่ชัดเจนก็คือ ภาพเดิมๆ ของคนจีนที่แลดูมันจะรำคาญทุกสิ่งในโลกแม้แต่จมูกตัวเอง
เราเดินไปเดินมาหลบแสงแดดกันสักพัก จนเจอเจ้าหน้าที่หนุ่มอีกคนที่แลดูเป็นมิตร พ่อหนุ่มแนะนำให้เรานั่งรถไปลงอีกจุดจอดด้านหน้า พร้อมชี้ว่าให้ขึ้นรถคันไหน ไปลงแล้วก็เดินไปเรื่อยๆ มันจะมีทางให้เดินก็เดินไปเรื่อย
ก็เป็นไปตามเจ้าหน้าที่ท่านนั้นบอกมา รถพาเรามายังจุดจอด มีผู้คนบ้างประปราย มีป้ายหินใหญ่ๆ มองผ่านเข้าไปเห็นก้อนหินใหญ่น้อย เรียงรายและแลดูจะเป็นลำธารหรือน้ำตกอะไรสักอย่างบรรยากาศคล้ายๆ น้ำตกห้วยแก้วเหมือนกันแฮะ แต่ไม่ได้เป็นน้ำตกที่สูงอะไรขนาดนั้น เหมือนลำธารไหลผ่านโขดหินมากกว่า มีเส้นทางให้เราเดิน มีแผนที่รางๆ โอเคเดินกันไปตามนี้ละกัน สอบถามว่าระยะทางทั้งหมด 2-3 กิโลใช้เวลาเดินสัก 4 ชั่วโมง เราก็ว่ามันนานขนาดนั้นเลยเหรอวะนั่น เอาเถอะเดินก็เดิน สบายๆ อากาศร้อน แดดเปรี้ยงแต่ก็ยังมีร่มเงาของต้นไม้
เดินๆ กันไปก็ยังงงๆ ว่า เอ…จำได้ว่ามันต้องซื้อตั๋วเข้าไม่ใช่เหรอ อุทยานอะไรนี่ ทำไมเราเดินเข้ามาเลยโดยไม่เจอด่านตรวจตั๋วอะไรสักอย่าง เส้นทางเดินลัดเลาะลำธารกว้างบ้างแคบบ้างแล้วแต่ช่วงที่แลดูน่าจะเป็นน้ำตกที่ลงมาจากเขาสูง เดินไปสักพักเราก็มองเห็นเหล่าภูเขาหินทรายซึ่งก็น่าจะเป็นลูกต่างๆที่เราเห็นเมื่อวานนั่นล่ะ แต่รอบนี้เป็นการมองเห็นเขาจากด้านล่าง เมื่อวานมองเขาจากด้านบน มองคนล่ะมุมก็เห็นเขาแตกต่าง ทั้งๆ ที่ก็เขาเดียวกัน
เดินๆไปก็เห็นชาย 2 คนแบกเกี้ยวพาชายอีกคนนึงสวนกับเราไป ทำความเข้าใจได้ว่าที่นี่มีบริการ แบกเกี้ยวพาเดินชมบรรยากาศโดยที่คุณไม่ต้องเดินให้เมื่อยหลายชั่วโมง อืม ก็ดูเข้าใจได้แบบแปลกๆ อยู่ดี ว่าแต่มันแบกกันมาจากไหนทำไมมันแบกสวนทางกับเรา
เดินเลยมาอีกหน่อยเห็นป้ายแจ้งบอกว่าจะมีชุมชนลิงอยู่แถวนี้นะ ถ่ายรูปได้เล่นได้ ส่วนใหญ่เชื่อง แล้วก็เจอจริงๆ ฝูงลิงมากมาย โดยเฉพาะลูกลิงน้อยเต็มไปหมดเลยน่าจะเป็นฤดูที่ลิงเกิดใหม่เยอะมาก ลูกลิงเกาะแม่แน่น แม่ก็กระโดดไปมาน่าเอ็นดูแลดูเชื่องจริงๆ นักท่องเที่ยวหลายคนก็หยุดเอาขนม อาหารมาล่อให้กินแล้วก็ถ่ายรูป
ตามแผนที่ ก็จะมีแลนด์มาร์คเป็นพักๆ ชื่อจุดสำคัญก็จะออกแนวอลังการเช่นเคย นกยูงรำแพน นักพรตแสวงบุญอะไรพวกนั้นซึ่งก็เป็นชื่อของภูเขาหินทรายนั่นแหล่ะ ซึ่งหน้าตาก็เหมือนๆ กันหมด แต่ตรงนี้มีอยู่ใกล้ๆ กัน 3 ลูก ก็จะมีชื่อ แบบว่า 3 สาวน้อยชมจันทร์อะไรประมาณนั้น
บางจุดลำธารขยายใหญ่กว้างขวางแลดูลึกไม่ใช่เล่น จนมีฝูงปลาว่ายทวนน้ำกันสนุกสนาน มีคนจีนพาครอบครัวลงไปเล่นน้ำกัน บางจุดที่สงบก็มีคุณลุงมานั่งตกปลา
ตลอดเส้นทางเดิน ส่วนใหญ่จะเงียบสงบดี มีบางจุดที่ให้เรานั่งพักได้ก็จะมีห้องน้ำและมีอาหารขายซึ่งราคาค่อนข้างสูง ดังนั้นควรเตรียมน้ำเตรียมขนมใส่เป้เข้ามาด้วยเลยจะดีกว่า บางจุดที่ผู้คนคึกคักก็มีสมาคมอะไรสักอย่างมารวมตัวกันเต้นเฉยเลยน่ารักดี
ผ่านไปอีกร่วมชั่วโมง มองเห็นป้ายบอกทางว่าจะถึงทางออกแล้ว แต่ดูแล้วแปลกๆ ว่า ในแผนที่ทำไมทางออกมันป้ายใหญ่โตจัง เราก็เดินๆ กันไปคนเดินสวนกับเรามาเริ่มเพิ่มมากขึ้นกว่าที่ผ่านๆมาเสียอีก โอเค เริ่มออกจากป่ามาแล้ว เห็นแสงสว่างและลานกว้างขวาง ผู้คนเนืองแน่นเราเดินกันออกมา เจอป้ายใหญ่มากว่าอุทยานธรรมชาติอะไรสักอย่าง จาง เจี่ย เจี้ย สรุปว่าไอ้ที่เราเดินเข้ามาตรงนั้นน่ะทางออก แล้วนี่เดินสวนกับชาวบ้านเค้ามาโผล่ตรงทางเข้า เห็นรถบัสใหญ่จอดเต็มลาน มีจุดขายตั๋ว และจุดเก็บบัตรผ่าน … แล้วกูมายังไงของกูกันเนี่ย
ด้านหน้าจะมีอนุเสาวรีย์ของใครสักคนนี่ล่ะ ไปอ่านๆ แล้วจับใจความได้น่าจะเป็นนักธรรมชาติวิทยาหรือนักสำรวจที่เป็นผู้ค้นพบ จางเจี่ยเจี้ยที่แสนสวยงามนี่แหล่ะ
ตัดสินใจกันว่ากลับดีกว่า…ถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นว่าต้องขึ้นรถคันไหนกลับเข้าเมือง โอเคนั่งๆนอนๆสักพักถึงที่หมาย เดินวนหาอาหารกลางวันกันเถอะก็มาเจอร้านนึงเงียบๆอยู่ ในร้านมีสามีภรรยาคู่นึงนอนเหงาๆ มารับออเดอร์เราทั้งสองคนถามเราว่าคนไทยเหรอคงเห็นเราคุยกันแล้วจับภาษาได้คือ ที่จีนที่เราไปพบว่า คนจีนดูละครไทยเยอะมาก เราสั่งอาหารที่ทางร้านบอกว่าเป็นเมนูท้องถิ่นมากินกัน
กินเสร็จ เก็บตังค์ เจ้าของร้านผู้ชายยังช่วยบอกตารางเดินรถให้เราทั้งราคาและระยะทาง เราออกจากร้านแล้วเลยไปซื้อตั๋วรถที่สถานีซึ่งไม่ไกลจากตรงนั้น เพื่อเตรียมเดินทางต่อไปเมืองโบราณเฟิ่งหวงในวันพรุ่งนี้กันเลย
หลังซื้อตั๋วรถเสร็จดูจากเวลาแล้ว ยังไม่เย็นมากนัก แถวเลยที่พักเราไปมันมีทะเลสาปอะไรอยู่นี่นา น่าจะไปเที่ยวกันหน่อยเลยนั่งรถสาย 2 เลยไปจนสุดก็พบว่าต้องเสียค่าเข้าไปดูอีกแพงมาก โอเค ไม่ดงไม่ดูละ กลับห้อง แล้วไปหาไรกินดีกว่า คืนนี้มีนัดที่ the Lost Bar อีก
ออกมาหาอาหารกันร้านใกล้ๆ สั่งเมนูท้องถิ่นเช่นเคย เซี่ย ซาน กั๋ว พบว่าหน้าตาไม่เหมือนเจ้าเมื่อวาน คงจะเป็นเมนูท้องถิ่นแต่แล้วว่าสูตรบ้านใครบ้านมัน เบียร์เย็นๆ พร้อมแก้วพลาสติกและต้มจืดที่จืดจริงๆ
เสร็จอาหารเกือบ 4 ทุ่มแล้วเราเดินๆวิ่งๆกันไปถึง the Lost Bar เจอหมินตี้และสาวน้อยและวันนี้มีพิเศษคือ เจ้าของร้านที่เมื่อวานหมินตี้บอกให้ฉันเล่นตอนหลังเจ้าของร้านออกไป แต่วันนี้กลับชวนเจ้าของร้านมาดู ซึ่งก็น่าจะดีนะ ฉันก็ขึ้นไปเล่น เจ้าของร้านก็มาแจมตีคองก้า สนุกสนานกันมากเล่นไปทั้งเพลงสากล เพลงไทย เพลงตัวเอง แขกเหรื่อก็ชื่นชอบดี
ฉันเล่นเสร็จลงมานั่งพัก เจ้าของร้านชื่อ กัว ยวิ๋น เผิง และหมินตี้ หยิบเบียร์มาเสิร์ฟให้เรื่อยๆ ยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้แล้วแต่เราบอก มาอยู่ที่นี่ 4 วัน ดื่มเบียร์ไปไม่ต่ำกว่า 6 ยี่ห้อ แอลกอฮอล์นี่มันดีจริงๆ ไม่ว่าของที่ไหนก็เมาเหมือนกัน ความเมาเป็นสากลแห่งจักรวาลโดยแท้ แม้รสชาติจะแตกต่างกันไปนั่นคือจิตวิญาณของท้องถิ่น แต่จิตวิญญาณที่ร่วมกันนั่นคือ กินไปสักพักเดี๋ยวก็เมา
หมินตี้ไปเล่นกีตาร์ร้องเพลงสักพัก ก็ลงมานั่งคุยกันต่อแฟนหมินตี้ที่เป็นนักร้องอยู่ในร้านเดียวกันแต่อยู่อีกฝั่งนึงเดินมานั่งด้วย สาวน้อยผมสั้นประจำร้านเปิดคาราโอเกะให้ลูกค้าโต๊ะข้างๆ เรา ร้องเพลง 2-3 คนในนั้นมาจับมือบอกว่าชื่นชอบฉันที่ร้องเพลง แล้วเขาก็บอกว่าจำเราได้ เมื่อเช้าเราไปอุทยานมาใช่ไหม เค้านั่งในรถคันเดียวกับเรา จับได้ว่า 2 คนนี้เป็นคนไทย เออ บังเอิญดีนะ
สักพักฉันขอให้หมินตี้ร้องเพลง เทียนมีมี่ ให้ฟังหน่อยเพราะเมื่อวานได้ยินแว๊บๆ มันเป็นเวอร์ชั่นใหม่ มีท่อนแร็ป หมินตี้บอกสาวน้อยให้เปิดเพลง แล้วหมินตี้ก็ร้อง แล้วหมินตี้ก็แร็ปสดโดยพูดถึงเรา 2 คน ว่ามาจากเมืองไทยนะ ดีใจที่ได้เจอเพื่อนใหม่มาร้องเพลง อะไรของมันก็ไม่รู้ แต่ดูแล้วทักษะไหวพริบในการด้นเนื้อสดๆใช้ได้เลย เหมาะสมกับการแต่งตัวเป็นเด็กแร็ปดี
ค่ำคืนเดินผ่านไปอย่างรวดเร็วจนร้านใกล้จะปิด เบียร์หมดไปหลายขวดการสนทนาผ่านภาษาอังกฤษแบบงงๆ กันแม้จะจับใจความได้ไม่หมด คุยกันอาจจะไม่เยอะที่แน่ๆ มิตรภาพเกิดขึ้นแล้ว
ต้นปีหน้าเห็นว่าเจ้าของร้านจะมาเที่ยวเมืองไทยและอาจจะพาเจ้าหมินตี้มาด้วย เราเลยชักชวนให้มาเชียงใหม่ เพื่อนชาวจีนก็ตอบรับ “โอเค เดี๋ยวจะไป พาเที่ยวด้วยนะ” เราก็บอกได้เลย เดี๋ยวเราพาพวกนายเที่ยวเอง ดึกมากแล้ว เราจับมือร่ำลากันจะแลกไลน์พวกมันก็ไม่มี เลยขอแอคเคาท์ WeChat มาแทน เดินสะโหลสะเหลกลับที่พักกัน คืนสุดท้ายที่ อู่ หลิง หยวน
https://www.youtube.com/watch?v=pJxebPvrfc4
แถมคลิปหมินตี้ร้องเทียนมีมี่
ChaHarmo : คือบุคคลที่ทำอะไรไปเรื่อยไปเตื่อยไม่เป็นชิ้นไม่เป็นอันแต่ก็สุขใจดี
ดำเนินชีวิตไปแล้วแต่สายลมโชคชะตาและบางปรารถนาส่วนตัวจะชักนำ
รักเสียงดนตรี หนังสือ ผู้คน ความแตกต่างและการเดินทาง
ติดตามเรื่องราวต่างๆเพิ่มเติมกันได้ในที่เหล่านี้
ChaHarmo
Chaharmo
ChaHarmo