5 เหตุผลที่ไม่ได้เขียน blog และ 5 ทางแก้ไข

ถ้าใครได้ติดตาม blog ของผมมาบ้างในสมัยก่อนจะรู้ว่าผมอัพ blog ค่อนข้างจะสม่ำเสมอ แต่ในช่วงปีหลังๆมานี้จะขาดๆหายๆ โดยเฉพาะปีหลังสุดนี้ห่างไปนานเป็นปีเลย นั่นสิมันหายไปไหนทำไมไม่เขียนต่อ


มันก็มีเรื่องราวหลากหลายที่เกิดขึ้นแต่ละคนก็คงจะต่างกันไป สำหรับผมคือ รู้อยู่แล้วว่าการเขียน blog มันดีแต่ก็ไม่ได้ทำ วันนี้เป็นวันหยุดยาวมีเวลาว่าง ก็เลยลองมาสำรวจตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันนะ


5 เหตุผลที่ไม่ได้เขียน blog ถ้าเขายังไม่ block ก็จะเขียนต่ออยู่นะ

  1. ไม่มีแรงใจ มันไปไหนหมด – มันรู้สึกหมดไฟ จากที่เคยอยากแบ่งปันทุกเรื่องทุกอย่าง มันรู้สึกเหนื่อยไปหมด ไม่รู้พลังมันหายไปไหน พลังคงไม่หมดแต่ใจมันหมด อารมณ์คือแบบท้อแล้ว หมดแรง เหนื่อย กูท้อละ ไม่เอาละ
  2. ไม่มีเรื่องจะเล่า เรื่องเศร้ามันเยอะ – ที่จริงมันก็มีเรื่องเล่าแหละ แต่มันกลายเป็นหมดความมั่นใจว่าจะเล่าดีมั้ย คือเหมือนเราเจอเรื่องที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะดีหรือแย่ จะเล่าดีมั้ยวะ บางเรื่องมันก็เกี่ยวกับคนอื่นด้วยไง เราก็เออคิดว่า ไม่เล่าดีกว่า ไม่อยากกระทบใคร ไม่อยากยุ่งกับคน มันเยอะไปสำหรับเรา
  3. ไม่เจอโควิด คิดไม่ถึงหรอก – มาถึงตอนนี้ (12.04.2021) เราเจอโควิดมาสามระลอกแล้วนะ แล้วธุรกิจของเรามันคือท่องเที่ยวซึ่งกระทบเต็มๆ รอบหนึ่งยาวนาน รอบสองปานกลาง รอบสามมาอีกแล้ว ต่อให้ใจมันได้ยังไงตัวเลขมันก็ไม่หลอก มันก็ทำให้ใจท้อไปเหมือนกันนะ
  4. ไม่ขยันเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความขี้เกียจ – เราอายุมากขึ้น ณ เวลานี้ก็ 42 แล้วซึ่งก็ไม่ได้แก่หรอก แต่มันก็ไม่ได้มีพลังเหมือนตอน 20-30 ทั้งภารกิจที่ต้องรับผิดชอบ ลูกๆเริ่มโตก็ต้องใช้เวลากับเขา ลูกน้องที่สับเปลี่ยนเข้าออก การทำทีมก็ไม่ได้จะง่ายเหมือนเดิม ก็มีท้อๆเหนื่อยๆไปบ้าง
  5. ไม่ทันโลก ก็ต้องโศกเศร้าตรอมตรม – ระหว่างที่เราคิดว่าเราวุ่นวายยุ่งนั่นนี่ โลกมันเปลี่ยนไปนะครับ อะไรที่เคยทำได้ตอนนี้มันไม่ได้แล้ว เค้าไป tiktok, youtuber แต่เรายังมะงุ่มมะง่าหราอยู่ จะอยู่เก่าก็ไม่เก่า จะไปใหม่ก็ไม่ใหม่ มันเลยออกมาเป็นอาการงงๆมึนๆอย่างที่เห็น
ขี้เกียจเหมือนแมวเลยช่วงที่ผ่านมา

5 ทางแก้ไขที่คิดไว้ จะทำได้มั้ยยังไม่รู้ ขอสู้ดูก่อน ไม่หยุดเดินแปลว่ายังไม่ยอมแพ้นะ

  1. คิดจะเขียนก็เขียนเลย อย่าเมินเฉยผ่านเลยไป – หลายครั้งแล้วตั้งท่าแล้วก็อิดออดไปมา หาข้ออ้างนั่นนี่ให้ตัวเอง สุดท้ายก็ไม่ได้เขียน ผ่านไปอีกวันเปล่าๆเปลี้ยๆ อยากเขียน เขียนเลยทันที
  2. ช่างแม่ง หัดสะกดว่าช่างแม่ง – บางทีมันคิดเยอะไงว่าเขียนไปแล้วจะกระทบนั่นนี่ป่าววะ เอาเถอะมันต้องกระทบอะไรสักอย่างแน่ๆแหละ ก็ต้องเข้าใจ มันเป็นไปไม่ได้หรอกว่าเราทำบางสิ่งอย่างมันจะไม่กระทบอะไรเลย ก็คิดให้ดีๆเอาให้ดี แล้วก็เล่าเรื่องไปเลย
  3. ลิสต์หัวข้อไว้ก่อน ตอนเขียนจะไม่งง – อย่างตอนนี้คือไม่ได้ลิสต์นะครับ คือด้นเขียนไปเรื่อยๆเลยแต่ข้อดีคือมันคิดไว้นานแล้วไง แต่ตอนหน้าๆจะต้องมีการวางแผนกันสักหน่อย ไม่งั้นจะออกทะเลไปไกล
  4. ถ่ายรูปเยอะๆ จะไม่เลอะตอนเขียน – เมื่อก่อนผมไปไหนก็จะกดมือถือถ่ายไว้ พอเรากลับมาดูจะคิดได้ว่าเราถ่ายไว้ทำไม ตอนนั้นเราคิดอะไรอยู่ แล้วมันก็จะเอามาทำเป็นเรื่องเล่าได้ ทุกวันนี้เป็นโรคขี้เกียจยกมือถือมาก ต้องปรับใหม่ เจออะไรปุ๊ปถ่ายปุ๊ปๆปั๊ปๆ จับโมเม้นไว้ก่อน
  5. ทำใจร่มๆ บทจะคมมันก็มาเอง – ในสายงานครีเอทีฟบทจะคิดงานออกมันก็คิดออก ครั้นจะคิดไม่ออกมันก็ตื้ออยู่อย่างงั้น การทำใจผ่อนคลายพักผ่อนบ้าง หยุดคิดงานบ้าง ก็อาจจะทำให้เราคิดอะไรบางอย่างได้แทน หรืออาจจะเจ๋งกว่าเดิมก็เป็นได้

สรุปบทเรียนของผมนะครับ ก็นั่นแหละเจอปัญหาก็ต้องคิดหาทางแก้ (คีย์บอร์ด mac ผิวสัมผัสดีกว่าของยี่ห้ออื่นเยอะเลย พิมพ์สะดวกมาก มันเด้งสู้นิ้วเวลาที่ต้องพิมพ์เยอะๆ ปกติผมไม่ได้พิมพ์เยอนะ) หลังจากนี้จะพยายามอัพ blog สม่ำเสมอแวะมาคุยกันบ่อยๆนะครับผม  

Relate Posts :