กระทรวงวิทย์ฯ ยกพลแอ่วเหนือ เยือนแดนเชียงใหม่ เปิดเวทีแข่งขัน “STARTUP Thailand 2018 : Northern @Chiang Mai”

“STARTUP Thailand 2018 : Northern @Chiang Mai”

กระทรวงวิทย์ฯ ยกพลขึ้นเชียงใหม่ จัดงาน “STARTUP Thailand 2018 : Northern @Chiang Mai” เปิดเวทีเฟ้นหาสุดยอดสตาร์ทอัพระดับประเทศเป็นภูมิภาคที่สอง หลังประเดิมสนามแรกที่ภาคใต้ ย้ำจุดยืนและความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่ใช้ฐานเศรษฐกิจสตาร์ทอัพ เพื่อขับเคลื่อนสู่ไทยแลนด์ 4.0

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวในโอกาสเป็นประธานในพิธีเปิดงานว่า ภาคเหนือเป็นอีกหนึ่งภูมิภาคที่สำคัญและมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน และจังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางของภาคเหนือทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษา และการแพทย์ อีกทั้งมีความเป็นเอกลักษณ์ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม อาหาร และวิถีชีวิต ซึ่งปัจจุบัน “เชียงใหม่. . . เมืองสร้างสรรค์” ได้รับการพัฒนาและสนับสนุนให้เป็นเมืองแห่งศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ ความสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคม อันนำไปสู่การพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของรัฐบาลไทยที่ต้องการดึงศักยภาพที่เป็นจุดแข็งและมีเอกลักษณ์โดดเด่นของเชียงใหม่เพื่อพัฒนาความสร้างสรรค์และความรู้ด้านเศรษฐกิจ

พื้นที่เชียงใหม่และกลุ่มจังหวัดทางภาคเหนือ เป็นกลุ่มเมืองที่มีบทบาทมากขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยมีกลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจหลายด้าน เช่น ธุรกิจความงามและสุขภาพ เกษตรและอาหาร การศึกษา การท่องเที่ยวและโรงแรม และเทคโนโลยี ขณะเดียวกัน ภูมิภาคแห่งนี้ยังเป็นพื้นที่ที่มีสตาร์ทอัพรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สตาร์ทอัพจำนวนมากมีแนวความคิดสร้างสรรค์เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีความเป็นสากล สามารถเติบโตออกไปสู่ตลาดโลกได้ และมีสตาร์ทอัพอีกหลายรายยังขาดการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืน ดังนั้น กระทรวงวิทย์ฯ จึงได้จัดงาน STARTUP Thailand ขึ้น เพื่อเป็นอีกกลไกหนึ่งของภาครัฐ ในการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศ ผ่านการสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้นหรือ Startup โดยเฉพาะในกลุ่ม TECH Startup ในสาขาต่างๆ นอกจากภาครัฐจะมุ่งหวังให้กลุ่ม Startup เหล่านี้ สามารถเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืนได้แล้ว ยังมุ่งหวังให้ Startup เหล่านี้ มีศักยภาพ และเป็นกำลังสำคัญที่สามารถสนับสนุนการพัฒนายกระดับกลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสาขาต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมหลักของประเทศด้วย ซึ่งจะส่งผลโดยรวมต่อการยกระดับอุตสาหกรรมของไทยทั้งระบบ และส่งเสริมการสร้างรายได้ และการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเศรษฐกิจไทย

อย่างไรก็ตาม การพัฒนา Startup นั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือ และการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเติบโตของ Startup หรือ Startup Ecosystem ดังนั้น กระทรวงวิทย์ฯ จึงได้เปิดเวทีแข่งขันระดับประเทศ STARTUP Thailand League ระดับมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นเครื่องมือหนึ่งในการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่จะจุดประกายและส่งเสริมการเติบโตของสตาร์ทอัพ รวมทั้งก่อให้เกิดสังคมแห่งผู้ประกอบการขึ้น และ STARTUP Thailand Pitching Challenge สำหรับสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ เพื่อเป็นเครื่องมือสนับสนุนของภาครัฐในการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อส่งเสริมการระดมทุนให้กับกลุ่มสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะในกลุ่ม TECH STARTUP ในสาขาต่างๆ ที่อยู่ในช่วงกำลังเติบโตและกำลังต้องการเงินทุนในการขยายธุรกิจ

สำหรับการแข่งขัน STARTUP Thailand League 2018 ได้ประเดิมสนามแรกที่ จ.สงขลา และได้ผู้ชนะของภาคใต้ไปแล้ว สนามต่อไป ครั้งที่ 2 คือที่อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ แห่งนี้ ได้รับผลตอบรับเพิ่มขึ้น จนถึงขณะนี้มียอดทีมเข้าร่วมประกวดแข่งขันทั้งสิ้น 144 ทีม จาก 23 มหาวิทยาลัย โดยมี 65 ทีมมาจากมหาวิทยาลัยในภาคเหนือ ซึ่งผู้ชนะเลิศอันดับ 1-3 ของภูมิภาคนี้ จะได้เข้าร่วมแข่งขันรอบสุดท้าย ชิงแชมป์สุดยอดสตาร์ทอัพระดับประเทศ ประจำปี 2561 ในงาน STARTUP Thailand 2018 พร้อมโอกาสต่อยอดธุรกิจเชิงพาณิชย์


Saminar
Over All

ขณะที่เวที STARTUP Thailand Pitching Challenge สำหรับสตาร์ทอัพที่มีผลิตภัณฑ์พร้อมขายแล้วนั้น มีทีมสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ผ่านเข้ารอบไปแข่งขัน 14 ทีม ซึ่งผู้ชนะเลิศอันดับ 1 จะได้เข้าร่วมแข่งขันรอบสุดท้าย STARTUP Thailand Pitching Grand Challenge 2018 ชิงตำแหน่ง สุดยอดสตาร์ทอัพระดับประเทศ ประจำปี 2561 ในงาน STARTUP Thailand 2018

ดร. พันธุ์อาจ กล่าวทิ้งท้ายว่าเวทีเฟ้นหาสุดยอดสตาร์ทอัพระดับประเทศ Startup Thailand 2018 ปีนี้ กระทรวงวิทย์ฯ ดำเนินการจัดงานรวมทั้งสิ้น 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ เริ่มตั้งแต่ภาคใต้ จ.สงขลา, ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น ก่อนจะปิดท้ายภาคกลางและภาคตะวันออก ณ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร ในระหว่างวันที่ 16-20 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้


Relate Posts :