นั่งรถรางชมเมืองลับแล

    หลังจากชาวคณะ ได้อิ่มหนำสำราญกับอาหารรสเลิศ ณ ร้านอาหารม่อนลับแล กันเป็นที่เรียบร้อย หนังท้องก็เริ่มตึงๆ ทีมงานก็เลยยังไม่พาเราแอดเวนเจอร์กันมากนัก ขอพาเราท่องเที่ยวแบบชิวๆ ให้อาหารมันย่อยกันก่อน โดยการพาเราไปนั่งรถราง ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองลับแลและวิถีชีวิตของชาวลับแลกันค่ะ การขึ้นรถรางจะเริ่มจุดแรกที่บริเวณซุ้มประตูเมืองลับแล และรถรางจะขับผ่านจุดสำคัญๆ ของ อ.ลับแล คือ วัดเสาหิน ต้นสักสยามมินทร์ อนุสาวรรีย์พระศรีพนมมาศ ผ่านชุมชนยางกระไดเหนือ และวัดดอนสัก โดยจะมีมัคคุเทศก์ผู้เชี่ยวชาญ คอยบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์และความเป็นมาของสถานที่ต่างๆ ตลอดทาง ได้เที่ยวแบบสบายๆ แถมยังได้ความรู้เพิ่มอีกด้วยนะคะ

จุดเริ่มต้น ซุ้มประตูเมืองลับแล

ตามตำนานเล่าว่า เมืองลับแล เป็นเมืองแห่งแม่หม้าย จริงหรือ ???

ชาวคณะ ถ่ายรูปกับซุ้มประตู เป็นที่ระลึก

รถรางรอเราอยู่แล้ว ^^

ผ่านชุมชน เมืองลับแล เมืองเล็กๆ เรียบง่าย แต่มีมนต์ขลัง

ศูนย์บริการประชาชน ใครมีอะไร ติดต่อที่นี่ได้เลยค่ะ

เมืองลับแลเป็นอำเภอเล็กๆ ในจังหวัดอุตรดิตถ์ ในสมัยก่อนการเดินทางต้องผ่านทางคดเคี้ยว ผ่านหุบเขาสลับซับซ้อนและป่ารกทึบ ทำให้คนที่ไม่ชำนาญทางพลัดหลงได้ง่าย จนได้ชื่อว่า “เมืองลับแล” แปลว่า “มองไม่เห็น” มีเรื่องเล่าว่า คนมีบุญเท่านั้นจึงจะได้เข้าไปถึงเมืองลับแล….จริง ไม่จริงยังไง ลองดูบ้านในภาพข้างบนนะคะ ^^

เขตห้ามโกหก ตามตำนานกล่าวว่า คนเมืองนี้ห้ามพูดโกหก ใครโป้ปดมดเท็จจะถูกขับไล่ออกจากเมือง และผู้ชายมักพูดโกหกเก่งกว่าผู้หญิง ในเมืองเลยเหลือแต่หญิงสาวและแม่หม้ายเป็นส่วนใหญ่…555 อย่างนี้นี่เอง

แล้วเราก็มาถึงอนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ อยู่ตรงสี่แยกตลาดลับแล เดิมชื่อ ทองอิน มีเชื้อสายจีน เกิดเมื่อพุทธศักราช 2504 ณ บ้านยางกระได อ.ลับแล พระศรีพนมมาศ เป็นนายอากรสุรา ด้วยความรักในท้องถิ่นได้พัฒนาเมืองลับแลให้อุดมสมบูรณ์ สร้างถนน โรงเรียน ลำเหมืองส่งน้ำและฝายน้ำล้น วางรากฐานและส่งเสริมการประกอบอาชีพของชาวเมือง ถือเป็นนักปกครองตัวอย่างที่ชาวลับแลนับถือ จึงได้สร้างอนุสาวรีย์ขึ้นเพื่อประกาศเกียรติคุณให้ปรากฏแก่ชาวลับแลสืบไป

ก่อนไปก็ขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกซักหน่อย ^^

แล้วรถรางก็พาเราผ่านชุมชนยางกระไดเหนือ

เข้าสู่ชุมชนฟากท่า หัวร้อง ป่ายาง

แวะช๊อปกันซะหน่อย ที่เห็นนี่คือ “ข้าวควบ” ของกินขึ้นชื่ออีกอย่างของเมืองลับแลค่ะ


ไอติม ไอติม ><

ร้านค้าชาวบ้านแบบนี้ หาไม่ค่อยได้แล้วในเมืองเชียงใหม่

แล้วเราก็ได้ไอติม น่ากิ๊น น่ากิน มา 1 ถ้วย ^^

ยืนยันว่าอร่อยจริง อิอิ

แวะช๊อประหว่างทางแล้ว เราก็ออกเดินทางกันต่อจ้า…

คราวนี้มุ่งหน้าสู่วัดดอนสัก

ถึงแล้วค่ะ วัดดอนสัก เป็นวัดสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองลับแล อยู่ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 1 กม. ที่ชื่อว่าวัดดอนสัก เพราะตั้งอยู่บนเนินดินที่แต่เดิมมีต้นสักขึ้นอยู่มากมาย เชื่อว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย เคยถูกไฟไหม้มาครั้งหนึ่ง แต่ยังเหลือวิหารซึ่งสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาเอาไว้

วิหารนี้มีหลังคามุงกระเบื้องดินเผา ลดหลั่นลงมาเป็น 3 ชั้น ประกอบด้วยไม้แกะสลักอย่างงดงาม

พื้นเต็มไปด้วยตะไคร่ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ ชุ่มชื้นเหมือนวัดอุโมงค์ที่เชียงใหม่เลย แต่เวลาเดินต้องระวังลื่นด้วยนะจ๊ะ ^^

ไม้แกะสลัก ฝีมือช่างสมัยอยุธยา ต้องขอบอกว่างดงามมากๆ เลยค่ะ

บานประตูวิหารวัดดอนสัก เป็นคู่บานประตูไม้จำหลักโบราณสมัยอยุธยา ซึ่งถือว่าเป็นบานประตูพุทธศาสนสถานที่มีความสวยงามมากที่สุด 1 ใน 3 คู่ของจังหวัดอุตรดิตถ์เลยทีเดียว มีตัวเสาประตูเป็นลายกนกใบเทศสลับลายกนกก้ามปู บานประตูเป็นไม้แกะสลักทั้งบาน รูปลายกนกก้านขด มีรูปสัตว์หิมพานต์แทรกอยู่ในลวดลายกนกต่างๆ มีความอ่อนช้อยสวยงาม โดยบานซ้ายและขวาจะไม่เหมือนกัน แต่เมื่อปิดบานแล้ว ลวดลายมีความลงตัว เข้ากันได้สนิท

มาดูความสวยงามกันแบบชัดๆ นะคะ

บรรยากาศภายในบริเวณวัด ดูสงบ ร่มรื่น

กุฏิสงฆ์ ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติอันสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม


ร้านค้าชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ กับบริเวณวัด

แวะสักการะอนุสาวรีย์เจ้าฟ้าฮ่ามกุมาร ปฐมกษัตริย์ผู้ครองเมืองลับแล

เดินทางผ่านชุมชนบ้านหัวดง เห็นทุเรียนลูกเบ้อเริ่ม ><

เห็นทุเรียนแล้วทำให้อยาก ทีมงานก็เลยพาเราแวะทานอาหารว่างที่ “บ้านบนดอย” เป็นบ้านไม้หลังใหญ่ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2496 ซึ่งปัจจุบันก็มีอายุได้ 60 ปีแล้วค่ะ

บ้านบนดอย เป็นบ้านสวนที่ปลูกผลไม้หลากหลายชนิด ให้ผู้ที่แวะเวียนมาได้ชม มีทั้งทุเรียนพื้นเมือง ทุเรียนหมอนทอง ลางสาด ลองกอง มังคุด ฯลฯ และยังมี “ทุเรียนกวน” ที่เป็นของฝากขึ้นชื่อของที่นี่ อีกด้วย

สวนของที่นี่อุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยต้นไม้ และผลไม้ นานาชนิดจริงๆ ค่ะ

ลางสาด หรือไม่ก็ ลองกอง 555

เค้ามีทุเรียนกวนให้ชิมด้วยนะคะ สะอาด อร่อย สมชื่อจริงๆ ค่ะ

ทุเรียนลูกใหญ่ๆ ที่เห็นนี้เป็นหมอนทองค่ะ ลูกใหญ่ม๊าก ><

ทุเรียนเพียบเลย แต่ยังไม่เห็นหลง – หลิน ลับแลทุเรียนชื่อดังของเมืองลับแลเลยอ่ะ

อ๊ะ !! เจอแล้ว หลงลับแล เป็นทุเรียนที่หาชิมยากมากเลยค่ะ เพราะจะมีปลูกเฉพาะที่เมืองลับแลเท่านั้น และยังได้ชื่อว่าเป็นทุเรียนอันดับ 1 ของประเทศไทยด้วยนะคะ

เอ่อ…..เค้ามีไว้ให้กินนะคะ ไม่ได้ให้ทำเป็นตุ้มหู ^^!

กินแล้วจะสวยแบบนี้แหละ อิอิ ชิมแล้ว อร่อยจริงๆ ค่ะ ขอบอก ^^

     เป็นยังไงบ้างคะ กับการนั่งรถรางชมเมืองลับแล อ่านแล้วทำให้ใครอยากไปเที่ยวเมืองลับแล เมืองแห่งตำนานและความลี้ลับกันบ้างรึเปล่า ถ้าใครอยากไปเที่ยวแบบเรา สามารถติดต่อไปได้ที่ 055-412144 ได้เลยนะคะ วันนี้กว่าจะเที่ยวได้รอบเมือง ก็เกือบจะเย็นแล้ว ชักเริ่มหิวซะแล้วสิ เริ่มจะอยากพักผ่อนแล้วด้วย ทีมงาน ททท. ก็ไม่รอช้า พาเรานั่งรถออกนอกเมือง มุ่งหน้าสู่ “เขื่อนสิริกิติ์” เป็นจุดหมายต่อไป และจะเป็นที่พักผ่อนของเราในค่ำคืนนี้ บรรยากาศจะเป็นยังไง จะสวยงามและสนุกสนานแค่ไหน รอติดตามอ่านในรีวิวครั้งหน้านะคะ วันนี้ขอพักเอาแรงก่อน หุหุหุ

Relate Posts :