หลังจากทำงานมาแล้วทั้งสัปดาห์ ก็อยากพักผ่อนบ้างไรบ้างอ่ะแกร friday night แบบนี้จะไปแฮงค์เอ้าท์เหรอ? โนวค่าาาาาา เรามันสายเที่ยวธรรมชาติเลยอยากใช้เวลาภายในเสาร์อาทิตย์นี้ให้คุ้มค่า ไม่รอวันหยุดยาวใดๆ เพราะนักท่องเที่ยจะเยอะกว่าปกติ ไปในช่วงแบบนี้แหละค่ะ ว่าแล้วก็คิดทริปขึ้นมา ถ้าพูดถึงธรรมชาติแน่นอนว่าเราเลือกมาทางอ.แม่ริมแน่นอน เราเลยจัดทริปไฟไหม้ตามที่เราพอจะไปได้ พอจัดทริปลงตัวปุ๊ป ต่อไปจัดกระเป๋าเตรียมกล้อง เตรียมแบต และเตรียมเงินให้พร้อม แล้วออกเดินทางกันเล้ยยยยยย
การเดินทางครั้งนี้เราใช้รถส่วนตัวนะ เราเริ่มออกเดินทางประมานเจ็ดโมงกว่าๆ ซึ่งแวะหาอะไรกินนู่นนี่ก็ประมานเกือบๆเก้าโมงแล้ว ส่วนทริปไฟไหม้เล็กๆที่เราได้จัดมา เราได้จัดให้พอเวลาการเดินทางในหนึ่งวันที่สามารถขับรถไปและกลับได้ ส่วนเราจะไปที่ไหนบ้างก็ตามนี้เลยจ้า
แบบลิงค์ : goo.gl/maps/p6MeLEhQpo82
เราเริ่มเดินทางมาจากในตัวเมืองออกมาทางเส้นคลองชลประทาน ผ่านมาทางหน้าสนามกีฬา 700 ปี พอถึงแยกกองพันสัตว์ต่าง ไม่ต้องติดไฟแดง ชิดซ้ายแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางไปแม่ริมเลยจ้า แล้วก็ขับมาตามทางเรื่อยๆ จะถึงแยกแม่ริม ให้เลี้ยวซ้ายขึ้นไปเลย เอาหล่ะ! ลุยกันเล้ย
ที่แรกที่เราไป “น้ำตกแม่สา” น้ำตกนี้มีถึง 10 ชั้น! คือเราก็ไม่เคยมาไง ก็อ่ะลองไปดู ก็ขับขึ้นมาตามทางจะมีทางเข้าน้ำตกแม่สาอยู่ทางซ้ายมือ จะเห็นป้ายใหญ่ๆอยู่
พอเข้ามาจะเจอป้อมเก็บค่าผ่านทาง ราคา ผู้ใหญ่ 20 เด็ก 10 บาท ค่ารถยนต์ 30 บาท รวมค่าเข้าที่เราเสียไปก็เป็น 70 บาท (ผู้ใหญ่ 2 คน + ค่ารถยนต์) จ่ายตังแล้วรับบัตรเข้ามา พี่เค้าบอกว่าบัตรเข้านี้สามารถใช้ผ่านเข้าน้ำตกวชิรธาร กับน้ำตกหมอกฟ้า ภายในวันที่เราไปได้อีกด้วย ก็เข้าไปตามทางได้เลย เข้าไปจะเจอชั้นแรกที่เป็นปลายน้ำตกก่อนเลย
ชั้น 1 ก็จะปลายๆน้ำตกอ่ะเนาะ บวกกับเป็นช่วงหน้าฝนด้วย น้ำก็จะไหลเยอะมากกกกกก
ที่จอดรถมีทั้งชั้นแรกและชั้นที่ 2 แต่เราเลือกจอดรถชั้นที่ 2 เพราะจะมีร้านค้าขายน้ำดื่ม ขนม อาหารต่างๆ เผื่อหิวๆก็ซื้อกินได้เลย พอลงรถมาปุ๊บ ก็ว่าอะไรขดๆตัวอยู่ เดินไปใกล้ๆ อ่าวแมวเหรอ! ทาสแมวเจอท่านแมวแบบนี้แล้วก็ขอแวะแชะภาพเก็บไว้ในสต๊อกแปป
เสร็จแล้วเริ่มเดินเข้าไปกันเลย พอเดินเข้าไปถึงชั้น 3 จะเป็นมุมน้ำตกแบบไกลๆ ถ่ายรูปอาจจะไม่ค่อยเห็นชัดมาก แต่ชั้นนี้มีดีที่มีต้นกล้าแจกฟรีให้ไปปลูกด้วยจ้าาาาา โดนใจคนรักษ์โลกไปอีก
เดินเข้าไปตามทางเรื่อยๆ ก็จะเจอชั้น 4 ชั้นนี้ก็จะเห็นน้ำตกใกล้อีกนิด มีที่นั่งพักอีกหน่อย สามารถนั่งฟังน้ำไหล พักกินขนมแบบเพลินๆได้
แล้วระหว่างจะเดินไปชั้น 5 นั้น เจ้าที่เค้าแรงมากค่ะ วิ่งออกมาทักทายแบบเดอะแกงค์มาก อดไม่ได้ที่จะเข้าไปเล่นด้วย อิอิ แต่พอจะเดินไป เดอะแกงค์นี้ก็เดินเป็นไกด์นำทางเลยจ้า ถื่นพี่พี่นำเอง
พอถึงชั้น 5 จะเป็นจุดพักที่มาพร้อมกับจุดถ่ายรูปอีกหลายๆมุม เพราะมีสะพานตัดผ่านน้ำตก สามารถไปยืนถ่ายตรงกลางแบบชิคๆคูลๆได้เลย และแล้วเราก็ตัดสินใจพักที่ชั้นนี้พอแล้วจ้าาาาา ไม่ได้ออกกำลังกายนาน เหนื่อยแล้ว5555555
เราก็นั่งพักชิวๆ กินนู่นนี่นั่นไปเรื่อยๆ ผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานมาทั้งสัปดาห์ ดูน้ำเย็นๆ อากาศเย็นๆ ใครหัวร้อนมานั่งนี่แปปนึงนี่เข้าวัดได้เลยอ่ะ ฟินนนนนนนนนนนน ใครกินอะไรเสร็จแล้วก็อย่าเอาขยะไปทิ้งลงถังให้ถูกต้องด้วยนะ
นี่มันเกาะแมวขนาดย่อมรึเปล่าเนี่ย5555555555
พอช่วงบ่ายก็ต่อด้วยที่เที่ยวที่สองกัน “สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์” แลนด์มาร์กถ่ายรูปสุดฮิตสำหรับคนฮิปๆ แล้วก็ต้องมีค่าเข้าชมแน่นอน ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 10 บาท ส่วนรถยนต์อีก 100 บาท
เราไม่ได้แวะ canopy walk นะ แต่ตรงดิ่งไปโซนอาคารเรือนกระจกต่างๆเลย ไปหามุมถ่ายรูปเกร๋ๆกัน
- เรือนกระจกพืชทนแล้ง ที่ยอดฮิตของการถ่ายรูปพร้อมเช็คอิน ก็มันคุมโทนอ่ะนะ
ลองถ่ายออกมาดูแล้วก็สวยนะแกรรรรรร ชิคๆฮิปๆไปดิ
- เรือนแสดงไม้ป่าดิบชื้น มีน้ำตกขนาดย่อมข้างใน พร้อมสะพายสูงให้เดินชมรอบสวน
- เรือนกล้วยไม้และเฟิร์น มีความรู้สึกญี่ปุ่นๆ ตอนเดินมาถึงบ่อน้ำตกขนาดเล็กนี้
- เรือนสัปปะรดสี นี่ก็จะได้ฟีลสีคุมโทนไปอีกหนึ่งที่ แชะเดียวก็ไปญี่ปุ่นได้เลยทีเดียว
ส่วนที่เหลือก็จะเป็นโซนนอกเรือนกระจก สามารถหามุมได้อย่างอิสระเลยจ้า
และที่สุดท้าย ก่อนกลับจากทริปนั้นนนนนน เราได้ค้นพบจุดชมวิวทิวทัศน์อีกที่ ซึ่งน่าจะเป็นที่ฮิตของนักปั่นจักรยานที่มักจะแวะถ่ายรูปแชะภาพแล้วเช็คอินกัน เค้าเรียกที่นี้ว่า “ทิวทัศน์ป่าสะเมิง”
เปิดแผนที่ตามได้เลยนะ แลนด์มาร์กนี้จะอยู่ตรงเลยโค้งขึ้นมานิดเดียว ถ้าใครมาก็ขับระวังๆ กันด้วยนะจ้ะ แต่จริงๆแล้ว เส้นทางแม่ริมมีหลากหลายสถานที่ให้แวะมากมายเลยนะ ถ้าอยากเพิ่มที่เที่ยวไหนขึ้นมาอีกให้ลองค้นหาใน Map เพิ่มดูได้เลยจ้าาาาาา