อยู่เชียงใหม่ช่างสุขี เพราะเมืองนี้เป็นสวรรค์ของนักดื่ม นักกินจริงๆ ทั้งนักดื่มสายแอล(กอฮอล์) นักดื่มสายคา(เฟอีน) ก็มีร้านให้ดื่ม ให้ชิลล์มากมายนับไม่ถ้วน แต่วันนี้รีวิวเชียงใหม่ขอเอาใจนักดื่มสายชา กันบ้าง จะชาไทย ชาจีน ชาแขก ชาญี่ปุ่น ชงร้อน ชงเย็น พี่ก็มีมานำเสนอ แต่ชากดเบอร์ชิงเบนซ์พี่ขอเว้นนะจ้ะ แถมด้วยของที่กินคู่กับชาแล้วเข้ากั๊น..เข้ากัน กับ 6 ร้านชาเด็ดๆ ต่างแบบ ต่างสไตล์ ตบท้ายด้วยเกร็ดความรู้ของการดื่มชา พูดแล้วจะหาว่าคุย ..เราไปลุยกันเลย !!!!
1. จิบชาธรรมชาติ คู่กับสโคน ที่ Rustic & Blue
พิกัด: ถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 7 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่เวลาเปิด-ปิด: 09.00-22.00 น.โทร: 086-654-7178
ท่ามกลางความหนาแน่น เต็มไปด้วยร้านกาแฟ ร้านอาหาร และผู้คนมากมายบนถนนนิมมานฯ เรากลับมีมุมสงบ สำหรับนั่งจิบชา ฟังเพลง country มีชีวิตดี๊ดีซได้ที่ Rustic & Blue ที่นี่มีคอนเซปท์ชัดเจนเป็น Farm Shop ซึ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติทั้งหมด ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม มีมุมจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายในร้านทั้งชา แยมโฮมเมด และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกด้วย
จากจุดเริ่มต้นของความชอบในการดื่มชา และการนำเทคนิคการผสมชา (Blend Tea) มาใช้ ทำให้ที่นี่มีชาให้เลือกมากมายกว่า 30 ชนิด จากแหล่งชาชั้นดีทั่วโลก นำมาผสมกับวัตถุดิบอย่างสมุนไพร ดอกไม้ เครื่องหอม เครื่องเทศต่างๆ ที่มีในบ้านเรา ใครชอบกลิ่นไหน รสชาติไหน สามารถเลือกดม เลือกชมก่อนจะสั่งก็ได้ พนักงานให้คำแนะนำเป็นอย่างดี มาคราวนี้เราเลยได้โอกาสดื่มชาหอมๆ ทั้งในแบบร้อน เย็น และผสมเป็นค็อกเทล
เริ่มจากชาร้อน “Dark Chocolate & Almond” ซึ่งหอมละมุน กรุ่นกลิ่นช็อคโกแลตนวลๆ เจือกลิ่นอัลมอนด์ที่เป็นคู่พระคู่นางของชาชนิดนี้ ผสมกับพืชและสมุนไพรอื่นๆ จิบแล้วผ่อนคลายได้ดีทีเดียว …
จิบชาไปแล้ว คงต้องมีของแกล้มชา คล้ายกับวัฒนธรรมการดื่มชาของชาวอังกฤษ ที่นิยม “บิสกิต หรือ สโคน” มาทานคู่กับชา ที่นี่เขาเสิร์ฟ Bacon Scone ชิ้นใหญ่ใช้ได้ กับแยมพริกฮาลาปิโญ่ (Jalapeno) ในสไตล์โฮมเมด และครีมบัตเตอร์ สูตรเฉพาะของทางร้าน ทานคู่กัน รับรองความฟิน ทั้งสโคน แยมและครีม พี่นี่แทบเลียจาน คู่นี้พี่ให้เลย 9.5 เต็ม 10
บางคนอาจบ่นว่า แหม่ .. หน้าร้อนแบบนี้ ยังจิบชาร้อน จะบ้าเหรอ !!! สั่งชามาในแบบเย็นก็ได้นะจ้ะ เช่น Lavender Peach , Black Rose Lavender, Mango Hibiscus เป็นต้น เสิร์ฟมาในเหยือกชา พร้อมแก้วน้ำแข็ง เมื่อพร้อมแล้ว จับเหยือกวางบนปากแก้ว ปล่อยให้น้ำชาไหลลงมาสู่น้ำแข็ง ดื่มเย็นๆ ดับร้อน สดชื่นจริง
2. จิบชาจีนเกรดพรีเมี่ยม กับ เปี๊ยะหมูหยอง ที่ Eat Drink
พิกัด: โครงการสตาร์อเวนิล 2 (หน้าขนส่งอาเขต)เวลาเปิด-ปิด: 09.00-20.00 น.โทร: 087-945-6542
ร้านนี้ดูเผินๆ อาจจะเหมือนร้านกาแฟทั่วไป แต่ถ้าหากเข้ามาภายในร้าน จะรู้เลยว่า ที่นี่มีชาจีน ขายด้วย และไม่ธรรมดา จากความชื่นชอบและสนใจของเจ้าของร้าน ที่ศึกษาเรื่องชาจีนมานับ 10 ปี จึงคัดสรรชาดีๆ ระดับคุณภาพเข้ามาจำหน่ายควบคู่กับกาแฟ
แนะนำว่า ถ้ามาดื่มชา ลองนั่งที่เคาน์เตอร์ แล้วดูเจ้าของร้านชงชา พร้อมพูดคุยแนะนำรายละเอียดของชาต่างๆ ท่านจะสนุกและเพลิดเพลิน แถมได้ความรู้ไม่น้อย เพราะเขาละเอียดใส่ใจในการชงจริงๆ … งานนี้เลยทำให้เรารู้ว่า ชาแต่ละชนิดใช้อุณหภูมิของน้ำในการชงไม่เท่ากัน .. อุปกรณ์ในการชงก็มีผลต่อความร้อนและรสชาติของชา .. ระยะเวลาที่แช่ชาแต่ละชนิดก็ไม่เท่ากัน
ครั้งนี้เราได้ชิม “ชาอู่หลง” ชาตัวเด่นของทางร้าน ที่มีอายุนานหลายสิบปี ชงน้ำแรกรสชาติยังไม่เด่นเท่าไหร่ แต่ชงไปเรื่อยๆ สัก 4-5 น้ำ จะได้รสชาติหวาน มีฝาดนิดๆ และหอมชื่นใจ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ทำให้เราร้องอ๋อ .. และมีข้อแนะนำสำหรับคอชาจีน เวลาดื่มชาจีน ให้ได้รสชาติ ท่านจะต้อง “ซู้ด” “ซด” หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า “Slurp” แรงๆ เสียงดังๆ เพื่อให้อากาศเข้าไปสัมผัสและกลั้วกับชาในปาก ฉะนั้นจงอย่ากลัวเสียมารยาท เพราะมันคือวัฒนธรรมการดื่มอย่างหนึ่ง
ซดชาจีน ก็ต้องมีขนมแบบจีนมาทานคู่กัน มันจึงจะได้อรรถรส “เปี๊ยะหมูหยอง” จึงเป็นพระเอกของที่นี่ จัดมาสักชิ้นสองชิ้น ทานคู่กับชา รับรองว่ามีความสุข คู่นี้ให้ไป 8 เต็ม 10
3. ชานมร้อนเนปาล กับแซนวิช ที่ Thamel
พิกัด: ตรอกเหลาโจ้ว (ตรงข้ามกับร้านเชียงใหม่พลาสติก)เวลาเปิด-ปิด: 08.00-17.00 น.โทร: 053-232228, 089-835-1341
ร้านนี้จะว่าดังก็ดัง แต่หลายคนก็อาจจะยังไม่รู้จัก อาจเป็นเพราะที่ตั้ง ที่ต้องบุกบั่น ผ่านร้านขายผ้าขึ้นไปบนชั้นสอง ใครไม่เคยมา อาจตั้งคำถามว่า “มีร้านแบบนี้ด้วยเหรอ?” เรียกว่า เป็นของดีที่ซ่อนอยู่ในหลืบ ประมาณนั้น
บรรยากาศร้านอารมณ์ติสท์ สลัวนิดๆ แต่มีสีสัน ด้วยของตกแต่ง และลวดลายแบบอินเดีย – เนปาล ทำให้ร้านนี้ดูเก๋ และเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ ที่มาช็อปปิ้งในย่านตรอกเหล่าโจ้ว กาดหลวง รวมถึงลูกค้าชาวไทย ที่พิศมัยความแตกต่าง มานั่งผ่อนคลาย หลบร้อนได้เป็นอย่างดี
เชื่อว่ามีไม่กี่ร้านในเชียงใหม่ ที่จำหน่าย “ชาเนปาล” เพราะด้วยกลิ่น และรสชาติ อาจไม่ค่อยคุ้นลิ้นคนไทย แต่เราอยากให้ท่านได้ลองชิม “ชานมร้อน” หรือ “ชานมเย็น” ของทางร้านที่ใช้ชาเนปาลมาชง ลองหลับตาพริ้มแล้วจิบชาไปด้วย จะได้รสชาติและกลิ่นเครื่องเทศมาตั้งแต่จิบแรก ตัดกับความหอมมันของนม มันได้อารมณ์จริงๆ
จับคู่ด้วยคลับแซนวิชในสไตล์สากล ที่ดูเหมือนจะไม่เข้ากัน แต่มันอร่อย และอิ่มพอสมควร ถ้ามาคนเดียวอาจกินไม่หมด แนะนำว่าถ้าสั่งคู่นี้ ต้องมีคนช่วยแชร์ คู่นี้พี่ให้ 7 เต็ม 10 (ไม่คุ้นกับกลิ่นของชาเท่าไหร่)
4. จิบชาใบหม่อน กับพันนาคอตต้าชาไทย ที่ Tichaa Tea Room
พิกัด: ถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 17 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่เวลาเปิด-ปิด: อา-พฤ 11.00-21.00 น., ศ-ส 11.00-24.00 น.โทร: 092-269-2776
Tichaa เป็นแบรนด์ของร้านชาที่แตกธุรกิจมาจากเครื่องหอมและสปา ภายใต้แบรนด์ Harnn ทำให้เรารู้สึกถึงความประณีต ละเมียดละมัย คล้ายกับเวลาเราเดินเข้าสปา ด้วยบรรยากาศและการตกแต่ง รวมถึงความใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ของทั้งอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงการบริการ ทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่ง
ที่นี่เน้นการสร้างความผ่อนคลายให้กับลูกค้า โดยเฉพาะเรื่องของชา ที่เน้นในเรื่องสรรพคุณ และปรับสมดุลให้กับร่างกาย ทางร้านจึงจัดทั้งอาหาร และขนม ให้ทานคู่กับชา เพื่อให้เราทดสอบว่า เป็นจริงอย่างที่นำเสนอหรือไม่
คู่แรก อิ่มใหญ่ ด้วย “สปาเก็ตตี้ผัดต้มยำกุ้ง คู่กับชาอัญชันมะนาว” เป็นความลงตัวสุดๆ เพราะต้มยำกุ้งมีความเผ็ดร้อนอยู่ในตัว ด้วยพริกและสมุนไพรอย่างข่าและตะไคร้ เลยดับความร้อนด้วยความเย็นของชาอัญชันมะนาว โดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อนแบบนี้ ทำให้รู้สึกเย็นลงและสดชื่นได้ดีมาก แก้อาการเผ็ดได้เป็นอย่างดี แต่หากเป็นช่วงฤดูหนาว ทางร้านจะเปลี่ยนเป็นเมนูชาตะไคร้แทน เมนูนี้พี่ให้ 9 เต็ม 10 ไปเลย
คู่สอง อิ่มเล็ก “พันนาค็อตต้าชาไทย คู่กับชาร้อนคาโมมาย” เป็นคู่ที่เข้ากันได้ดี ด้วยความหวาน หอมและเย็นของพันนาคอตต้า ดื่มชาร้อนคาโมมายคู่กันไป ตัดความเลี่ยนได้ดี และชาก็จะมีรสชาติหวานขึ้น จากความหวานที่ค้างอยู่ในลิ้นที่เรากินขนมหวานไปก่อนหน้า เรียกว่าเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ให้คะแนน 8 เต็ม 10
5. จิบชา Mariage Frères “Marco Polo” กับ Pain Perdu Fraise ที่ กาลเพลา
พิกัด: เยื้องโรงแรม Villa Duang Champa (สี่แยกกลางเมืองเชียงใหม่)เวลาเปิด-ปิด: 09.30-22.00 น.โทร: 081-634-2245
อีกหนึ่งร้านที่อยู่ในย่านชาวต่างชาติ ณ กลางเวียงเชียงใหม่ ที่เต็มไปด้วยร้านสวยๆ ดีๆ ที่สำคัญคือมีเอกลักษณ์ Kalapela หรือ กาลเพ-ลา แปลง่ายๆ ว่า “เวลา” มีความโดดเด่นเป็นเลิศทั้งสไตล์การตกแต่ง และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายในร้าน ทั้งไวน์ สาเก และชา
จากประสบการณ์ของเจ้าของร้าน ที่เดินทางมารอบโลก ได้กินอาหารดีๆ ดื่มเครื่องดื่มดีๆ จึงนำมาถ่ายทอดและนำเสนอให้ลูกค้าได้ลิ้มลอง ในแบบที่ตัวเองชอบ
แค่ก้าวแรกที่เราเดินเข้ามาในร้าน เราถึงกับ “ตะลึงพรึงเพริด” เพราะสัมผัสทุกอย่างมาหมด ตั้งแต่เสียงเพลง สีสัน กลิ่นหอมภายในร้าน ยกเว้นเครื่องดื่มและขนมที่ยังไม่ได้สัมผัสลิ้นของเรา
วันนี้ทางร้านนำเสนอชา Mariage Frères รุ่น “Marco Polo” ชาคุณภาพดีจากฝรั่งเศส เป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีชื่อเสียงยาวนานร้อยกว่าปี เจ้า Marco Polo นี้เป็น Chinese Black Tea ผสมกับกลิ่นหอมของสตรอเบอรี่ ก่อนนำมาเสิร์ฟ จะถูกแช่ในระยะเวลาที่พอดีเป๊ะ เพื่อให้รสชาติออกมาดีที่สุด เทคนิคของการดื่มชาแบบนี้ ถ้าตามวัฒนธรรมของอังกฤษ หรือทางยุโรป เขาบอกว่าให้ “จิบ” (sip) เบาๆ ต่างกับวัฒนธรรมจีนโดยสิ้นเชิง ฉะนั้นต้องทำตัวผู้ดีหน่อย
นั่งเป็นคุณชาย ชมต้นไม้เขียวๆ จิบชาในสวนเพลินๆ สักพักน้องพนักงานก็ยก Pain Perdu Fraise มาเสิร์ฟ ซึ่งอธิบายง่ายๆ ก็คล้ายกับ French Toast ที่เรานิยมกัน ขนมปังชุ่มเนย ราดด้วยสตรอเบอรี่ซอส มีวิปปิ้งครีม และไอศครีมวานิลลา โรยหน้าด้วย crumble กรุบกรอบ คล้ายกับคุ้กกี้แตกๆ มันช่าง “ว้าว” ดีเสียนี่กระไร เห็นแล้วน้ำลายไหล มาดคุณชายแทบไม่เหลือ ทานขนมไป จิบชาไป ชีวิตดูไฮโซขึ้นทันที ไม่ใช่แค่ดูดีนะ แต่รสชาติและความลงตัวนี่ มันใช่เลย คู่นี้พี่ให้ 10 เต็ม 10
งานนี้คงถูกใจคนรักชา(และของหวาน) ไม่น้อย จริงๆ แล้วยังมีร้านเด็ด ไอเทมลับอีก 1 แห่ง ที่ขาดไม่ได้เลย .. เพราะถือว่าเป็นร้านที่ทำให้วัยรุ่น รู้จักวัฒนธรรมการจิบชา คู่กับขนมยามบ่าย ส่วนจะเป็นร้านอะไร อดใจรออีก 2-3 วัน จะนำมาอัพเดทกันแน่นอน!!
………..มาต่อกันที่ร้านที่ 6 อัพเดท ร้านเวียงจูมออน ไอเทมลับ ที่ไม่ลับสำหรับสถานที่จิบชาแห่งสุดท้ายที่เรานำมารีวิว ใครไม่รู้จักต้องใช้คำว่า “เชย” เพราะเวียงจูมออนแห่งนี้โด่งดังไม่เพียงแต่เฉพาะในเชียงใหม่ ยังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
6. จิบชาเวียงจูมออน กับแมงโก้ดีไลท์ และชุดของหวานยามบ่าย ที่เวียงจูมออน
พิกัด: ถนน เจริญราษฏร์ ช้างม่อย , เมืองเชียงใหม่ , เชียงใหม่เวลาเปิด-ปิด: 10.00-19.00 น.โทร: 053-303-113
กว่า 8 ปีที่ชาวเชียงใหม่ได้รู้จักเวียงจูมออน ซึ่งถือว่าเป็น Tea House แห่งแรกๆ ก็ว่าได้ ทำให้วัฒนธรรมการจิบชายามบ่ายคู่กับขนมหวาน แพร่หลายทั่วไป โดยเฉพาะในหมู่หนุ่มสาว วัยรุ่น วัยทำงาน สนใจหันมาดื่มชา ในบรรยากาศและสถานที่สวยๆ ริมน้ำปิงแห่งนี้มากขึ้น กับชาคุณภาพดี ที่คัดสรรมาจากแหล่งชาดีๆ ทั่วโลก มากกว่า 60 ชนิด และนอกจากสาขาแรกในย่านวัดเกตนี้แล้ว ยังมีอีก 2 สาขา ที่ Central World กรุงเทพ และ Central Festival เชียงใหม่อีกด้วย
วันนี้นับว่าเป็นบุญปากของเจ๋ง ที่ได้มีโอกาสจัดเต็ม Afternoon High Tea Set กับคนรู้ใจที่แอบพามาจิบชา นั่งชิลล์ ชมน้ำปิง เริ่มต้นด้วย “ชาร้อนเวียงจูมออน” ที่เป็น Signature ของที่นี่ เป็นชาปรุงพิเศษที่ผสมชาดำและชาขาว รวมทั้งส่วนผสมอื่นๆ ให้กลิ่นหอมและรสชาติน่าหลงไหลจริงๆ ทั้ง Black Pepper, Cinnamon, Plum ฯลฯ กลิ่นของชาตัวนี้หอมอวลๆ แบบหวานๆ จิบแล้วเคลิ้มเหลือเกิน
แล้วเราก็มาต่อกันด้วย Dessert Afternoon Set ที่จัดมาอย่างสวยงามถึง 3 ชั้น ชั้นบนสุด ประกอบด้วย ขนมหวานชิ้นเล็กๆ น่ารัก กระจุ๋มกระจิ๋ม ที่เรียกว่า Mini Tartlets มีทั้ง London Cheese Cake, Choc Chip Cheese Cake, Salted Caramel Cheese Cake, Cherry Cheese Cake และ Macaroon ส่วนชั้นกลาง คือ Rooibos Tea Mousse มูสชาแดงอาฟริกัน ราดด้วยซอสครีมสด และสีสวยๆ ของซอสราสเบอรี่ และชั้นล่างสุดคือ สลัดผลไม้หลากชนิด เสิร์ฟคู่กับซอสราสเบอรี่ ชาดีๆ ขนมอร่อยๆ จัดเต็มแบบนี้ พี่ให้ 10 เต็ม 10
ช่วงนี้เป็นฤดูร้อน ทางร้านจึงมีเมนูพิเศษ คือ Mango Delight เป็นโคลชีสมะม่วง เสิร์ฟคู่กับมะม่วงสดและซอสมะม่วงสูตรโฮมเมด หอมหวาน อร่อยมากๆ ทานคู่กับ Tender Tango ชาเขียวกลิ่นหอมแบบผลไม้ อมเปรี้ยวที่เมื่อได้กลิ่นแล้ว สามารถเรียกน้ำลายได้เป็นอย่างดี นำมาปั่นรวมกับมะม่วงและมะละกอ สดชื่น เข้ากันมากๆ สำหรับคู่นี้ เอาไปเลย 9 เต็ม 10
ส่วนบรรยากาศและความสวยงามของสถานที่คงไม่ต้องบรรยาย จะนั่งมุมไหนก็สบาย ถ่ายรูปสวยได้ทุกมุม ทั้งห้องแอร์ และโซนด้านนอก และหากชอบผลิตภัณฑ์ของที่นี่ โดยเฉพาะชา สามารถซื้อติดไม้ติดมือไปฝากคนที่บ้านได้เลย พนักงานให้คำแนะนำดีมาก จะซื้อมาก ซื้อน้อย มีให้เลือกหลากหลายจริงๆ สมกับที่เป็น Tea House ขนานแท้
จากการตระเวนชิมชาในครั้งนี้ เจ๋งได้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมามากมาย ขอนำมาเล่าสู่กันฟังแบบง่ายๆ เผื่อเป็นแนวทางให้ผู้อ่านนำไปใช้
– ลวกหรืออุ่นภาชนะให้ร้อนทุกครั้งก่อนชงชา
– บ่อยครั้งที่เรานิยมชงชาแบบถุงหรือซองกระดาษ ให้เราแช่ชาในน้ำร้อน 3-5 นาที แล้วนำถุงออก อย่าแช่ทิ้งไว้ เพราะจะทำให้ชามีรสฝาดและขมขึ้น
– บางคนชอบ “แกว่งถุงชา” สักแป๊บ พอน้ำสีเข้มขึ้นก็ยกถุงออก ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด เพราะเราจะได้เพียงสีของชา แต่ไม่ได้รสชาติที่ดีที่สุด
– ชาดำ ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะชาอังกฤษ เราสามารถเติมน้ำตาลหรือนมได้ แล้วแต่รสชาติและความชอบ
– ชาจีน “ซด” (Slurp) ชาอังกฤษ “จิบ” (Sip)
– ใช้ช้อน “คน” ชาเบาๆ (Stir) อย่า “คน” แรงๆ (Swirl) เพราะจะทำให้ชาเสียอุณหภูมิ
– หากดื่มชาคู่กับของหวาน ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำตาลในชา
คร่าวๆ ประมาณนี้นะครับเพราะถ้าจะให้เขียนจนหมด รับรองว่า อ่านสามวันคงไม่จบแน่นอน ว่าแล้วเจ๋งขอไปนอนตีพุง จิบชา กดรหัสใต้ฝาชิงโชคก่อนนะครับ 555+ เผื่อจะได้เบนซ์ขับไปรับสาวๆ ตระเวนทั่วเมืองเชียงใหม่ให้สมใจอยาก “Enjoy your tea” !!!!