ร้านหลังเลิกงาน นอกจากจะต้องเป็นร้านยอดนิยมของคนทำงานในหลากหลายสาขาอาชีพ ยังต้องเป็นร้านที่มีกับแกล้มอร่อยพอให้รองท้องได้ก่อนกลับบ้าน เป็นร้านที่ไม่มีอะไรอื่นนอกจากการพูดคุย และเป็นร้านที่ราคาย่อมเยาว์ ถูกใจคอเหล้ากระเป๋าบางจนต้องผูกขาดเป็นขาประจำกันประเภทต้องเมากรึ่มๆแล้วถึงจะเดินซึมๆกลับบ้านกันได้สบายอุรา ส่วนถ้าเป็นวันศุกร์หรือวันหยุดตามเทศกาลใครที่ออกจากร้านนี้ไปแล้วใคร่จะไปไหนกันต่อก็ค่อยหารือกันอีกที ตามพิกัดไปได้ผู้ชายเชียงใหม่เลิกงานเค้าไปคลายเส้นกันที่ร้านไหน
– – – – – – – – – – – – – – –
1. ป้าแดงจิ๊นตุ๊บ
– กินจนยุบก็ยังไม่เลิก
- เนื้อย่างจิ๊นตุ๊บ เมนูเด็ดร้านป้าแดง
- ลายแทงร้าน : แยกสันคะยอม ถ้ามาจากกาดสามแยกติดไฟแดงให้เลี้ยวขวา แล้วยูเทิร์นกลับมาร้านเป็นเพิงอยู่ซ้ายมือเวล
- เปิด – ปิด : ตั้งแต่ช่วงเย็นหลังเลิกงานถึงห้าทุ่ม
จัดว่าเป็นตำนานของร้านนั่งดื่มหลังเลิกงานของหนุ่มน้อยใหญ่ชาวสันทรายก็ว่าได้ ด้วยประสบการณ์อันยาวนาน ป้าแดงได้พัฒนาสูตรอาหารเฉพาะตัวอันเป็นที่ชื่นชอบถูกปากนักดื่มยิ่งนัก เมนูเด็ดขึ้นชื่อของร้านเห็นจะไม่พ้น จิ๊นตุ๊บ (เนื้อทุบ) เป็นการเอาเนื้อมาย่างจนแห้งดี จากนั้นนำไปทุบบนเขียงด้วยค้อนเหล็กเสียงดังตุ๊บตั๊บ จากนั้นไม่นานเนื้อเหนียวๆก็จะกลายเป็นเนื้อทุบที่เคี้ยวง่ายสบายเหงือก เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มข่าสูตรเด็ดที่มีทั้งแบบแห้งและเปียก เข้ากันที่สุดในสามโลก จานเดียวไม่เคยพอ เมนูอื่นก็เด็ดขาดขึ้นชื่อไม่แพ้กัน ทั้งจิ๊นส้มหมกไข่ (แหนมหมกไข่ย่าง) แอ๊บอ่องออ (ห่อหมกสมองหมู) รวมไปถึงอาหารปิ้งย่างอื่น ๆ ล้วนเป็นที่ชอบอกชอบใจของบรรดาชายฉกรรจ์เขาเลยทีเดียว
- จิ๊นส้มหมกไข่ เด็ดโดนไม่แพ้เมนูอื่น
- บรรยากาศร้านป้าแดงจิ๊นตุ๊บ และอุปกรณ์การทุบ
ร้านนี้ดังไปไกลถึงผู้ชายต่างประเทศ ป้าแดงตัวจริงกับ แอนดี้ pok pok
– – – – – – – – – – – – – – –
2. เก๊าบ่าต๋ากบ แก้มแดง
– บอกเลยไม่แพงพี่ต้องมา
- ซี่โครงย่าง แหนมย่าง ใครมาร้านนี้ต้องสั่ง
- ลายแทงร้าน : แยกสันคะยอม ถ้ามาจากกาดสามแยกติดไฟแดงให้เลี้ยวขวา ร้านเป็นเพิงอยู่ซ้ายมือ สังเกตุจะมีต้นต๋ากบ (ตะขบ) อยู่หน้าร้าน จอดรถได้ทั้งสองฟากถนน
- เวลาเปิด – ปิด : ตั้งแต่ช่วงเย็นหลังเลิกงานถึงสี่ทุ่มครึ่ง (สี่ทุ่มเช็คบิล)
อีกหนึ่งร้านยอดนิยมของชายฉกรรจ์หลังเลิกงาน ทำเลง่าย ๆ ก็คือตรงข้ามกับร้านป้าแดงในข้อหนึ่ง ชื่อต้นต๋ากบมาจากภาษาเหนือแปลว่า ต้นตะขบ มีอยู่หนึ่งต้นถ้วนบริเวณหน้าร้าน ส่วนแก้มแดงคือชื่อเจ้าของร้าน ร้านนี้เปิดมามากกว่าสิบปีตั้งแต่สมัยยังไม่มีโฮมโปรมาตั้ง เริ่มจากร้านเล็ก ๆ ทำกันสองคน ตอนนี้ขยายเพิ่มโต๊ะเข้ามาอีกเพียบ พร้อมพนักงานอีกหลายคนที่ยินดีพร้อมให้บริการด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ตรงหน้าร้านจะมีป้ายบอกวันหยุดแต่ละเดือนอย่างชัดเจน ขาประจำควรอ่านทุกครั้งจะได้ไม่พลาด
อาหารร้านต๋ากบมีพ่อครัวเพียงหนึ่งคน และบอกไว้ชัดเจนในเมนูว่าถ้าคนเยอะอาหารอาจต้องนอนานสักนิด อาหารยอดนิยมก็ได้แก่จำพวกปิ้งย่าง ซี่โครงย่างถือเป็นตัวเด็ด แหนมย่างกินพร้อมพริกกระเทียมจัดว่าโดน คอหมู คางหมูย่าง มีทั้งแบบกรุบกรอบและแบบนุ่มชุ่มลิ้น สนนราคาไม่แพงเลย จานละ 40 – 60 บาท ส่วนราคาเครื่องดื่มก็ตามมาตรฐานแถมโซดายังแช่เย็นอีกด้วยนะพวกเธอ
- ร้านโปรดของบรรดาเหล่าชายหนุ่ม
- เซ็ตอาหารและเครื่องดื่มยอดนิยมร้านเก๊าบ่าต๋ากบ
- เหล่าพ่อครัวแม่ครัวขมักเขม้นปิ้งย่างมือเป็นระวิง
– – – – – – – – – – – – – – –
3. ฮิมโก้ง
- บรรยากาศคึกคัก
- พิกัด : เลยแยกข่วงสิงห์ มาทางเส้นจะไปแม่ริมแล้วเลี้ยวซ้ายไฟแดงแรก
- ที่จอดรถ : จอดได้บริเวณสองข้างทางในละแวกร้าน
- ร้านหยุด : ทุกวันจันทร์
- โทร. : 083-9401827
ลัดเลาะจากแยกข่วงสิงห์ เข้าเส้นแม่ริม แล้วหักซ้ายตรงไฟแดงแรก ค่อย ๆ โค้งไปตามถนนสักหน่อยตามที่มาของชื่อร้านที่อยู่ช่วงริมโค้งหรือฮิมโก้งในภาษาเมืองก็จะเห็นร้านนี้อยู่ทางซ้ายมือ เสน่ห์ของที่นี่คือความโปร่งโล่งสบายไม่อึดอัด แถมยังมีบอลให้ดูกันพอเพลิน ๆ และนอกจากจะมีเสียงหัวเราะพูดคุยอย่างเป็นกันเองระหว่างแขกกับเด็กเสริฟในร้าน ร้านนี้ยังอาวุธลับที่เป็นไม้เด็ดอยู่อีกสองอย่าง นั่นคือเรื่องของราคาเครื่องดื่มและกับแกล้มที่ถูกจนน่าตกใจ คือกับแกล้มที่นี่จะอยู่ในระหว่าง 39 – 59 ส่วนเครื่องดื่มประเภทเหล้าเบียร์ก็ราคาไล่เลี่ยกับร้านขายของชำ
และนอกจากเรื่องราคา อาวุธลับสำคัญอีกอย่างก็คือเรื่องของรสชาติกับแกล้มฝีมืออ้ายตู๋กับน้องฝน สองผัวหนุ่มเมียสาวเจ้าของร้านนั้นถือว่าเข้าขั้นเยี่ยมยุทธ์ โดยเฉพาะกับแกล้มจำพวกย่างรวมหมูของอ้ายตู๋ เปื่อยนุ่มและหอมกลิ่นเครื่องเทศพร้อมกลิ่นหอมควันจากเตาย่างที่ชิมแล้วการันตีได้ว่าจะต้องติดใจ ส่วนฝีมือของน้องฝนที่เน้นไปทางพวกต้มแซบร้อน ๆ ก็เปรี้ยวแซบลงตัวแบบไม่ขาดไม่เกินหรือถ้าใครอยากจะชิมกับแกล้มประเภทตำ ที่นี่ก็ยังมีตำมะม่วงสูตรโบราณรสชาติถึงใจเอาไว้ให้น้ำลายสอกันด้วย ช่วงไคลแม็คของร้านจะอยู่ที่ประมาณหกโมงเย็นไปถึงสามทุ่ม เรียกว่าคนนั่งกันแน่นจนโต๊ะเต็มหมดทั้ง 28 โต๊ะกันเลยทีเดียว
- เจ้าของร้าน
– – – – – – – – – – – – – – –
4. เก๊าฉำฉา
– หลบเมียจ๋ามานั่งชิล
- พิกัด : ริมถนนเส้นหลังโรงเรียนปริ๊นช์
- ที่จอดรถ : จอดได้บริเวณสองข้างทางในละแวกร้าน
- เวลาเปิด – ปิด : เปิด 09.00น. – 23.00น. ปิดทุกวันอาทิตย์
- โทร. : 081-8826547, 081-5316047
นอกจากนี้กับแกล้มอื่น ๆ ประเภทลาบหรือยำและต้มแซบต่าง ๆ ที่นี่ก็มีไว้บริการ ทีเด็ดอีกอย่างของร้านคือร้านนี้จะเปิดให้บริการตั้งแต่เช้าถึงค่ำ ใครจะบอกเจ้านายว่าจะไปหาลูกค้าหรือไปติดต่องานข้างนอกแล้วจะแวะไปนั่งดื่มกินกันตั้งแต่กลางวัน แล้วไหลยาวไปจนถึงกลางคืน อันนี้ก็ไม่ว่ากันแต่คงต้องบอกก่อนว่าร้านนี้อยู่ริมถนน ถ้าหลบงานมาก็หลบเข้าไปนั่งโต๊ะใน ๆ หน่อยก็แล้วกัน … อ่อ ลืมบอกไปอีกอย่าง ที่นี่เขาเคยวัดสถิติการดวลเหล้ากันด้วยนะ มากสุดก็เหล้าตอง 11 แก้ว ซึ่งพี่เหน่งเจ้าของร้านแกฝากท้าทายมาด้วยว่า ถ้าใครคิดว่าตัวเองเจ๋งกว่านั้นก็เชิญให้มาท้าทายทำลายสถิติกันได้เลย
– – – – – – – – – – – – – – –
5. บัวลอย ซอยวัดอุโมงค์
– โล่งไปถึงไส้ติ่ง
- พิกัด : ถ้าเข้าทางซอยวัดอุโมงค์จะอยู่ทางขวามือ สังเกตที่เตาย่างและป้ายหน้าร้าน
- ที่จอดรถ : สามารถจอดชิดซ้ายใกล้ ๆ บริเวณร้าน
- ร้านหยุด : ทุกวันอาทิตย์
เห็นชื่อร้านแล้วอย่าเพิ่งตกใจ เพราะยังไม่คิดเปลี่ยนใจพาไปหาขนมหวานหรือบัวลอยนั่งกินกันคนละถ้วยหลังเลิกงานแล้วรีบแยกย้ายกันกลับบ้านหรอก แต่ร้านบัวลอย – ร่ำเปิงร้านนี้เป็นร้านเหล้าตองแบบเมือง ๆ แท้ ๆ หรือจะเรียกว่าเป็นร้านเหล้าสายฮาร์ดคอร์ในวัฒนธรรมการดื่มกินของชายฉกรรจ์ชาวเชียงใหม่เลยก็ว่าได้ ด้วยเสน่ห์ของการรินเหล้าอย่างพิถีพิถันในแต่ละตอง ที่เราสามารถสัมผัสได้ถึงการใส่ใจต่อเหล้าในทุกแก้วของลูกค้า พร้อมของแกล้มที่วางคู่กันเอาไว้ให้เปรี้ยวปาก ทั้งของฝาดของดองยั่วน้ำลาย ท่ามกลางบรรยากาศการพูดคุยอย่างสนุกสนานและเป็นกันเองกับบรรดาคอเหล้าขาประจำในละแวกนั้น เรียกว่าเป็นบรรยากาศของการดื่มหลังเลิกงานของชายฉกรรจ์ที่ออกรสและเข้มข้นใช้ได้เลยทีเดียว
6. โฮงหมู
– กินจนร้องอู้หูว! เด็ดจัง
- พิกัด : ตรงข้ามวัดสันติธรรม
- ที่จอดรถ : จอดตรงใกล้ ๆ ร้านหรือหน้าวัดสันติธรรม
- ร้านหยุด : ไม่มีวันหยุด
- โทร. : 088-252-0436, 053-226897
พี่แหลมกับพี่ออยเจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่า ที่ชื่อร้านโฮงหมูเพราะแต่เดิมเปิดอยู่แถวโรงฆ่าสัตว์แถวกำแพงดินที่เขาเรียกกันว่าโรงหมู หรือโฮงหมูตามสำเนียงภาษาเมือง แต่ต่อมาก็ย้ายมาเปิดเป็นร้านขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้าวัดสันติธรรม ซึ่งนับจากเวลาที่ย้ายมาจนถึงวันนี้ก็ประมาณแปดปีเข้าไปแล้ว ส่วนความพิเศษของร้านนี้นอกจากบรรยากาศแบบร้านอาหารประเภทต้นตำรับ มีสูตรเด็ดที่หมูทอด เครื่องในหมูทอด จิ้นส้มหมกไข่ และไส้ทอดกรอบจิ้มน้ำพริกกะปิ ซึ่งเป็นจานเด็ดที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
- จิ้นส้มหมกไข่
ทีเด็ดของร้านคือช่วงเวลาเปิด – ปิดร้าน ซึ่งเป็นที่รู้กันในหมู่นักดื่มว่า ร้านนี้จะเปิดถึงตีสี่ ส่วนสนนราคาของกับแกล้มรสเด็ดและเครื่องดื่มกระชับมิตรของร้านนี้ ก็อยู่ในราคามาตรฐานทั่วไป แถมร้านนี้ยังเหมาะอย่างยิ่งสำหรับขาเมาที่นิยมกับแกล้มเต็มโต๊ะ เพราะกับแกล้มที่นี่มีให้เลือกมากมายหลายเมนูและอร่อยเด็ดครบรสทุกจานจริง ๆ
- ไส้ทอดกรอบ
7. เป็ดพะโล้บ้านยวม
– แหล่งรวมชายฉกรรจ์
- พิกัด : เส้นตัดใหม่ทางไปสันกำแพง
- ที่จอดรถ : โอ่อ่าอลังการ กว้างขวางมาก
- ร้านหยุด : ทุกวันอาทิตย์ เปิดช่วง 4 โมงเย็นเป็นต้นไป
- โทร. : 085-0321335
ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อร้านและรู้ว่าร้านนี้ขายเป็ดพะโล้เป็นหลัก ก็คิดว่ามันใช่ร้านเหล้าหลังเลิกงานแน่เหรอ ? แต่เมื่อถามแม่ทองสุขเจ้าของร้าน แม่ทองสุขก็บอกว่า ร้านนี้ไม่ได้ขายก๋วยเตี๋ยวเป็ด แต่ที่นี่ขายเป็ดพะโล้แกล้มเหล้า และเป็ดที่แม่ทองสุขบอกก็ไม่ใช่จะมีแค่เป็ดสับอย่างเดียว แต่ยังมีบรรดาอะไหล่เป็ดทั้งไส้ ข้อ ปาก ปีก และเครื่องในพะโล้จนเปื่อยนุ่ม ไม่มีอาการเหนียวจนต้องเคี้ยวกันแปดรอบเหมือนกินหนังสติ๊กแกล้มเหล้าแน่นอน เรียกว่าทั้งเปื่อยทั้งนุ่มกันจนขากรรไกรแทบไม่ต้องออกแรง ยิ่งเมื่อได้จิ้มกับน้ำจิ้มรสเด็ดด้วยแล้ว คงไม่มีอะไรต้องอธิบายต่อกันเลยทีเดียว และนอกจากเรื่องของรสชาติอาหาร ที่นี่ยังมีบริการเหล้าตองตรงบาร์กว้างนั่งสบายต่างจากร้านอื่น แต่ขอโทษ ที่นี่ไม่มีสาว ๆ มารินเหล้าตองให้ แต่มีลูกชายของแม่ทองสุขท่าทางทะมัดทะแมงยืนเทเหล้าตองแบบเท่ ๆ แนว ๆ คอยดูแลนักดื่มอยู่ตรงเคาน์เตอร์อย่างเป็นกันเอง
สำหรับบรรดานักดื่มหลังเลิกงานที่อยากมาหาอะไรดื่มแกล้มเป็ดพะโล้นุ่มๆกันที่นี่ ก็เดินทางมาได้ตามเส้นทางไปสันกำแพง พอเลยแยกไฟแดงก็ชิดขวาแล้วชะลอรถสักหน่อย สังเกตดี ๆ ตรงที่มีต้นสนใหญ่ด้านขวามือจะเห็นป้ายร้านชัดเจนหาไม่ยากเลย และที่นี่ยังมีที่จอดรถขนาดกว้างขวางเอาไว้ให้บริการ ส่วนสนนราคาของเป็ดพะโล้ก็อยู่ที่จานละ 70 บาท อะไหล่อื่น ๆ ก็ลดหลั่นกันไป เช่นเครื่องในสับก็ 40 – 50 บาทเท่านั้น เรียกว่าเหมาะการดื่มกันเบา ๆ เมากันแค่พอกลิ้งจริง ๆ เชียว
ตำนานเรื่องเล่าร้านหลังเลิกงาน หรือ ร้านอิซากายะ
“ … จากข้อมูลบันทึกทางประวัติศาสตร์ มีการบันทึกเอาไว้ว่า การดื่มกินหลังเลิกงานครั้งแรกของโลกนั้น เกิดขึ้นในราวปี คศ.1872 ที่ประเทศอังกฤษ โดยเป็นการดื่มกินระหว่างท่านเค๊าน์จอห์น แรนดอล (John Randoll) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงเหล็กกับนายริคกี้ แฮตตั้น (Ricky Hatton) ซึ่งเป็นกรรมกรในโรงเหล็กที่บังเอิญเดินผ่านทางมาเจอกิออสขายเหล้าเล็ก ๆ ระหว่างทางกลับบ้าน ทั้งสองจึงชวนกันแวะนั่งดื่มพูดคุยกันถึงเรื่องงาน นินทาคนในที่ทำงาน บ่นรำพันกันในเรื่องของกีฬาข่าวสารบ้านเมืองและปรับทุกข์กันเรื่องของเมียอ้วน ๆ ที่บ้าน และเมื่อดื่มกินกันจนวูบวาบ มึนหัวได้ที่ด้วยเวลาไม่นานนักคือประมาณหกโมงเย็นถึงสองทุ่ม ทั้งสองก็แยกย้ายกันกลับ แต่ในวันต่อๆมาหลังเลิกงานในทุก ๆ เย็นทั้งสองก็พากันมานั่งดื่มกันอีกจนกลายเป็นตำนานและเป็นวัฒนธรรมที่ทั่วโลกให้การยอมรับ และนอกจากการดื่มกินในครั้งนั้นจะถูกบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ เรื่องราวที่พูดคุยกันระหว่างท่านเค๊าน์กับนายริคกี้ก็ยังถูกใช้เป็นแพทเทิร์นเดิม ๆ ซึ่งยังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะบรรดาขี้เมาส่วนใหญ่ต่างลงความเห็นเป็นประชามติโลกว่า หลังเลิกงานเราควรดื่มและคุยกันประมาณนี้แหละดีที่สุดแล้ว เพราะถ้ามากกว่านี้พรุ่งนี้จะไปทำงานไม่ไหว …” จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่เราได้อ้างอิงไปแล้วนั้น ถ้าใครเชื่อหรือใครอ่านแล้วเอาไปใช้อ้างอิงต่อ ๆ ไปในทางวิชาการ เราก็ขอแช่งให้กินเหล้าเท่าไหร่ก็ไม่เมากินเหล้ายังไงก็ไม่สนุก ไร้เพื่อนคู่คิดไร้มิตรร่วมวงไปยาวๆสักสามร้อยชาติ
เพราะข้อมูลที่เขียนไว้ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่เอาไว้อำกันเล่นในวงเหล้าหลังเลิกงาน พอให้รู้สึกว่าการกินเหล้าที่ดีบางทีก็มีสาระเหมือนกัน ถึงจะออกไปทางสาละวนเลอะเทอะดูเปรอะ ๆ ไปหน่อยก็ตาม ในข้อแม้ของการสรรหาร้านเหล้าสำหรับนั่งดื่มหลังเลิกงานของเรา
ท่านใดมีร้านอร่อยหลังเลิกงานแนะนำเจ๋งเข้ามาได้ อย่าลืมแวะมา Comment มาแชร์ให้ได้รู้ตามช่องด้านล่างจะตามไปรีวิวอย่างทันท่วงที