7 ข้อควรรรู้ก่อนตัดสินใจจ้าง Wedding Planner by Chormuang Chiangmai Wedding Planner

1.Wedding Planner คืออะไร ?

Wedding Planner คือ ผู้จัดการและดูแลงานให้สมบูรณ์ที่สุด เปรียบเสมือนวิศวกร โดยทาง Wedding Planner จะดูแลเกี่ยวกับการจัดงานเลี้ยง ดูแลคิวงาน การซักซ้อมขั้นตอนประเพณีต่างๆ ตกแต่งสถานที่ Light and Sound จัดเตรียมอาหาร ประสานงาน ซึ่งคุณไม่ต้องเสียเวลาในการจัดการเอง ทาง Wedding Planner จะจัดการให้คุณทั้งหมด ไม่ว่างานแต่งของคุณจะเป็นแบบไหน มีแขกจำนวนเท่าไหร่ คุณสามารถยืนต้อนรับแขกและพูดคุยกับผู้ที่มาร่วมงานโดยไม่ต้องปวดหัวกับรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ในงานอีกเลย

wendding_planner_chiangmai_7(1)

13389378_10208503873048100_524920717_o

2. ทำไมถึงต้องจ้าง Wedding Planner

ข้อดีของการจ้างคือ Wedding Planner คืองานจะ smooth ไปได้สวย เพราะ Wedding Planner จะเป็นคนจัดการควบคุมงานเกือบหมดทุกอย่าง ทำให้ทางเจ้าภาพไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับลำดับขั้นตอนในวันงานและในขั้นตอนของการเตรียมงาน บ่าวสาวสามารถปรึกษาพูดคุยเพื่อบอกรายละเอียดของงานที่ตนเองต้องการกับทาง Wedding Planner ได้ทุกเรื่อง โดยทาง Wedding Planner จะให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อคู่บ่าวสาวเพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์แบบ ด้วยการทำงานอย่างเป็นมืออาชีพ หากมีปัญหา ทาง Wedding Planner  จะเข้ามาช่วยแก้ไขได้ทันท่วงที ในช่วงเวลาที่กระชั้นชิด … วันสำคัญของเราทั้งทีดีกว่าให้บ่าวสาวหน้ามุ่ยหน้างาน เพราะไม่มีใครแก้ไขปัญหาให้นะจ๊ะ

wendding_planner_chiangmai_4

13405230_10208503865927922_870936190_o

3. Wedding Planner มีหน้าที่อะไรบ้าง

Wedding Planner จะทำหน้าที่ออกแบบและดูแลทุกอย่างภายในงาน ตามที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องการ บางคู่อาจต้องการให้งานแต่งของตนเองออกมาเรียบง่าย สบายๆ หรือบางคู่ต้องการให้งานแต่งของตนออกมาเรียบหรู ดูดี ไม่ว่างานแต่งแบบไหน หากคู่บ่าวสาวต้องการทาง Wedding Planner ก็สามารถจัดให้ได้ หากคู่บ่าวสาวมีโจทย์ที่ชัดเจนก็จะทำให้งานออกมาได้อย่างลงตัวและถูกใจ เพราะสิ่งสำคัญของงาน คือความพึงพอใจของทั้งเจ้าภาพ ในวันงานทาง Wedding Planner จะควบคุมการจัดงานทุกอย่างให้เรียบร้อย ทั้งการจัดสถานที่ ดูแลลำดับพิธีการในงานเลี้ยง ระบบแสงสีเสียง อาหารและการประสานงานต่างๆ ให้ทุกช่วงเวลาของความสุขเป็นไปอย่างราบรื่น

wendding_planner_chiangmai_8

13410758_10208503875968173_1605484120_o


4. งบประมาณ/การคิดราคาของ Wedding Planner

งบประมาณหรือการคิดราคาของ Wedding Planner มีการแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน ราคาของงานแต่ละงานจะไม่เท่ากัน ขึ้นกับรายละเอียดของงานนั้นๆ เนื่องจากแต่ละงานทาง Wedding Planner จะทำตามความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ตัวอย่างเช่น งานต่างประเทศมักจะคำนวณค่าใช้จ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ตามจำนวนคน เช่น งบจัดงาน 1000 บ.ต่อคน เป็นอาหาร 50% ตกแต่ง 20 % เครื่องแต่งกาย 20 % อื่น ๆ 10 %  แต่รายละเอียดบางอย่างในงานก็ไม่สามารถคำนวณจากจำนวนคนได้ เช่น ราคาเค้ก การตกแต่งเวที เป็นต้น ดังนั้นหากคู่บ่าวสารต้องการงานแบบไหน ทั้งงานเล็กหรืองานใหญ่ คู่บ่าวสาวควรพูดคุยปรึกษากับทาง Wedding Planner ให้เข้าใจเสียก่อน เพื่อทาง Wedding Planner จะได้คำนวณค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมนั่นเอง

wendding_planner_chiangmai_11

13414471_10208503863167853_847161036_n

5. วิธีการเลือก Wedding Planner

ให้เลือก Wedding Planner ที่มีทีมงานและมีความพร้อมเพราะจะทำให้เจ้าภาพไม่ต้องเหนื่อยมาก รวมทั้งให้ดูจากโปรไฟล์ของ Wedding Planner นั้นๆ ระยะเวลาในการทำงาน ความน่าเชื่อถือและสำคัญที่สุดคือเรื่องของการบอกต่อปากต่อปาก

13388812_10208504275018149_1860331802_o

13405557_10208504295938672_728484654_o

6. Wedding Planner ต่างจาก Organizer อย่างไร?

Wedding Planner จะเจาะจงเข้าไปในเรื่องของงานแต่งงานโดยเฉพาะ ต้องมีองค์ความรู้ในเรื่องนี้มากกว่า Organizer คล้ายกับว่าซัพพอร์ท Organizer แต่จริงๆแล้วทำงานควบคู่กัน

Wedding Pui and Nueng at Chormuang wedding (13)

7. ขั้นตอนการเตรียมตัวบ่าวสาวของ Wedding Planner

7.1 หาฤกษ์วันที่จะจัดงาน – ในสังคมไทย บางครอบครัวมักจะให้ความสำคัญในเรื่องฤกษ์ยามเป็นอย่างมาก ดังนั้นคู่บ่าวสาวอาจเตรียมฤกษ์งานแต่งไว้ประมาณ 2-3 ฤกษ์ และคำนวณจำนวนแขกไว้ล่วงหน้า จากนั้นจึงแจ้งเรื่องวัน เวลา จำนวนแขก รูปแบบงานเลี้ยงกับทาง Wedding Planner เพื่อพูดคุยปรึกษารายละเอียดต่างๆ ของงานต่อไป


7.2 หาสถานที่ – ขึ้นอยู่กับจำนวนแขกที่จะมางาน สามารถเลือกได้ทั้งแบบ indoor และ outdoor แต่หากแขกมีจำนวนมากตัวเลือกสถานที่อาจมีจำกัด โดยเฉพาะเมื่อต้องการใช้งานทั้งสองแบบ สำหรับสถานที่จัดงานนั้นมีหลายรูปแบบด้วยกัน เช่น โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร เป็นต้น หากได้ฤกษ์และสถานที่ รวมถึงรูปแบบการจัดงานก็สามารถทำการ์ดเชิญได้แล้วค่ะ

7.3 รูปแบบงานเลี้ยง – Theme งานต่างๆในแบบที่เจ้าภาพต้องการ
การจัดเลี้ยงแบบค็อกเทล – Cocktail Party ถือได้ว่า เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เหมาะกับคู่บ่าวสาววัยทำงานและที่สำคัญคือแขกที่มาร่วมงานเป็นหนุ่มสาวไฟแรง มีผู้ใหญ่น้อย เนื่องจากเป็นการจัดอาหารเป็นแบบ Finger Food ไม่เน้นในเรื่องของโต๊ะเก้าอี้รับรองแขก  เน้นบริการเครื่องดื่มทั้งแบบมีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ โดยจะจัดบริการอาหาร ประเภทอาหารว่าง อาหารทานเล่นเบาๆ รวมถึงอาหารเรียกน้ำย่อยไว้ให้แขกที่ร่วมงาน เดินเลือกหยิบรับประทานตามชอบ เหมาะสำหรับการจัดเลี้ยงแขกจำนวนมากและแขกที่มาร่วมงานได้พูดคุยกันได้อย่าง ทั่วถึง เป็น Party ที่สบาย ๆ

13389039_10208503913009099_344211723_o

13389255_10208503893688616_489417099_o

การจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน – Chinese Banquet

การจัดเลี้ยงแบบนี้จะแตกต่างจากแบบ Cocktail Party เป็นอย่างมาก เพราะจะมีการจัดโต๊ะไว้อย่างเป็นระเบียบและจะมีการยกอาหารที่ปรุงเรียบร้อยแล้วมาจากในครัว  ส่วนใหญ่โต๊ะจีนมักจะนั่งได้ประมาณ 8-10 ท่านต่อโต๊ะ โดยให้ผู้รับประทานบริการตัวเอง หรือช่วยตักแบ่งกันเองบนโต๊ะ เหมาะสำหรับแขกที่เป็นกลุ่มเพื่อนหรือแขกที่มีความสนิทสนมกันเป็นอย่างดี เนื่องจากปริมาณอาหารที่พอเหมาะกับจำนวนแขก หากแขกไม่รู้จักกันมาก่อนอาจมีปัญหาเรื่องการนั่งรับประทานอาหารร่วมกันได้ ในบางครั้งอาจต้องมีการระบุว่าแขกท่านไหนนั่งโต๊ะไหนเพื่อลดปัญหาดังกล่าว

การจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์ – Buffer Party

ในการจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์ จะมีการนำอาหารใส่ไว้ในถาดและจัดไว้ตามโต๊ะ แยกจากโต๊ะของผู้ที่มาร่วมงาน ผู้ที่มาร่วมงานสามารถเลือกตักอาหารได้ตามใจชอบ จากนั้นจึงนำอาหารไปรับประทานบนโต๊ะของตนเอง เหมาะสำหรับแขกทุกเพศทุกวัย เพราะสามารถเลือกอาหารตามแบบที่ตนชอบมารับประทานได้ แต่ปัญหาของการจัดเลี้ยงรูปแบบนี้คือ แขกจะมีเวลาในการรับประทานอาหารร่วมกันค่อนข้างน้อยเพราะต้องลุกจากโต๊ะเป็นประจำ  แต่การจัดงานรูปแบบนี้จะเอื้อต่อแขกที่มาร่วมงานช้าเพราะสามารถเลือกตักอาหารเวลาใดก็ได้และบางงานได้มีการจัดเตรียมอาหารบางส่วนสำหรับแขกวีไอพีและผู้สูงอายุอีกด้วย

การจัดเลี้ยงแบบออกร้าน

การจัดเลี้ยงรูปแบบนี้ คุณจะได้ลิ้มรสชาติอาหารที่ทำกันแบบสดๆ เช่น ข้าวต้มมัด, น้ำผลไม้, ซุ้มกาแฟ, ไก่ย่าง, ขนมต่างๆ เป็นต้นโดยจะเน้นบรรยากาศของงานเป็นหลัก เช่น การตกแต่งงานแบบงานวัดหรือกาดหมั้ว(ตลาดล้านนา) เป็นต้น ผู้ที่มาร่วมงานสามารถเดินเลือกอาหารได้ตามความชอบและนำมารับประทานที่โต๊ะของตนเอง เป็นการเพิ่มความน่าสนใจให้กับงาน เหมาะสำหรับแขกทุกเพศทุกวัย

การจัดเลี้ยงแบบขันโตก – The Khan Toke Banquet

การจัดเลี้ยงแบบนี้เป็นการจัดเลี้ยงแบบล้านนาที่มีลักษณะคล้ายกับการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน แต่อาหารจะถูกใส่มาในภาชนะขนาดเล็ก มักจะนั่งรับประทานบนพื้น โดยมีการนั่งล้อมวงกันประมาณ 4-5 คนต่อ 1 โต๊ะ นอกจากนี้อาจมีการแสดงแบบล้านนาให้ผู้ที่มาร่วมงานได้รับความเพลิดเพลินอีกด้วย สำหรับอาหารในขันโตก ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารแบบล้านนา เช่น น้ำพริกหนุ่ม , แคบหมู , แกงฮังเล , แกงอ่อม , หมูทอด เป็นต้น
13441623_10208503860407784_1601567171_o
7.4 ช่างภาพ ช่างวีดีโอ ช่างแต่งหน้า – ขึ้นอยู่กับเจ้าภาพว่าจะจัดหามาเองหรือให้ planner จัดการให้ คู่บ่าวสาวควรจองตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่ทีมงานที่คนชื่นชอบจะถูกจองตัวไปก่อนนั่นเอง
7.5 การ์ดเชิญและ ของชำร่วย – การ์ดเชิญสามารถ จัดทำได้ตั้งแต่วันที่เราได้ฤกษ์และสถานที่ ชัดเจน ก็ผลิตได้เลยค่ะ สำหรับของชำร่วยยังพอมีเวลาให้เราตัดสินใจเลือกแต่ควรจะล่วงหน้าสัก 3 เดือนกรณีที่เราต้องออกแบบผลิตใหม่ สำหรับของชำร่วยสำเร็จรูปก็ไม่ควรต่ำกว่า 1 เดือนค่ะ

ขอบคุณข้อมูลความรู้ดีๆจาก Chormuang Chiangmai Wedding Planner และ ช่อม่วง ณ บ้านไร่สวนใจแก้ว

ขอขอบคุณรูปภาพจาก
1. Vokeng Photographer
2. ARADA PHOTOGRAPHY
3. Boboa Studio

บ้านไร่สวนใจแก้วคืออะไร
บ้านไร่สวนใจแก้วตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการสถานที่จัดงานเลี้ยง งานแต่งงาน สามารถรองรับแขกได้มากกว่า 400 คน ทั้งยังสามารถจัดงานได้ทั้งแบบ indoor และ outdoor และเปิดให้ Organizer อื่นๆสามารถมาเช่าสถานที่ได้อีกด้วย

 

Relate Posts :