ครัวเปิด หรือ Open Kitchen นับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการรับประทานอาหาร เนื่องจากลูกค้าที่มานั่งทานอาหารนั้นจะได้มีโอกาสได้นั่งชมการทำอาหารที่ตัวเค้าเองนั้นสั่งแบบสดๆ ซึ่งจะทำให้ตัวลูกค้าเองได้เห็นวิธีการต่างๆ ในการทำอาหารจานนั้นได้มีความรู้สึกร่วมไปกับเชฟเหมือนกับว่าเรากำลังทำเอง เพลิดเพลินไปกับการจัดตกแต่ง และการใช้ลูกเล่นต่างๆ กับอาหารจานนั้น คราวนี้แหละจากการนั่งทานอาหารแบบธรรมดาๆ ก็จะกลายเป็นการนั่งทานอาหารจานพิเศษไปโดยทันที แล้วก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่า วันนี้ผมก็จะพาทุกคนไปรู้จักกับ 7 ร้านเด็ด ที่เค้าทำอาหารในรูปแบบครัวเปิดให้แก่ท่านผู้อ่านกันครับ
1. Little Cook
ที่ตั้ง : ในโครงการสหศรีภูมิเพรสGoogle Maps : 18.797197,98.983898เวลาเปิด-ปิด : 18:00 – 21:00Wi-Fi : ไม่มีให้ใช้ฟรีเบอร์โทร : 085 714 1189
FB : Little cook
ร้านอาหารครัวเปิดที่ลูกค้าสามารถที่จะมายืนดูได้ว่ากระบวนการต่างๆ ภายในครัวนั้นเป็นอย่างไร อาหารที่นี่จะเป็นแนว Western Food ที่เน้นในเรื่องของการใช้วัตถุดิบที่สด สะอาด มีคุณภาพ เพราะทางร้านเชื่อว่าวัตถุดิบที่มีความสดนั้นจะมีความอร่อยในตัวเอง อาหารเมนูต่างๆ ของที่นี่จะถูกทำขึ้นภายใต้แนวคิดที่ว่า “ทำเหมือนให้ตัวเองกิน” ซึ่งแน่นอนว่าทุกจานที่ลูกค้าได้กินนั้นจะมีคุณภาพที่ดีเยี่ยมอย่างแน่นอน ที่ร้าน Little Cook แห่งนี้มี “พี่กบ” กับ “พี่เอ้อ“เป็นหัวเรือใหญ่คอยดูแลร้าน ซึ่งหากพูดถึงชื่อของพี่สองคนแล้ว หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อเสียงกันมาก่อนว่า เป็นพ่อครัวแม่ครัวที่ค่อนข้างจะปากจัด อันดับต้นๆ ของเมืองเชียงใหม่เลยก็ว่าได้ แต่ถ้าหากพี่เค้าจะว่าใครซักคนนั้นแน่นอนว่า มันย่อมต้องมีเหตุผล เช่น “ลูกค้าคนนั้นตั้งใจมาก่อกวน” หรือ “ตั้งใจลองของพี่กบ” ซึ่งผลที่ได้รับจากการลองของพี่กบนั้นผมบอกเลยว่า ไม่คุ้มกับความอยากรู้อยากลองแน่นอนเชื่อผมสิ ดังนั้นหากใครที่อยากจะไปทานอาหารที่ร้านนี้ผมจึงอยากขอรบกวนว่า ช่วยไปกันเพราะอยากที่จะไปกินเมนูอาหารของที่ร้านจริงๆ ไม่ใช่ว่าไปเพื่อก่อนกวน แล้วเดี๋ยวจะหาว่ายิมมี่ ไม่เตือนนะ
2. Magnolia
ที่ตั้ง : ถ.รัตนโกสินทร์ ตรงข้ามตึกนิ่มซี่เส็ง ติดร้าน ไวน์แกลลอรี่Google Maps : 18.800553,98.997301เวลาเปิด-ปิด : 08:00 – 22:00Wi-Fi : มีให้ใช้ฟรีเบอร์โทร : 053 872 395
ร้าน Magnolia Cafe ตั้งอยู่บนถนนรัตนโกสินทร์ ที่นี่มีอาหารของอยู่หลายแบบที่พร้อมจะให้บริการแก่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้านโดยสามารถแบ่งออกมาได้ตามช่วงเวลาอย่างในช่วงเช้าก็จะเป็น English Breakfast ช่วงกลางวันก็จะเป็นเมนูอาหารแบบง่ายๆ อย่างกะเพรา, หมูกระเทียม ส่วนตอนเย็นก็จะเป็นอาหารในแบบ Western Dinner ที่นำทีมดูแลโดย “เชฟขุน” แต่ไฮไลท์ที่น่าสนใจของที่นี่คงจะต้องบอกว่าอยู่ตรงที่ Chef Table เพราะที่นี่เป็นเพียงที่เดียวที่คุณสามารถจะมานั่งชมการทำอาหารแบบสดๆ และ กินอาหารที่ถูกปรุงด้วยฝีมือของ “เชฟเอียน” … ถูกต้องแล้วล่ะครับคุณชาคริต เชฟเอียนจากรายการ เชฟกระทะเหล็กเค้าจะมาทำอาหารให้คุณกินถึงที่เลยล่ะครับ !! แต่ว่า Chef Table ของเชฟเอียนนั้นต้องขอบอกก่อนว่าจะ อาจจะมีเพียงเดือนละครั้งเท่านั้นเอง ซึ่งนอกจากเชฟเอียนแล้วที่นี่ก็ยังมีเชฟคนอื่นๆ ที่คอยสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาทำ Chef Table ให้คุณได้ทานถึงที่อีกด้วย
3. Blackitch Artisan Restaurant
ที่ตั้ง : นิมมานเหมินท์ ซ.7 เยื้องร้าน The Coffee BarGoogle Maps : 18.798045,98.969465เวลาเปิด-ปิด : 10:30 – 16:30 และ 18:00 เป็นต้นไปWi-Fi : มีให้ใช้ฟรีเบอร์โทร : 053 215 008
ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนชื่อมาจากร้าน Brunch n’ Lunch เป็น Blackitch แต่แทบจะทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่นั้นยังคงเหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็นเชฟ หรือ รสชาติของอาหารก็ตาม ที่ร้าน Blackitch แห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลเรื่องอาหารของ “เชฟแบล็ค” ที่ร้านนี้จะแบ่งการขายเป็นสองช่วงด้วยกัน คือ ขายเป็นเมนูแบบ A-La-Carte ในช่วงเช้าถึงช่วงเย็นๆ และ Chef Table ในช่วงของอาหารเย็น ซึ่งในส่วนของ Chef Table ก็มีข่าวดีสำหรับผุ้ที่รอคอยมานานเพราะอย่างที่รู้ๆ กันว่าเมื่อก่อนจะมีเพียงแขกวันละ 1 โต๊ะ/วันเท่านั้นที่จะได้กิน Chef Table ของเชฟแบล็ค แต่ตอนนี้ได้มีการขยายเพิ่มขึ้นจนสามารถรองรับได้ประมาณ 16-25 คนด้วยกัน ชุดอาหารก็จะมีให้เลือกหลายแบบตามความต้องการ และ กำลังทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย, ยุโรป, ฟิวชั่น หรือ อาหารญี่ปุ่นแบบดั่งเดิมที่เป็นสิ่งที่เชฟแบล็คถนัดที่สุดด้วย
4. Kacha Kacha (คะชะ คะชะ)
ที่ตั้ง : Promenada อาคาร B ข้างร้าน FujiGoogle Maps : 18.765589,99.037689เวลาเปิด-ปิด : 11:00 – 21:00Wi-Fi : มีให้ใช้ฟรีเบอร์โทร : 086 654 3118
มาถึงคิวของร้านครัวเปิดในสไตล์ญี่ปุ่นกันบ้างเริ่มต้นด้วยร้าน Kacha Kacha (คะชะ คะชะ) ร้านอาหารแบบญี่ปุ๊นนนน ญี่ปุ่น ที่เราสามารถสัมผัสได้ตั้งแต่เดินเข้าไปในร้านด้วยการทักทายแบบเสียงดังฟังชัดเหมือนคนญี่ปุ่นมาต้อนรับกันเลย ที่นั่งในร้านก็เป็นแบบญี่ปุ่น เพราะมีสถาปนิกชาวญี่ปุ่นมาออกแบบให้เลยทีเดียว ส่วนเรื่องของรสชาติอาหารก็แน่นอนล่ะครับว่าทำออกมาได้อย่างญี่ปุ่นดั่งเดิมเลยทีเดียว ไฮไลท์เด็ดของที่นี่ที่ใครเห็นก็ต้องตกใจก็ต้องยกให้เมนู “โทริไฟเออร์” ที่เอาไก่มาผัดกับซอส, ใบกุยช่าย, พริกแห้ง, หอมใหญ่ และ ต้นหอม จนไฟลุก ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไงก็ต้องลองไปสั่งกันดูครับ
5. Miyazaki
ที่ตั้ง : ชั้น 5 เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่Google Maps : 18.805177,99.018439เวลาเปิด-ปิด : เปิด จ-ศ 11:00 ส-อา 10:00 ปิด จ-พฤ 21:00 ศ-อา 21:30Wi-Fi : ไม่มีให้ใช้ฟรีเบอร์โทร : 053 288 819
ร้านเทปันยากิ สไตล์ญี่ปุ่น ในเครือMK หลายคนอาจจะไม่รู้จักเทปันยากิ เทปันยากิคือรูปแบบการทำอาหารอย่างหนึ่งของญี่ปุ่นที่ใช้กระทะเหล็กแบนมาทำอาหาร ดังนั้นลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้านก็จะสามารถนั่งมองการทำอาหารที่ตัวเองสั่งโดยเชฟประจำร้านได้จากหน้าที่นั่งของตัวเองเลยทีเดียว สำหรับที่เชียงใหม่ร้าน Miyazaki มีเปิดให้บริการอยู่ 2 สาขาด้วยกัน คือที่ชั้น 5 ห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล และ ชั้น 4 ห้างเมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง เซ็นตอร์ อาหารของที่นี่จะเป็นในรูปแบบของอาหารชุดที่ในหนึ่งชุดจะประกอบด้วย ข้าวสวย น้ำซุป ผัดผัก และ เมนูกระทะร้อนที่เราสั่ง เช่น เนื้อสันนอกนิวซีแลนด์ที่นุ่มสุดๆ หรือ สันในหมูดำที่ทั้งนุ่มและหอม แล้วนอกจากนี้ทางร้านก็ยังมีเมนูยากิโทริแบบเป็นไม้ไว้ให้บริการลูกค้าด้วยเช่นกัน
6. Cook With Love
ที่ตั้ง : ถ.ราษฎร์อุทิศ ซ.8Google Maps : 18.770449, 99.013983เวลาเปิด-ปิด : 12:00 – 15:00 และ 18:00 – 22:00Wi-Fi : มีให้ใช้ฟรีเบอร์โทร : 085 6163966
ร้านอาหารญี่ปุ่นแนวบ้าน ที่เริ่มต้นจากความต้องการของเพื่อนรักอย่าง “เชฟไข่” และ “เชฟเอฟ” ที่อยากเปิดร้านของตัวเอง จึงร่วมแรงกายแรงใจกันเปิดร้านนี้มาร่วม 2 เดือนแล้ว โดยเชฟที่นี่เรียกได้ว่าฝีมือไม่เป็นสองรองใครเลยทีเดียว เพราะถึงขนาดที่เคยเป็นทั้งเชฟใหญ่ใน โรงแรมแชงกรีล่า และ เป็นลูกศิษย์ “เชฟบุญธรรม” แห่งเชฟกระทะเหล็กมาแล้วล่ะครับคุณชาคริต นอกจากฝีมือเชฟจะเรียกได้ว่าเข้าขั้นแล้ว วัตถุดิบที่นี่ก็เป็นสุดยอดวัตถุดิบนำเข้าเกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นกุ้งล็อบสเตอร์, ปลาแซลมอน, ปลาฮามาจิ ฯลฯ จึงมีความสดใหม่อยู่เสมอ ส่วนเมนูอาหารที่นี่ส่วนมากก็จะเป็นแบบจัดเชต เริ่มต้นที่ 2 -8 ท่าน ชอบแบบไหนก็จัดได้เลย เมนูแนะนำ ล็อบสเตอร์ชาชิมิ พร้อมกับล็อบสเตอร์หม้อไฟกระดาษ ราคา 1700 บาท ซึ่งกระดาษที่นี่ก็จะเป็นกระดาษเยื่อไผ่ที่สั่งตรงมาจากญี่ปุ่น ชื่อ คามินาเบะ มีคุณสมบัติทนความร้อน ดูดซับสารพิษได้ดี และนอกจากนี้ยังเป็นตัวชูรสชาติของน้ำซุปให้กลมกล่อมอีกด้วย
7. ปากแดง
ที่ตั้ง : ถ.วังสิงห์คำ เยื้อง เทนคาราโอเกะGoogle Maps : 18.803786,99.003132เวลาเปิด-ปิด : 11:00 – 23:00Wi-Fi : มีให้ใช้ฟรีเบอร์โทร : 094 486 7074
ชื่อปากแดง ของร้านนี้มาจากสูตรของก๋วยเตี๋ยวเรือที่ทางร้านขายเนื่องจากก๋วยเตี๋ยวเรืองสูตรดังกล่าวนั้นจะมีความเผ็ด แซ่บ ซี๊ดดด จนปากแดงกันเลยทีเดียว ร้านอาหารปากแดงตั้งอยู่บนถนนวังสิงห์คำภายในร้านตกแต่งด้วยบรรยากาศแบบเมืองเหนือพร้อมทั้งยังมีแม่น้ำปิงไหลผ่านทางหลังร้านจึงเป็นที่มีของสโลแกน “Romantic Riverside Lanna Restaurant” นอกจากเรื่องของบรรยากาศแล้วที่ร้านนี้ยังมีจุดเด่นในเรื่องของอาหารและห้องครัวด้วย เนื่องจากห้องครัวของที่ร้านนี้เป็นแบบครัวเปิดแล้วที่สำคัญก็คือ..ตั้งอยู่ที่หน้าร้านเลย ดังนั้นไม่ว่าจะแขกไปใครมาก็จะสามารถมองเห็นการทำอาหารแบบสดๆ ได้เลย
เอาละครับก็เสร็จสิ้นลงแล้วกับการรีวิวในครั้งนี้ รอบหน้ายิมมี่จะพาท่านผู้อ่านไปทัวร์ที่ไหนอีกโปรดรอติดตามได้ที่นี่นะครับ ถ้าใครอ่านแล้วชอบก็ “แชร์” รู้สึกยังไงก็ “คอมเมนท์” กันได้ตามสบายเลยครับส่วนถ้าใครอยากพูดคุยกันก็เข้ามาได้เลยที่หน้าเพจของเรา รีวิวเชียงใหม่ เรามีนายเจ๋งนั่งเฝ้าเพจรอคุยอยู่ครับผม ส่วนตอนนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ
โดย.. ยิมมี่ หมีเปิดครัว
ดู Open Kitchen ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า