7 ที่เที่ยว เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ขับรถตะลอนแวะตามทาง (แม่ฮ่องสอนสายใต้)

ย่างเข้าปลายปี ถึงเวลาที่หลายคนเริ่มวางแผนเที่ยวกันแล้ว เชื่อว่าหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ว่าต้องมีแม่ฮ่องสอนแน่ๆ ถึงแม้ว่าเดี๋ยวนี้การไปเที่ยวแดนสามหมอกจะสามารถเดินทางได้หลากหลาย ทั้งรถบัสและเครื่องบิน แต่การขับรถเที่ยวเองจากเชียงใหม่ยังเป็นอะไรที่ร่วมสมัย ไม่ตกยุค และได้รับความนิยมอยู่เสมอ

ขอขอบคุณโครงการ Media & Agency Famtrip สำหรับการสนับสนุนการเดินทางครั้งนี้

เส้นทางจากเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอนที่บรรดานักท่องเที่ยวนิยมกันหลักๆ แล้วมี 2 เส้นทาง คือเส้นทางเหนือหรือเส้นทางปาย โดยผ่านตัว อ.แม่ริม เชียงใหม่ และ อ.ปาย แม่ฮ่องสอน และอีกเส้นทางหนึ่งคือทางสายใต้ ที่เดินทางผ่าน อ.ฮอด เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่ตัว อ.แม่สะเรียง เส้นทางดีมีข้อดีตรงที่เป็นถนนลาดยางทั้งสาย ไม่ต้องกลัวลำบาก ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ถึงตัวเมืองแม่สะเรียงไม่นาน ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ระหว่างทางมีเที่ยวรายทางน่าสนใจเพียบ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเชียงใหม่หรือแม่ฮ่องสอน ใครพร้อมแล้วตามมาเลย


1. อุทยานแห่งชาติออบหลวง

พิกัด ทางหลวงหมายเลข 108 ห่างจากตัวอำเภอฮอด 19 กิโลเมตร
เวลาเปิด-ปิด 06.00-18.00 น. ทุกวัน
โทรศัพท์ 053-315302

หินที่มีลักษณะเหมือนคนจูบกัน ถือเป็นไฮไลท์เด่นของที่นี่

จอดป้ายแรกเพื่อชมความยิ่งใหญ่และสวยงามของปรากฎการณ์ธรรมชาติ อุ่นเครื่องกันก่อนที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง จากตัวเมืองเชียงใหม่มาตามทางหลวงหมายเลข 108 เมื่อถึงวงเวียนหอนาฬิกาอำเภอฮอดแล้วเลี้ยวขวา จากนั้นก็ถึงเขตอุทยานแห่งชาติออบหลวงแล้ว

มุมมหาชนที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกัน

คำว่า ออบหลวง มาจากภาษาท้องถิ่น ออบ แปลว่า ช่องแคบ หลวง แปลว่า ใหญ่ อุทยานแห่งนี้แบ่งที่ท่องเที่ยวเป็น 2 ส่วนหลัก ส่วนแรกคือผาหินออบหลวง ซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ เป็นผาหินที่นี่มีลักษณะเหมือนคนจูบกัน มีแม่น้ำไหลผ่านกลาง มีความสูงตั้งแต่ระดับน้ำด้านล่างจนถึงสะพานด้านบนประมาณ 32 เมตร ส่วนที่แคบที่สุดของผาคือ 2 เมตร ที่เที่ยวส่วนที่ 2 เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่เป็นการเดินเท้าทั้งหมด ระหว่างเส้นทางจะพบทั้งผา ภาพวาดบนผา และโป่งดิน ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงจะเดินครบ ใครอยากลุยต้องเตรียมรองเท้าผ้าใบให้พร้อมสมบุกสมบันกันหน่อย แนะนำให้มาเที่ยวช่วงฤดูหนาว สามารถกางเต็นตรงลานข้างแม่น้ำได้ ใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ ค่าบริการในการเข้าอุทยานออบหลวงได้ปรับราคาใหม่ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย วันจันทร์-ศุกร์ ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท ส่วนวันหยุดนักขัตฤกษ์ ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท

บรรยากาศระหว่างเดินเข้าไปในอุทยาน ร่มรื่นมาก

2. สวนสนบ่อแก้ว

พิกัด ทางหลวงหมายเลข 108 ห่างจากตัวอำเภอฮอด 29 กิโลเมตร
เวลาเปิด-ปิด 06.00-18.00 น. ทุกวัน (ไม่เสียค่าเข้าชม)

ทัศนียภาพเหมือนเกาะนามิที่เกาหลีใต้เลย

เปลี่ยนบรรยากาศจากหินผามาอะไรที่สวยงามร่มรื่นอย่างป่าสนกันบ้าง หลายคนอาจเคยเห็นบรรยากาศอันโรแมนติกของสวนสนบ่อแก้วจากในภาพยนตร์หรือมิวสิกวิดีโอกันบ้างแล้ว ขอบอกเลยว่าที่เห็นในโทรทัศน์กับของจริงนั้นเทียบกันไม่ได้เลย เพราะของจริงสวยกว่ามาก สมแล้วที่บางคนเรียกที่นี่ว่าเกาะนามิเมืองไทย

ถ้าไปช่วงฤดูฝนใบไม้จะเขียวขจีเต็มพื้นที่ สวยงามมาก

สวนสนบ่อแก้วเป็นโครงการของกรมป่าไม้ สำหรับทดลองปลูกไม้สนเพื่อการวิจัย โดยนำพันธ์ุไม้มาจากต่างประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ ไต้หวัน ใช้ระยะเวลาในการปลูกนานกว่า 30 ปี ซึ่งการปลูกให้เป็นระเบียบ เป็นแถวเป็นแนว สุดลูกหูลูกตา ทำให้เกิดความสวยงามทางสายตา หลายคนจึงแวะมาถ่ายรูปสวยๆ กลับไปเป็นที่ระลึก ถ้ามาช่วงฤดูร้อนใบไม้จะเปลี่ยนสี จากสีเขียวเป็นสีเหลือง งดงามไปอีกแบบ ส่วนฤดูฝนจะเห็นสีเขียวขจีเต็มพื้นที่ เรียกว่าไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูใดก็ได้ความสวยงามกลับไปเสมอ สภาพอากาศที่นี่ส่วนมากจะเย็นตลอดทั้งปี ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งที่ห้ามพลาด ขอบอกว่าไม่ต้องดิ้นรนไปถึงเกาะนามิ เพราะที่สวนสนบ่อแก้วแห่งนี้สวยงามไม่แพ้ที่เกาหลีใต้เลยทีเดียว

ไปแล้วอย่าลืมเช็คอินอวดเพื่อนฝูง

3. พิพิธภัณฑ์แม่สะเรียง

พิกัด ถนนแม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน ทางเข้าตัวอำเภอแม่สะเรียง
เวลาเปิด-ปิด 08.00-18.00 น. ทุกวัน (ไม่เสียค่าเข้าชม)
โทรศัพท์ 053-681146


ลักษณะอาคารแบบไทยใหญ่สวยงามสะดุดตา

เมื่อเข้าเขตแม่ฮ่องสอน ก่อนเข้าตัวอำเภอแม่สะเรียง จะเห็นเรือนไม้สาละวินสถาปัตยกรรมแบบเรือนไทใหญ่ทั้งหลัง เด่นสะดุดตา ชวนให้เข้าไปเยี่ยมชมมากๆ

เข้ามาแล้วสักการะพระพุทธรูปคู่เมืองของชาวแม่สะเรียงเสียหน่อย

เรือนไม้หลังใหญ่แห่งนี้คือพิพิธภัณฑ์แม่สะเรียงที่จัดแสดงประวัติความเป็นมาและวิถีชีวิตของชาวแม่สะเรียงสมัยโบราณ แบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ ได้แก่ เรือนกะเหรี่ยงหรือปะกาเกอญอ ซึ่งเป็นกลุ่มชนที่อาศัยอยู่พื้นที่แม่สะเรียง มีอาชีพหลักคือปลูกข้าวนาขั้นบันได ทอผ้า งานหัตถกรรมต่างๆ ส่วนเรือนหลังใหญ่บริเวณกลางพิพิธภัณฑ์ เป็นการจัดแสดงประวัติของอำเภอแม่สะเรียง ตั้งแต่สมัยอังกฤษยึดครองพม่า อีกทั้งยังจัดแสดงพระพุทธรูปคู่เมืองของชาวแม่สะเรียง ไม่ว่าจะเป็น พระเพชร พระแสนทอง อันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง และเรือนสุดท้ายเป็นการจัดแสดงเครื่องแต่งกายของชาวไทใหญ่สมัยอดีต จำลองสภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ทั้งสภาพบ้านเรือน สถานที่ต่างๆ เป็นต้น น่าเสียดายที่ล่าสุดเกิดเหตุไฟไหม้อย่างไม่คาดฝันขึ้นเมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา หวังว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะฟื้นตัวกลับมาให้บริการความรู้พวกเราได้อีกครั้ง

บริเวณภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงความเป็นมาและวิถีชีวิตของชาวบ้านแม่สะเรียงไว้

4. วัดพระธาตุจอมทอง

พิกัด บ้านทุ่งพร้าว ห่างจากตัวอำเภอแม่สะเรียง 1 กิโลเมตร
เวลาเปิด-ปิด 06.00-18.00 น. ทุกวัน

พระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่ามองเห็นได้จากด้านล่าง

เห็นชื่อแล้วหลายคนคงสงสัยว่าเป็นอีกสาขาของพระธาตุจอมทองที่เชียงใหม่หรือเปล่า แท้จริงแล้ววัดแห่งนี้ที่ห่างจากพิพิธภัณฑ์แม่สะเรียงเพียง 1 กิโลเมตร ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับวัดพระธาตุจอมทองที่เชียงใหม่เลย แต่เป็น 1 ในพระธาตุสี่จอมของชาวแม่สะเรียง (แม่สะเรียงมีพระธาตุทั้งหมด 4 แห่ง ตั้งประจำอยู่ 4 ทิศรอบตัวอำเภอ) และเป็นจุดชมวิวอันงดงามที่ห้ามพลาด

จุดชมวิวของวัดพระธาตุจอมทองที่มองเห็นเมืองแม่สะเรียงแบบเต็มๆ

ประวัติของวัดแห่งนี้เล่ากันสืบมาว่า เดิมดอยจอมทองซึ่งเป็นเทือกเขาสูง ห่างจากตลาดแม่สะเรียงไปทางทิศตะวันออกของประมาณ 2 กิโลเมตร มีถ้ำอยู่แห่งหนึ่ง เชื่อกันว่าภายในถ้ำแห่งนี้มีสมบัติเก็บซ่อนไว้มากมาย ทั้งถ้วยชามโบราณ เครื่องเงิน ฆ้อง กลอง และของโบราณมากมายอันมีค่า โดยมีเทพเจ้าเฝ้ารักษาบรรดาข้าวของเหล่านี้อยู่ และได้เอาหินก้อนใหญ่มาปิดปากถ้ำนี้ไว้ ด้านบนสุดของวัดนอกจากจะมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่า ยังมีไฮไลท์อีกอย่างคือเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นตัวเมืองแม่สะเรียงทั้งหมดได้อย่างชัดเจน

ภาพจากจุดชมวิว มองเห็นเมืองแม่สะเรียงแบบสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว

5. เทศกาลกินปลาสาละวิน

พิกิด ลานที่ว่าการอำเภอแม่สะเรียง
วัน-เวลา 19-20 กันยายน 2558

แล่กันสดๆ ปรุงกันต่อหน้า ได้รสชาติของปลาลุ่มแม่น้ำสาละวินแบบถึงพริกถึงขิง

ใครไปแม่สะเรียงแล้วไม่ได้กินปลาในลุ่มแม่น้ำสาละวินถือว่ามาไม่ถึง โชคดีมากที่ช่วงไปแม่สะเรียงเป็นช่วงเทศกาลกินปลาสาละวินพอดี เทศกาลนี้จัดขึ้นปีนี้เป็นปีแรก เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของอำเภอแม่สะเรียง

มีร้านค้าจำหน่ายอาหารและสินค้าต่างๆ ให้เลือกซื้อมากมาย

ภายในงานมีการออกบูธร้านอาหารของบรรดาชาวบ้านในพื้นที่ มีการจำหน่ายอาหารที่ปรุงจากปลาลุ่มน้ำสาละวินหลากหลายเมนู รวมทั้งจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับพันธุ์ปลาในลุ่มแม่น้ำสาละวิน และกิจกรรมบันเทิงอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ การประกวดธิดาสาละวิน การจำหน่ายของที่ระลึก เป็นต้น ใครอยากสัมผัสบรรยากาศของเทศกาลกินปลาสาละวิน ปีหน้าตามฟังข่าวให้ดี เพราะงานนี้จะจัดอย่างต่อเนื่องอีกแน่นอน

บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างศึกคัก ผู้คนให้ความสนใจกันเพียบ

6. อำเภอแม่ลาน้อย

พิกัด ทางหลวงหมายเลข 108 ระหว่าง อ.แม่สะเรียง กับ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน


ไร่ถั่ว ไร่กระหล่ำปลีสุดลูกหูลูกตา เหมาะสำหรับแวะถ่ายรูป

ขับรถจากตัวอำเภอแม่สะเรียงไปตามถนนลาดยางมาประมาณ 1 ชั่วโมง จะพบกับหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาอันเขียวขจี ใครชอบเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์รับรองว่าถูกใจแน่ๆ

ทุ่งนาเขียวชอุ่มของชาวบ้านแม่ลาน้อย

แม่ลาน้อยเป็นอำเภอที่แยกออกมาจากอำเภอขุนยวมและแม่สะเรียง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน และด้านบนของอำเภอแม่สะเรียง พื้นที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาเขียวขจี สองข้างทางของแม่ลาน้อยเต็มไปด้วยไร่กระหล่ำปลีสุดลูกหูลูกตา และนาขั้นบันไดอันแสนสวยงาม ผู้คนในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยใหญ่ ปกากะญอ ละว้า และม้ง ที่มีความเป็นมิตรต่อกัน แม้จะมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ศาสนา และความเชื่อ ใครที่ต้องการพักผ่อนหรือหนีจากความเครียดในเมือง มาที่นี่แล้วจะประทับใจไม่รู้ลืม

วิถีชีวิตน่ารักๆ ของชาวบ้านสองข้างทาง

7. เทศกาลสายสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ขุนยวม ครั้งที่ 3

พิกัด อนุสรณ์สถานมิตรภาพไทย-ญี่ปุ่น ใจกลางอำเภอขุนยวม
วัน-เวลา 20 กันยายน 2558

อนุสรณ์สถานมิตรภาพไทย-ญี่ปุ่นที่แสดงถึงความผูกพันระหว่างทหารญี่ปุ่นกับชาวขุนยวม

จากแม่ลาน้อยผ่านมาขุนยวม อย่าลืมแวะอีกหนึ่งอนุสรณ์สถานที่ควรเยี่ยมชม ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางตัวอำเภอ และยังเป็นที่จัดงานเทศกาลสายสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ขุนยวม ที่จัดขึ้นทุกปีอีกด้วย

ภายในอนุสรณ์สถานจัดแสดงเรื่องราวของทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นได้เดินทางมาตั้งค่ายพักแรมที่ขุนยวม บางคนก็ตั้งรกราก แต่งงานกับชาวขุนยวม สร้างครอบครัวอยู่ที่นี่ ราวกับตำนานรักของโกโบริและอังศุมาลินในนวนิยายเรื่องคู่กรรมที่คนไทยรู้จักกันดี งานเทศกาลสายสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ขุนยวม เป็นการจัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงมิตรภาพระหว่างทหารญี่ปุ่นกับชาวขุนยวม โดยภายในงานมีการจำหน่ายอาหารไทยและอาหารญี่ปุ่น ของที่ระลึกต่างๆ รวมไปถึงการแสดงและการสาธิตศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ของชาวญี่ปุ่น ให้ชมอีกด้วย

มีการสาธิตและออกร้านจำหน่ายอาหารและของที่ระลึกมากมาย

ท่านใดมีที่เที่ยวเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ที่น่าสนใจ แนะนำเจ๋งเข้ามาได้ อย่าลืมแวะมา Comment มาแชร์ให้เจ๋งได้รู้ตามช่องด้านล่างหรือ

  

เจ๋งจะตามไปรีวิวอย่างทันท่วงที

Relate Posts :