ของเก่าๆล้วนมีคุณค่าและมีเสน่ห์อยู่ในตัวของมันเองเสมอ
ของเก่าที่ว่าไม่ใช่ ของเก่าที่พ่อค้าขายของเก่ามารับซื้อแล้วเอาไปทำกำไรต่อนะครับ แต่เป็นของเก่าที่ได้รับการบริจาคจากชาวบ้านมารวบรวมกันไว้ที่พิพิธภัณฑ์ วัดร้องเม็ง ที่อำเภอสันทราย
พิพิธภัณฑ์ วัดร้องเม็ง เกิดขึ้นจาก พระครูโกวิทธรรมโสภณ เจ้าอาวาสวัดร้องเม็ง ที่เล็งเห็นคุณค่าของเก่าโบราณ ซึ่งหาได้ยากตั้งแต่เป็นสามเณร โบราณวัตถุชิ้นแรกสุดของพิพิธภัณฑ์ คือแบบพิมพ์ปั้นอิฐรูปโค้งทำจากไม้สัก โดยได้รับจากที่บ้านของโยมแม่ ตกทอดมาจากบรรพบุรุษอายุกว่า 100 ปี
จากจุดเริ่มต้นดังกล่าว ทำให้พระครูโกวิทธรรมโสภณ เริ่มคิดถึงสิ่งของ เครื่องใช้ต่างๆ ที่บรรพบุรุษตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายได้สร้างขึ้นมาไว้ใช้สอย ว่ามีความสำคัญมาก น่าจะอนุรักษ์สิ่งของเหล่านี้ไว้ให้ลูกหลานได้ดู และสัมผัสรู้ถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของบรรพบุรุษ และก่อตั้งเป็น พิพิธภัณฑ์วัดร้องเม็ง
บรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์ ดูปลอดโปร่ง สงบดี มีข้าวของเครื่องใช้หลากหลายอย่างตั้งแต่สมัยอดีต ทั้งแบบวางโชว์อยู่ภายนอก และภายในตู้ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องลงบัญชีโบราณขนาดใหญ่ ธนบัตรเก่าแบบต่างๆ หม้อไหในสมัยก่อน จักรเย็บผ้า ตาชั่ง ทีวีขาวดำ เครื่องเล่นแผ่นเสียง เครื่องฉายหนัง เครื่องพิมพ์ดีด โทรศัพท์ ปืนผาหน้าไม้
และไฮไลท์สำคัญของงานกับการมาชมพิพิธภัณฑ์ ครั้งนี้คือ การได้เจอวิทยุในสมัยก่อนที่ใช้ถ่านไฟฉายถึง 80 ก้อน!
พอนึกถึงเครื่องเล่นเพลง IPOD ในสมัยนี้ที่ชาร์จไฟไม่ถึง 30 นาที ก็ฟังเพลงได้เป็นหลายชั่วโมง ผมล่ะอดสงสารคนสมัยก่อนไม่ได้จริงๆ เพราะกว่าเราจะมีเครื่องเล่นเพลงระดับเทพไว้ฟัง โลกเราสมัยก่อนฟังเพลงจากวิทยุโดยใช่ถ่านไฟฉาย 80 ก้อน
ส่วนอีกอันคือ กล้องถ่ายรูป Kodak ที่ดูเก่าโบราณคร่ำครึไปด้วยฝุ่น พอแหงนมองกล้องที่แขวนคอแต่ล่ะคนที่มาเที่ยวด้วยกัน ผมรู้สึกว่าโลกเรามันเปลี่ยนไปเร็วจริงๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยี
สมัยก่อนแค่ถ่ายรูปได้ก็เท่ระเบิดระเบ้อแล้ว แต่สมัยนี้ถ่ายรูปก็ได้ วิดีโอก็ดี แถมมีปุ่มฟังก์ชันแชร์รูปบน Social Network ได้อีก มันคนล่ะโลกจริงๆครับ
ใครมีโอกาสแวะมาเที่ยวที่นี้ ผมรับประกันได้เลยว่าคุณจะได้สัมผัสกลิ่นอายความรู้สึกแบบสมัยเก่าๆ กับข้าวของเครื่องใช้ ที่กว่าจะพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน มันเคยเป็นแบบนี้มาก่อน เคยผ่านแบบนี้มาก่อนตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายเรา ทำให้แลดูเห็นวิวัฒนาการการประดิษฐ์คิดค้นของมนุษย์ เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดเป็นเครื่องมือใช้สอยทุ่นแรงตัวเอง
แม้ว่าโลกของเราจะไม่เคยหยุดหมุน แต่เราเลือกที่จะหยุด เพื่อมองกลับมาข้างหลัง มาเรียนรู้วิถีชีวิตบรรพบุรุษในสมัยก่อนกันได้ใช่มั้ยครับ