เก็บตกควันหลงวันลอยกระทง

นี่เป็นครั้งแรกของผมกับงานเทศกาลลอยกระทงหรืองานยี่เป็งของที่นี้ 

จากคำบอกเล่าหลายๆอย่างผ่านปลายปากกาของคุณ Teeraname พอจะทำให้รู้ถึงมหันตภัยอันร้ายแรงของประทัด และพึงระวังตัวอย่างจงหนักว่าถ้าไม่จำเป็น อย่าได้เผลอเข้าไปเพ่นพ่านย่านที่มันเล่นประทัดกันมั่วซั่วเด็ดขาด

ผมอาศัยการตระเวนขับรถดูเอาครับ ไล่เริ่มจากแถวประตูคูเมืองเชียงใหม่ต่างๆ หลักๆก็ไม่มีอะไรมากครับ จะมีก็แค่คนไปปล่อยโคมกัน มีถ่ายรูปนิดๆหน่อยๆ จะคึกครื้นกันหน่อยก็ตรงประตูท่าแพ ที่มีการจัดงานอย่างเป็นทางการ มีการประกวดนางนพมาศ บริเวณโดยรอบคับคั่งไปด้วยผู้คนทั้งชาวไทยและต่างประเทศ รถราก็ติดกันยาวเหยียด

ส่วนในคูเมืองตรงอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ก็เต็มไปด้วยที่ผู้คนเช่นกันครับที่พากันแห่ไปถ่ายรูปกับโคมไฟจำลองอย่างล้นหลาม

สุดท้ายผมตัดสินใจไปตระเวนแถวริมแม่น้ำปิง สะพานนวรัฐ ขัวเหล็กน่าจะดูเข้าท่ากว่า เพราะอย่างน้อยๆมีก็จะได้เก็บภาพบรรยากาศลอยกระทงริมแม่น้ำด้วย

ตรงขัวเหล็กย่านตลาดอนุสารก็มีเวทีจัดงานเช่นกันครับ มีการประกวดนางนพมาศ เล่นดนตรี มีร้านอาหารไว้คอยบริการ และลานเบียร์ให้คอแอลกอฮอล์ได้ดริ้งค์กัน

ที่แปลกใจผมอย่างนึงคือ มีการแสดงศูนย์รวมสัตว์ประหลาด จำพวก วัวสองหัวตัวเดียว หรือควายแปดขาสามหัว มัคนารีผล และการแสดงวรรณคดีโบราณอีสานของ “ท้าวหัวข้อหล้อ”

เกริ่นซักนิดว่า ท้าวหัวข้อหล้อ คือการแสดงที่จะมีแต่หัวคนวางไว้บนโต๊ะขนาดเท่าโต๊ะพับญี่ปุ่น มีแต่หัวตัวไม่มี สามารถพูดคุยทักทาย ถามไถ่ได้

ครั้งแรกผมเคยดูที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อหลายปีมาแล้ว เป็นงานเทศกาลหน้าหนาวของที่นั้น ด้วยความสงสัยก็เลยเผลอตัวแวะไปดู

พอดูเสร็จผมก็สงสัยว่าคนอะไรว่ะมีแต่หัว ไม่มีตัว แถมพูดได้ ขยิบตา แลบลิ้น เหมือนคนปกติทั่วไป  แล้วตกลงกินข้าวกินปลามั้ย อยู่ยังไงว่ะ


จนวันนึงมาถึงบางอ้อว่ามันเป็นมายากลโชว์ โดยขุดหลุมให้คนลงไปอยู่ แล้วโผล่แต่หัวขึ้นมากลางโต๊ะ ส่วนใต้โต๊ะใช้กระจกเงาสะท้อนกับพื้นให้มองเห็นว่าใต้โต๊ะ ไม่มีอะไร แต่ถ้าเกิดเราโยนเหรียญไปใต้โต๊ะเมื่อไหร่ ก็ความแตกกันในตอนนั้นทันที

ความจริง “ท้าวหัวข้อหล้อ” มันเป็นแบบนี้ครับ
แต่ครั้งนี้อย่าได้หวังว่าจะได้กินเงินผมอีก ผมรู้หมดแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ฮ่าๆๆ

พอเดินดูบรรยากาศแถวนั้นซักพัก รอถ่ายรูปตอนจุดพลุสวยๆบนท้องฟ้า ก็ได้เวลาไปลอยกระทงกับชาวบ้านเขาบ้าง

ผมเดินข้ามฝั่งตั้งแต่จากทางตลาดอนุสารมาทางอีกฝั่งของขัวเหล็ก แถวททท.เชียงใหม่ กะว่าจะมาลอยแถวนี้  ระว่างข้ามขัวเหล็กมาเจอฝรั่งกวนตีน ที่เจอใครก็เต้นกัมนังสไตล์ใส่ พร้อมร้องเพลงไปด้วยว่า “Eh-Sexy Lady”  หลายๆรอบ ถือเป็นการกวนที่ไม่น่ารำคาญ แต่ดูสนุกสาน ฮาเป็นอย่างมาก

พอข้ามถึงฝั่งททท.เชียงใหม่ ผมไล่กวาดสายตาดู ราคากระทงก็มีกันหลากหลาย ตั้งแต่ 20 บาทขึ้นไปจนถึง 50-60 บาท ส่วนโคมลอยก็เริ่มที่ 20 เช่นกัน

และแล้วระหว่างลอยก็ได้เจอสาวสวย ผมถือโอกาสเข้าไปทักทาย พลางขอยืมไฟแช็คมาจุดเทียน ก่อนผมจะลงไปลอยกระทง แล้วเธอก็เดินลงมาลอยติดๆ

แต่เจ้ากรรมที่ตรงท่าลอยดันลื่นและลำบากมากในการลอย จนเธอไหว้วานให้ผมต้องไปลอยให้ ก่อนเธอแหละผมจะส่งยิ้มให้กัน แล้วก็……

กลับบ้านใครบ้านมันครับ ฮ่าๆๆ


จากขัวเหล็ก ผมพาตัวเองมาแถวสะพานนวรัฐบ้าง แถวนี้จะสะดวกหน่อยตรงริมน้ำที่ลอยกระทงกันได้ง่าย ระหว่างทางริมแม่น้ำปิงก็มีร้านอาหารให้เลือกซื้อทานกัน ส่วนตรงเชิงสะพานมีการแสดงดนตรีสดที่จัดขึ้นโดย สสส.

วงที่ผมไปดูชื่อวง สยุ้มพร เป็นวงดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟ สมาชิกในวงอายุน่าจะประมาณ 17-18ปี ส่วนลีลาถือว่าเล่นสดกันมันส์ใช้ได้ครับ ดูแล้วมีอนาคต เพลงที่เล่นก็เป็นเพลงที่แต่งเองทั้งหมด ซึ่งผมว่ามันเจ๋งตรงนี้ เพราะวงดนตรีบางวงที่เล่นเป็นงานประจำกันตอนกลางคืน เพลงของวงตัวเองที่แต่งกันเองยังไม่มีเลยครับ อาศัยแค่เอาเพลงเขามาคัฟเวอร์เล่นกันไปเท่านั้น

ดูโชว์เสร็จจากวงสยุ้มพร ผมพาตัวเองมาตระเวนดูแถวพุทธสถาน ใกล้เชิงสะพานนวรัฐอีกฝั่ง ภายในจัดงานกันอย่างครึกครื้นเหมือนที่อื่นทั่วไปๆ

ระหว่างเดินถ่ายภาพอะไรไปเรื่อยเปื่อย ผมก็ไปเจอเขากับแก๊งวัยรุ่นฝรั่งชายหญิง 7-8 คน ท่าทางแต่ละคนก็อยู่ในอารมณ์กรึ่มๆ ได้ที เรียกว่าเฮฮากันยกแก๊ง ฮามากชนิดขนาดที่ว่าพากันโชว์ง่ามตูดถ่ายรูปกันเป็นแก๊งเลย

จนผมอยากให้ Todd Phillips ผู้กำกับ The Hangover ทั้งสองภาค จับฝรั่งแก๊งนี้ไปถ่ายหนัง The Hangover ภาค 3 กันจริงๆ

หกทุ่มกว่าๆคนเริ่มซาๆลง ผมก็เดินเก็บบรรยากาศกันจนเมื่อยขา เพราะเดินมาเยอะ เดินเฉยๆก็ยังพอทน แต่นี่ต้องเดินไปคอยระวังประทัดไปด้วยว่าใครมันจะจุดมาโดนมั้ย หรือต้องคอยระวังไม่ให้มันมาเฉียวชนหัว ประหนึ่งทำตัวให้หูตาเร็วเข้าไว้

สุดท้ายอยากฝากคุณพี่ๆที่เล่นประทัดกันทั้งหลายว่า จะเล่นอะไรช่วยกรุณาดูคนข้างๆด้วย คือรู้ว่าพี่ๆไม่กลัวประทัดมันจะมาระเบิดโดนตัว แต่ชาวบ้านคนอื่นเขากลัว กลัวเพราะไม่รู้ว่าทิศทางมันจะมาตรงไหน ควรต้องหลบยังไง

ใจจริงก็ไม่มีอะไรไปมากกว่าการไม่อยากให้วันลอยกระทง มันเป็นวันสงครามโลกครั้งที่ 3 ย่อมๆ ไปก็เท่านั้นเองครับ

Relate Posts :