วันนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศจากปกติพาเที่ยวกันบนบกมาเที่ยวกันทางน้ำแบบสบายๆกันบ้าง
ทริปที่ว่าคือการล่องเรือหางแมงป่องชมวิวสองฝั่งแม่น้ำปิง และสัมผัสเรื่องราวของเชียงใหม่ในอดีตตลอดสองฝากฝั่ง
ฮั่นแน่! รู้นะครับว่ากำลังสงสัยใช่มั้ยล่ะว่า เรือหางแมงป่องมันคือเรืออะไร หน้าตาเป็นยังไง เพื่อความสนุกให้เวลาคิดและหาคำตอบ 5 วินาที
หมดเวลา!
ขอเฉลยล่ะกันว่าที่มันชื่อ เรือหางแมงป่อง ไม้ที่ใช้ทำเป็นไม้สัก ซึ่งมีน้ำหนักเบา และสามารถลอยน้ำได้ดีกว่าไม้ชนิดอื่นๆ ไม่บิดไม่งอ แถมอายุการใช้งานก็ร่วมๆ 80 ปีเลยทีเดียว
แต่ปัจจุบันอย่างที่รู้กันล่ะครับว่าไม้สักถูกตัดทำลายไปเยอะ บวกกับการคมนาคมเจริญรุดหน้า เรือหางแมงป่องเลยค่อยๆหายสาบสูญไปจากลุ่มแม่น้ำปิง
กลับมาที่เรื่องล่องเรือ ผมพร้อมคณะสื่อมวลชนและ ททท.เชียงใหม่ พากันมาปรากฎตัวอยู่บนเรือในรอบสุดท้ายของเที่ยวเรือหางแมงป่องตอนห้าโมงเย็นกว่าๆ โดยเที่ยวเรือที่นี้จะมีกันอยู่ 5 รอบ สตาร์ทรอบแรกที่ 9.00 ก่อนจะไล่เรียงมาเป็น 11.00, 13.00, 15.00 และ 17.00 น.
ส่วนจุดล่องเรือจะเริ่มตรงที่ท่าเรือหางแมงป่องตรงแถววัดศรีโขง ก่อนจะค่อยๆผ่านสะพานนครพิงค์ ขัวแตะ สะพานนวรัฐ ขัวเหล็ก จบที่ฝายพญาคำ แล้ววกกลับมาเส้นทางเดิม
ในเรือจะประกอบไปด้วยลูกเรือคือนักท่องเที่ยว ไกด์สองคน ในเวอร์ชั่นไทย อังกฤษ บวกกับนายเรืออีกคน ที่พร้อมจะพาทุกคนไปสนุกสัมผัสบรรยากาศสองฝากฝั่งแม่น้ำ
ไกด์เวอร์ชั่นไทยจะเป็นคุณลุงอารมณ์ดี อีกคนมาในเวอร์ชั่นอังกฤษคอยดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลงเรือมาพร้อมคณะผม ต้องขอปรบมือให้กับคุณลุงที่เป็นไกด์ในความยอดเยี่ยมในการนำเสนอข้อมูลระหว่างล่องเรือ จากที่ไม่น่าจะมีอะไร ให้มันดูมีอะไรสนุก ลีลาการพูดใส่ข้อมูลสลับความกวน มีลูกล่อลูกชน จังหวะจะโคน เวลาการปล่อยมุกแต่ละดอก แกทำออกมาได้ดี พูดเสร็จแต่ละครั้งแกสามารถเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับลูกทัวร์ได้ตลอดทาง การบรรยายของแกก็จะเล่าสถานที่ต่างๆริมสองฝั่งแม่น้ำ เล่าถึงที่มาของคำต่างๆเกี่ยวกับเรือ มีการใส่มุก อย่างเวลาจะจอดเรือแกก็จะบอกกว่า พอเรือนิ่งแล้วคุณผู้หญิงค่อยๆลงนะครับ เพราะผมทอดสะพานให้แล้ว (กล้าเล่นมากครับลุง)
เรือหางแมงป่องใช้เวลาล่องกันประมาณชั่วโมงครึ่ง หลังจากวกกลับเส้นทางเดินเรือเดิม ก็มาแวะกินข้าวเหนียวมะม่วง และน้ำลิ้นจี่ที่ทางทัวร์จัดให้ ตรงบ้านดินเรือหางแมงป่อง แถวๆวัดฟ้าฮ่าม
เรือเทียบท่าเสร็จ ทางคณะก็พากันนั่งทานข้าวเหนียวมะม่วงที่คนทำลืมราดน้ำกะทิให้ พลางนั่งฟังคุณลุงไกด์อารมณ์ดีบรรยายถึงข้าวของเครื่องมือหาปลาในสมัยก่อน
ใช้เวลานั่งฟังทานกันไม่นานก็เป็นอันสิ้นสุดทัวร์การล่องเรือชมแม่น้ำปิงอย่างสมบูรณ์ ได้ความรู้ ความสนุก มุกตลก เฮฮากันไป
ที่สำคัญที่ได้มากกว่านั้นคือความสบายใจ ความเงียบสงบ เวลานั่งเรือ เหมือนกับว่าเราได้มาหลบพักหายใจหายคอ กับโลกภายนอกที่วุ่นวาย ดูยุ่งเหยิงมากขึ้นทุกวัน