สำหรับการเข้าไปสัมผัสกลิ่นไอของความเป็นเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ครั้งสุดท้ายที่ได้ไปถือว่าเป็นการเข้าไปที่คุ้มค่าที่สุด กลับออกมาแล้วมีความรู้สึกว่าต้องบอกต่อ ให้คนอื่นได้มาสัมผัสดูบ้าง… แต่สำหรับทุกๆครั้งที่มาเที่ยวนี่ไม่ได้รู้สึกถึงความซ้ำซากจำเจแต่อย่างใด เพราะในแต่ละครั้งที่ไปอาจจะเป็นที่เดิม แต่ก็เป็นคนละวันเวลา มีความแตกต่างกันออกไปของวันเวลา ตำแหน่งของดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ฟ้าฝน แม้แต่เมฆก้อนนั้น ที่ยังลอยไปมาอยู่ในใจอย่างไม่คงที่ …. ครั้งสุดท้ายที่ว่านี้ได้มีโอกาสเจอลุงไกด์กิตติมศักดิ์ นักขับเรือ ชาวบ้านท้องถิ่นผู้รอบรู้เรื่องตำนานหมู่บ้านใต้เขื่อน คุยไปคุยมาเลยพากันเข้าไปลุยน้ำตกห้วยตราดในเกาะกลางเขื่อน บอกได้เลยว่าเป็นอะไรที่สุดๆๆ…
หากพูดถึง น้ำตกในเขื่อน อาจเกิดคำถามว่า หา! น้ำตกจะไปอยู่ในเขื่อนได้ไง นั่นแหละค่ะใจกลางเขื่อน ก็ต้องมาลงดูกัน
เที่ยวเขื่อนก็ต้องนอนค้างเท่านั้น สองวันหนึ่งคืนจะเยี่ยมเลย แนะนำให้ออกเดินทางสัก 10 โมง จากตัวเมืองมาทางถนนเส้นทางหลวงหมายเลข107 เชียงใหม่-ฝาง ประมาณ 50 กิโลเมตร ระหว่างทางแวะตลาดแม่มาลัย(ตลาดขึ้นชื่อของอำเภอแม่แตง) เก็บเสบียงกันเสียก่อน ตรงต่อไปเรื่อยๆจะผ่านตัวอำเภอแม่แตง ไปอีก 800 เมตร เจอสามแยก (ปากทางเขื่อน) เลี้ยวขวาตามป้ายไปเลยจากนี้ไม่เกิน 10 นาทีก็ถึงละ หรือจะมาแบบสมถะสักหน่อยก็ขึ้นรถเมล์เชียงใหม่-ฝาง หรือรถสองแถวเชียงใหม่ – แม่แตง ก็ลงตรงสามแยกนี้เลย แล้วก็ต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างขึ้นไป โอเคนะ ถึงเลยก็แล้วกัน
เลือกร้านนั่งพักกินข้าวเที่ยวกับเมนูปลาสดๆ จากเขื่อนกันก่อน แล้วต่อด้วยการเลือกเรือนแพที่จะพักกันเลย ต้องเลือกตั้งแต่บนบกแล้วละค่ะ เพราะการเดินทางเข้าไปจะคิดทีเดียวกับที่พักเลย ค่าเรือลำนี้ ก็อยู่ที่ประมาณ 500 บาท นั่งได้ 8 – 9 คน ไปเยอะกว่านี้ได้ป่าว ได้ค่ะ แต่จะถึงไหนนั่นไม่รู้เหมือนกัน ลำใหญ่ก็มีค่ะ เลือกได้ละก็ขนสำภาระขึ้นเรือกันเลยดีกว่า
ระหว่างการเดินเรือ 15 นาทีนี้ รับรองว่าไม่มีเบื่ออย่างแน่นอน แค่นั่งมองผิวน้ำที่เป็นคลื่นเล็กๆสะท้อนกับแสงอาทิตย์ระยิบระยับ กับละอองน้ำที่กระเด็นซัดผ่านเข้ามาโดนหน้า สิวก็จะขึ้นในทันที มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายจริงๆ
อ่าวถึงละหรอ กำลังเพลินเลย โถ่ ! ประโยคนี้ต้องดังขึ้นมาในหัวอย่างแน่นอน …อย่าพึ่งเสียดายค่ะ เก็บของเข้าที่พักกันก่อนเดี๋ยวค่อยเดินทางต่อ
สำหรับห้องพักแต่ละเรือนแพก็จะมีสองราคา ที่ประมาณ ห้องเล็กสำหรับนอนสองคน 500 บาท ต่อห้อง ห้องใหญ่นอนรวมได้ถึง 20 คน คนละ 50 บาท
ได้เวลาเดินทางกันต่อไปน้ำตกกลางเขื่อนกันแล้ว ลงเรือกันเลยยย มุ่งหน้าไปกลางเขื่อน 10 นาที เท่านั้นและก็ถึงแล้ว เดินเท้าเข้าไป พักไป มีอะไรน่าสนใจตลอดทาง ไกด์กิตติมศักดิ์ผู้นี้จะค่อยแนะนำ และเล่าประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านใต้เขื่อน ซึ่งลุงเขาเคยวิ่งเล่นตั้งแต่เด็กยันหนุ่มเลยทีเดียว
แวะไหว้พระ สำนักสงฆ์กลางเกาะกันเสียก่อน พระท่านจะขับเรือออกไปบิณฑบาต ตอนเช้า ที่หน้าเรือนแพ ข้างในนี้ไฟฟ้าไม่ถึงนะค่ะ หากได้เตรียมตัวมาเอาเทียนมาถวายจะ เจ๋งมากเลย
ข้างๆสำนักสงฆ์ มีถ้ำค้างคาว สูงประมาน 7- 8 เมตร ปีนป่ายกันสนุกเลยทีเดียว ไม่ลึกมากขึ้นไปถึงปุ๊ปก็ชื่นนนนนนใจกับกลิ่นไอของความเป็นถ้ำกันเลยทีเดียว
เดินสัมผัสถึงบรรยากาศ สัมผัสความงดงามของผืนป่าที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์เป็นธรรมชาติที่แท้จริง ไม่ถูกทำลายจากการพัฒนาให้เป็นที่ท่องเที่ยวอย่างถาวร
ถึงแล้วววว เล่นน้ำ สูดอากาศบริสุทธิ์เก็บไว้เสียให้เต็มปอด
แล้วค่อยกลับออกมา ถึงเรือนแพก็คงเย็นพอดี เหมาะสำหรับการกระโจนลงเล่นน้ำ อย่างสะใจ ใครไม่ลงจะกลับไปคุยไม่ได้นะค่ะ มีชูชีพสำหรับเด็กๆด้วย ใครจะแยกตัววิเวกออกมาตกปลาก็ได้บรรยากาศสุดๆ
ราคาอาหารก็ไม่แพงเลย ปลาสดจริงๆ จะสังสรรค์ก็มีบริการเหมาคาราโอเกะ ถึงเที่ยงคืนเพราะเครื่องปั่นไฟจะถูกดับลง เอ่อ สำคัญเลยคือ น้ำจะตัดตอนหกโมงเย็นนะค่ะ จะอาบน้ำเขื่อนเลยก็คงไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ แนะนำว่าไม่น่านอนดึกมากนะค่ะ ตื่นเช้าๆมารอใส่บาตร จะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่ไม่น่าพลาด ไอหมอกที่ลงมาเกือบทุกฤดูกาล แสงอาทิตย์ที่ค่อยๆสาดส่องลอดช่องทิวเขาและเกาะเล็กๆเหล่านั้นผ่านเข้ามา พร้อมกับกาแฟร้อนๆแก้วหนึ่งในมือที่คอยบรรเทาความเยือกเย็นของลมที่พัดผ่านกายเราไป เป็นอะไรที่ต้อง และต้อง และต้องมาสัมผัสเอง ……. ไม่อยากเล่าต่อละ ขอกั๊กไว้ก่อนจะได้ไปลองเอง เยอะไปเดี๋ยวจะว่าเราโม้อีก
ก่อนกลับอย่าลืมแวะเข้าไปที่สำนักอุทยานแห่งชาติศรีลานนา เสียก่อนนะค่ะ ข้างในจะมีเจ้าหน้าที่น่ารักมากให้บริการข้อมูลต่างๆและพานั่งรถเที่ยวชมป่า ส่องนก ฯลฯ ที่สำคัญต้องแวะขึ้นสันเขื่อนเพื่อชมวิวกว้างๆของท้องน้ำ และถ่ายรูปเก็บกลับไปแทนคำสัญญาว่าจะมาพบกันใหม่ ^____^
** ปล.อย่าลืมจ่ายค่าบำรุงอุทยานนะค่ะ