ครัวอาจารย์สายหยุด ร้านอาหารไทยและอาหารปักษ์ใต้ในตำนานฝีมือชั้นครู อาหารไทยโบราณ แบบไทยมากๆๆๆ อาจารย์ผู้ที่หลงใหลในการทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ เรียกได้ว่าเวลาเกือบครึ่งชีวิตของเธอผู้นี้ได้ทุ่มเทให้กับการทำอาหารอย่างเต็มที่ และแม้วันนี้จะถึงวัยเกษียณจากการเป็นอาจารย์แล้ว แต่ความสุขของเขากลับอยู่ที่การทำอาหารให้คนทานได้มีความสุข
ร้านอาหารแห่งนี้ จึงเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน เป็นร้านเล็กๆในซอย ที่เน้นตกแต่งด้วยไม้และของเก่า ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ หรือของตกแต่งเองก็ตาม เมื่อเดินเข้าไปจึงให้ความรู้สึกเหมือนไปทานข้าวที่บ้านญาติยังไงยังงั้น ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของรสชาติอาหารและความเป็นกันเองของอาจารย์ จึงทำให้มีลูกค้าแวะเวียนมาอย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นคุณหมอจากรั้วสวนดอก ท่านอธิการบดี และรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ
และข้างๆก็มีแปลงผักสวนครัวปลอดสารพิษ ที่อาจารย์มักจะเก็บมาทำอาหารให้ลูกค้ากินอยู่เป็นประจำ
เริ่มกันด้วยออร์เดิฟแรก “หรุ่ม หรือ ล่าเตียง” ขนมไทยโบราณ ที่หาทานได้ยาก โดยไส้ในจะเป็นหมูที่นำไปผัดกับเครื่องปรุงจนงวดและแห้ง ห่อด้วยตาข่ายไข่เป็ดสีเหลืองทอง และเพิ่มความสวยงามด้วยพริกแดงและผักชี เมนูนี้จะทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ หรือเป็นของว่างทานเล่นก็ดี ราคาชิ้นละ 10 บาท
“ข้าวตังหน้าตั้ง” ในสมัยก่อนทำมาจากข้าวที่หุงติดหม้อ ทำเป็นแผ่น ตากแดดจนแห้ง และนำไปทอดจนเหลืองกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมกับหน้าตั้ง ที่มีส่วนผสมหลักอย่าง กุ้ง และหมูสับเคี่ยวกับเครื่องแกงในน้ำกะทิ จนได้รสชาติหวานมัน ยิ่งกินยิ่งรู้สึกถึงความลงตัวของรสชาติทั้งสอง ในปัจจุบันนี้ถือว่าหาทานได้ยากจริงๆ แต่ที่นี่รับรองว่าคุณได้ทานอย่างแน่นอน ราคาก็ 95-150 บาท
“กระทงทอง” อาหารว่างแบบไทยๆ ที่ตัวกระทงทำมาจากแป้ง และนำไปทอดจนกรอบ เพิ่มความอร่อยด้วยไส้สมุนไพร หมู และกุ้ง ราคา 95-150 บาท
“ช่อม่วง” ขนมไทยที่มีความประณีตอ่อนช้อยแบบฉบับชาววัง น้อยคนนักที่จะรู้จัก โดยทำมาจากแป้งที่ปั้นด้วยความประณีต และใส่ไส้ด้วยหมูที่ผัดจนแห้ง ราคาชิ้นละ 8-10 บาทแล้วแต่ขนาด แต่ถ้าเป็นเชตแบบนี้ก็ 50-150 บาท
“ข้าวยำเครื่องสมุนไพรปักษ์ใต้” อาหารใต้ขึ้นชื่อที่หาทานได้ยากยิ่งนักในเมืองเหนือแห่งนี้ โดยความเป็นเอกลักษณ์ของข้าวยำ ที่เยอะในเรื่องของเครื่องที่จัดเต็ม โดยเฉพาะผักและสมุนไพรพื้นบ้านอย่าง ใบขมิ้น ชะพลู ใบมะกรูด แตงกวา มะม่วง ส้มโอ ฯลฯ เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวอัญชันสีม่วงหน้าตาสดใส คลุกเคล้าด้วยน้ำวูดู ซึ่งเป็นน้ำที่ทำมาจากปลาอินทรีย์ รสชาติจะออกเปรี้ยวๆ ถือว่าเป็นอาหารสุขภาพที่น่าลิ้มลองจริงๆ ราคา 85 บาท
“น้ำพริกไข่ปู” ไข่ปูที่ตำเข้ากับเครื่องน้ำพริกอย่างถึงรส เสิร์ฟพร้อมผักลวกและผักทอด เมนูนี้ ถือว่าเป็นหมัดเด็ดของทางร้าน ใครที่ไปแล้วแนะนำให้ลอง ราคา 150-200 บาท
“ปลาทูต้มเค็ม” ปลาทูตัวโต เนื้อแน่นต้มในน้ำต้มเค็ม รสชาติกลมกล่อมของทางร้าน ต้มเป็นเวลาหลายชั่วโมง จนก้างยังทานได้ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่แนะนำ ราคา 65-70 บาท นอกจากเมนูที่กล่าวมาข้างบนแล้วที่นี่ยังมีให้เลือกทานอีกมากมาย อย่าง ผัดไทยกุ้งสด พะแนงปลากราย น้ำพริกมะขาม ห่อหมกทะเลทอด และแกงเหลืองปลากับคูน
ทานอาหารคาวมาแล้ว มาที่อาหารหวาน อย่างเจ้า “มันเชื่อมราดกะทิ” เมนูฟรี ที่ไม่มีให้ทุกวัน หากวันไหนที่อาจารย์มีเวลาพอก็ได้ทานแต่ถ้าหากไม่มีก็อด เพราะกว่าจะได้มาแต่ละชิ้นต้องใช้เวลาแกะสลักนานเอาการเหมือนกัน ใครที่เริ่มหิวและอยากลิ้มรสอาหารต้นตำรับแบบนี้ ก็แวะไปได้ที่ครัวอาจารย์สายหยุด ใครที่ไปไม่ถูก ก็เริ่มจากแยกข่วงสิงห์ พอถึงสนามกอล์ฟลานนาให้เลี้ยวรถเข้าซอยทเวนตี้คาราโอเกะ เข้ามาจนสุดซอยจะมีป้ายบอกให้เลี้ยวขวา เข้าไปสุดซอยเลี้ยวซ้ายถึงเลย
ผัดไทย ผัดจานต่อจาน เน้นวัตถุดิบที่สดใหม่ กุ้งสดตัวใหญ่ไม่ฟรีด ผัดไทยของครัวอาจารย์สายหยุดและหมอทรายเป็นผัดไทยสูตรลับเฉพาะของทางร้านที่ลูกค้ามาแล้วต้องลองสั่งมาทาน จัดแต่งจานสวยงาม มีความประดิษฐ์ประดอย ผักแกะสลัก แนะนำให้สั่งผัดไท (signature)
คุณรู้หรือไม่
- ด้วยความขึ้นชื่อในเรื่องของฝีมือการทำอาหารที่ไม่เป็นสองรองใคร จึงทำให้บุคคลผู้มีชื่อเสียงอย่าง คุณดำรง พุตตาล และอีกหลายๆคน เมื่อมาเชียงใหม่เขาจะมาทานที่นี่เป็นประจำ
- อาจารย์สายหยุดเคยเป็นอาจารย์สอนที่วิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลกมาก่อน
- อาจารย์เป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช จึงทำให้มีรสมือในการทำอาหารแบบฉบับชาวใต้แท้ๆ
- ผัดไทยเป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารจีน เดิมเรียกอาหารชนิดนี้ว่า “ก๋วยเตี๋ยวผัด” และได้รับการเปลี่ยนแปลงด้านรสชาติใหม่ตามอย่างอาหารไทยมากขึ้นในเวลาต่อมา
ร้านครัวอาจารย์สายหยุด
- ที่ตั้งร้าน: 32 โชตนา ซอย 12 ถนนศรีลานนา ตำบลป่าตัน อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่ (ซอยทเวนตี้ คาราโอเกะ)
- เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น. (ยกเว้นวันพุธ)
- โทร: 081-530-1172 หรือ 053-211-848