สองสาวหนึ่งมอเตอร์ไซค์กับการไป ดอยอินทนนท์

ดอยอินทนนท์ ถ้าจะถามถึงสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตช่วงหน้าหนาวคงหนีไม่พ้นดอย  ดอย  และก็ดอย นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศต่างต้องการมาสัมผัสกับอากาศหนาวที่หาได้ยากในประเทศไทย และจังหวัดที่ได้รับความสนใจตลอดกาลคงจะหนีไม่พ้น “เชียงใหม่”
ทริปนี้เราจะพาไปเที่ยวดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทยกัน  นั่นก็คือ “ดอยอินทนนท์” โดยทริปนี้มีผู้ร่วมเดินทาง  2  คน และเป็นผู้หญิงทั้งคู่ เราเลือกที่จะไม่ใช้บริการของรถขนส่งสาธารณะหรือการไปกับกรุ๊ปทัวร์เพราะนั่นจะทำให้เราไม่สามารถเที่ยวได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นเราจึงตกลงกันว่าเราจะขี่มอเตอร์ไซต์ไปกันและอีกนัยหนึ่งเราก็อยากแสดงให้เห็นว่าการเดินทางที่มีแต่ผู้หญิงนั้นมันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
เริ่มออกเดินทาง
จะไปดอยอินทนนท์ทั้งทีต้องไปชมพระอาทิตย์ขึ้นให้ได้!! จริงไหม? ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องออกเดินทางกันตั้งแต่ตีสี่ เติมน้ำมันให้เต็มถัง เช็คลมยางให้เรียบร้อยแล้วออกเดินทางกันเลย……

เส้นทาง 
จากตัวเมืองเชียงใหม่  เราขี่รถไปตามทางหลวงหมายเลข  108  เชียงใหม่-ฮอด  เมื่อถึงกิโลเมตรที่  57 ก็เลี้ยวขวาไปใช้ทางหลวงหมายเลข  1009  จอมทอง-อินทนนท์  ระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตรถึงยอดดอย และสำหรับคนที่ไม่อยากขับรถไปเองก็สามารถใช้บริการรถสองแถวสายเชียงใหม่-จอมทองได้ ซึ่งจอดรับผู้โดยสารอยู่ที่ประตูเชียงใหม่ จากนั้นให้ลงรถที่หน้าวัดพระธาตุจอมทองแล้วเหมารถสองแถวขึ้นมาบนดอย
ก่อนขึ้นดอย
ก่อนเข้าเขตอุทยานเราต้องจ่ายค่าบริการก่อนดังนี้
ผู้ใหญ่(ต่างชาติ)  40(200)  บาท
เด็ก(ต่างชาติ)  20(100)  บาท
ยานพาหนะ(รถยนต์)  30  บาท
จักรยานยนต์  20  บาท
แต่เนื่องจากเราทั้งสองคนเป็นนักศึกษาจึงได้จ่ายในราคาคนละ 20 บาท  และจ่ายค่ารถมอเตอร์ไซต์อีก 20 บาท  เมื่อจ่ายเงินเสร็จเราก็จะได้บัตรเข้าชมอุทยานมาและเริ่มออกเดินทางขึ้นดอยกันจริงๆ ซะที
จุดชมวิว
เวลาประมาณหกโมงครึ่งเราก็มาถึงจุดชมวิว  รีบโดดลงรถ คว้ากล้องถ่ายรูปและขาตั้งกล้องแล้ววิ่งขึ้นไปบนเนินด้วยความรวดเร็วและนี่ก็คือภาพที่ปรากฏตรงหน้า
ภาพของดวงอาทิตย์กำลังโผล่พ้นขอบฟ้า ด้านหน้าเป็นแนวสันเขาสลับซับซ้อนที่ปกคลุมด้วยทะเลหมอก
แนวเขาที่ทอดตัวอย่างสวยงามและมีสายหมอกจางๆปกคลุม
นี่คือจุดชมวิวจุดที่ 1 ซึ่งสามารถรองรับคนได้เยอะพอสมควร  แต่ค่อนข้างอันตรายพอสมควรเพราะไม่มีแผงกั้นตรงบริเวณที่เป็นหน้าผา
กิ่วแม่ปาน
หลังจากที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นกันจุใจแล้วเราก็เดินทางต่อไปยัง  “กิ่วแม่ปาน” ซึ่งเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ  โดยเราจะต้องเดินเป็นระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร  ใช้เวลาประมาณ  2 – 3 ชั่วโมง  แต่ก่อนที่จะเข้าไปที่นี่เราต้องจ้างไกด์เพื่อนำทางกันก่อน ราคาค่าไกด์  200  บาท/กลุ่มไกด์จะทำหน้าที่นำทางและคอยอธิบายถึงลักษณะของป่า  พืชพรรณธรรมชาติต่างๆ
สำหรับทางเดินในป่าแห่งนี้มีสภาพที่ดีมาก  มีการสร้างราวจับ  บันไดและสะพานข้ามลำห้วยให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย  ที่นี่เราจะได้พบกับพืชหน้าตาแปลกๆ หรือพืชที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนซึ่งส่วนใหญ่สามารถนำมาทำเป็นยาสมุนไพรได้
สภาพทางเดินและความอุดมสมบูรณ์ของป่า
ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในป่าแห่งนี้
ต้นไม้ทุกต้นในป่าแห่งนี้จะมีมอสปกคลุมอยู่
นี่คือจุดชมวิวกิ่วแม่ปาน  ที่นี่เราจะได้เห็นทะเลหมอกสีขาวผืนใหญ่ตัดกับท้องฟ้าสีคราม หลังจากนั้นพอสายๆหน่อยทะเลหมอกเหล่านี้จะจางหายไปแต่จะมีเมฆเข้ามาปกคลุมแทน
ความแตกต่างที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้น   ด้านหน้าเป็นภูเขาที่ปกคลุมด้วยหญ้าสีเขียวและถัดไปเป็นภูเขาหินที่มีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น
ทางลงจากจุดชมวิวกิ่วแม่ปานเพื่อกลับไปยังจุดเริ่มต้นซึ่งจะเป็นคนละทางกับทางที่เราเดินขึ้นมา
นี่คือก้อนหินสัญลักษณ์ของดอยอินทนนท์
เราสามารถมองเห็นพระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริได้จากเส้นทางเดินกลับ(แต่ต้องเดินออกนอกเส้นทางเล็กน้อยนะ)
ต้นกุหลาบพันปี  เป็นต้นไม้ที่พบได้ตามที่สูงเท่านั้น
จุดสูงสุด 
หลังจากที่ออกมาจากกิ่วแม่ปานเราก็ขี่รถตรงดิ่งมาที่จุดสูงสุดของประเทศไทย โดยยอดดอยอินทนนท์มีความสูง  2,565  เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่นี่มีลานจอดรถที่กว้างขวางสะดวกสบายข้างๆลานจอดรถจะมีสถานีเรดาห์ตั้งอยู่  เมื่อจอดรถเสร็จเราก็เดินขึ้นบันไดมานิดหน่อยแล้วจะได้พบกับป้าย “สูงสุดแดนสยาม”  ป้ายที่ได้รับความนิยมในการถ่ายรูปมากถึงขั้นต้องเข้าคิวกันเลยทีเดียว และเราก็ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปเป็นหลักฐานซะหน่อยว่าครั้งหนึ่งเราได้ยืนอยู่สูงกว่าใครเลยนะ  1 2 3 แซ๊ะ…..

น้ำตกวชิรธาร 
และที่สุดท้ายที่เรามาก็คือ  “น้ำตกวชิรธาร” หนึ่งในไฮไลต์ที่ห้ามพลาด เราสามารถมาที่น้ำตกแห่งนี้ได้ง่ายเพราะเราต้องผ่านเวลากลับอยู่แล้ว ขี่รถลงมาจากยอดดอยก่อนถึงด่านตรวจจะเห็นป้ายบอกทางไปน้ำตกอยู่ทางซ้ายมือ จากนั้นให้ขี่ไปตามทางประมาณ  500  เมตร ก็จะถึงตัวน้ำตก แต่ถนนทางเข้ามาค่อนข้างแคบและโค้งเยอะมากควรขับขี่กันด้วยความระมัดระวัง  ที่นี่มีร้านขายอาหาร เครื่องดื่ม  แต่ทางอุทยานไม่อนุญาตให้นำอาหารเข้าไปทานบริเวณน้ำตกได้ ที่นี่ยังมีห้องน้ำให้เราใช้บริการอีกด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวที่ขับรถยนต์มาไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีที่จอดรถเพราะที่นี่มีลานจอดรถกว้างขวางมากเช่นกัน
ตัวน้ำตกมีขนาดใหญ่และสูงประมาณ  100  เมตร  มีน้ำไหลตลอดทั้งปี แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูฝนจะมีน้ำหลากทางอุทยานจะปิดไม่ให้เข้าชม น้ำตกแห่งนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ละอองน้ำที่ฟุ้งกระจายเป็นบริเวณกว้างทำให้นักท่องเที่ยวที่เข้าใกล้ตัวเปียกได้เลยทีเดียว


เที่ยวดอยอินทนนท์จุดสูงสุดแดนสยามที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องได้ไปสักครั้ง! มีรถรับส่งในตัวเมืองเชียงใหม่


ท่านใดที่มีที่เที่ยวน่าสนใจแนะนำเจ๋งเข้ามาได้ อย่าลืมแวะมา Comment มาแชร์ให้เจ๋งได้รู้ตามช่องด้านล่างหรือ


  

เจ๋งจะตามไปรีวิวอย่างทันท่วงที

Relate Posts :