พิกัด : โครงการ THINK PARK แยกรินคำเวลาเปิด – ปิด: 11.30 – 14.00 น. และ 17.00 – 22.00 น.เบอร์โทร : 085-4936245Facebook : Misora Sushi Bar & Bistro
คุณวิปและคุณหนึ่งเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนโรงเรียนมงฟอร์ต จากนั้นได้มาเรียนต่อด้วยกันที่คณะวิศวะ มช. ก่อนจะแยกย้ายกันไปประกอบอาชีพวิศวกรตามที่ได้ร่ำเรียนมา แต่นอกเหนือจากความเป็นเพื่อนร่วมสถาบันและความเป็นเพื่อนแบบยาวๆกันมาหลายปี อีกสิ่งหนึ่งที่ทั้งสองชอบเหมือนๆกันก็คือ การกินอาหารญี่ปุ่น เป็นความชอบขนาดที่ว่าต้องไปตระเวนกินกันอย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง … เปล่า ไม่ได้ถึงขนาดควงคู่ตั้งแก๊งค์ไปกินด้วยกัน แต่แยกกันเดินสายไปกินแบบต่างคนต่างไปแล้วก็มีการมาคุยกันถึงเรื่องของรสชาติและสูตรลับของแต่ละที่ตามประสาคนคอเดียวกัน จนกระทั่งเริ่มมีไอเดียในการเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นด้วยกัน และแน่นอนว่าร้านอาหารญี่ปุ่นของพวกเขานอกจากความอร่อย คงต้องพิถีพิถันในการนำเข้าวัตถุดิบ พิถีพิถันในเรื่องของการดีไซน์ออกแบบอาหารแต่ละเมนูและพิถีพิถันในเรื่องของรสชาติที่แปลกและแตกต่างไปจากอาหารสูตรเดิมๆ
MISORA เป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่าท้องฟ้าอันสวยงาม และเป็นชื่อของร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ฟิวชั่น ที่ตั้งอยู่ใน Think Park บริเวณแยกรินคำ (ร้านอยู่แนบชิดติดกับ LOCAL CAFE) และเป็นโปรเจคท์การเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นตามสไตล์ของคุณวิปและคุณหนึ่ง ซึ่งครบเครื่องและพิถีพิถันในทุกขั้นตอน
แรกทีเดียวที่ไปถึงร้าน ก่อนอื่นคุณควรนั่งพักให้สบายๆเสียก่อน โดยการสั่งชาเขียวมานั่งจิบให้สบายใจ เพราะชาเขียวของที่นี่ชงแบบสูตรเฉพาะตัวที่ให้ทั้งกลิ่นสีและรสแบบชาเขียวต้นตำรับ ซึ่งเป็นบริการแบบรีฟิลล์ดื่มกันได้สบายใจในราคาแค่คนละ 35 บาท
หลังจากนั้นเมื่อคุณเปิดเมนูเลือกสรรค์ความอร่อย คุณจะละลานตาไปกับเมนูแปลกๆที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของเจ้าของร้าน และวัตถุดิบที่น่าลิ้มลองอาทิ ตับห่าน เนื้อวากิว ปลาฮามาจิสดๆ … เอาล่ะ กวาดตาดูช้าๆ แล้วเราจะมาเริ่มสั่งอาหารกัน ก่อนอื่นเราขอแนะนำอาหารประเภทโรลซึ่งร้านนี้ เขาจะไม่ทำโรลแบบเดิมๆที่เราเคยชิมกัน แต่จะเป็นโรลแบบฟิวชั่นที่เขาพิถีพิถันในการคิดสูตรใหม่ขึ้นมาอย่างครั้นช์ชี่โรลหรือโรลทอดที่เน้นความกรุบกรอบและโรลปูนิ่ม รสชาติอร่อยแบบหากินที่อื่นไม่ได้
แล้วทีนี้ก็มาถึงซูชิ ซึ่งจุดเด่นของที่นี่คือจะมีให้เลือกชิม 2 แบบ คือซูชิแบบมาตรฐานดั้งเดิมอย่างที่เราคุ้นเคย แต่ใช้วัตถุดิบนำเข้ากับซูชิสไตล์ฟิวชั่นที่มีหน้าของซูชิถึงสองอย่างภายในหนึ่งคำ
ทีนี้ก็มาถึงพระเอกของงาน และบนโต๊ะอาหารในทุกร้านอาหารญี่ปุ่นนั่นก็คือ SASHIMI หรือปลาดิบรวม ที่ว่ากันว่าเป็นตัวชูโรงและเป็นตัววัดฝีมือการแล่ปลาของแต่ละร้าน แลของร้านนี้ฝีมือก็ใช่ย่อย เพราะเป็นวัตถุดิบนำเข้าที่สดและได้คุณภาพของการแล่ทุกคำ ทั้งเนื้อปลาฮามาจิ ปลาแซลมอน และกระทั่งปลาหมึกยักษ์ที่ว่ากันว่าถ้าไม่สดและแล่ไม่ดีจะเหนียวและคาวมาก แต่ของร้านนี้รสหวานทานง่ายแถมยังสดอร่อยอีกต่างหาก
แต่สำหรับคนที่ทานน้อยและไม่ได้ไปเป็นหมู่คณะ ทางร้านก็มีเมนูอาหารชุดหรืออาหารจานเดียวไว้ให้บริการเหมือนกัน อาทิ เมนูข้าวหน้าเนื้อ ข้าวหน้าปลาไหลย่าง และข้าวหน้าปลาต่างๆ ในราคาตั้งแต่ 150 บาท ไปจนถึง 350 บาท ตามแต่ประเภทของวัตถุดิบ
เมื่อดูจากเมนูและเทียบกับราคา ก็ต้องถือว่าถูกกว่าร้านอื่นๆ เมื่อเทียบกับประเภทของวัตถุดิบนำเข้า แถมยังไปมาสะดวกไม่ต้องเดินทางไกลและมีที่จอดรถกว้างขวางอีกต่างหาก
อ่อ … เกือบลืมไป ช่วงนี้ทางร้านเขามี โปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่สั่งเมนูหอยเชลล์หรือเนื้อวากิว ก็รับกันไปเลย ส่วนลด 20 เปอร์เซ็นต์ แบบไม่ต้องเล่นเกมส์และไม่มีเงื่อนไข
ทั้งอร่อย สด สะดวก และไม่แพงขนาดนี้ สำหรับบรรดาสาวกอาหารญี่ปุ่นในเชียงใหม่ ถ้าจะไม่แวะไปลองชิมกันสักหน่อยก็ถือว่ายังไงอยู่นะเนี่ย
ท่านใดมีร้านอาหารอร่อยแนะนำเจ๋งเข้ามาได้ อย่าลืมแวะมา Comment มาแชร์ให้เจ๋งได้รู้ตามช่องด้านล่างหรือ
เจ๋งจะตามไปรีวิวอย่างทันท่วงที
[Full Review]