ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ คุมเข้ม เดินหน้า ตรวจรถควันดำ อย่างต่อเนื่อง หวังป้องกันและลดปัญหา PM 2.5 จากยานพาหนะ ซึ่งหากพบรถโดยสารหรือรถบรรทุกที่มีค่าควันดำเกินกำหนด จะดำเนินการเปรียบเทียบปรับและสั่งห้ามใช้รถทันทีจนกว่าจะแก้ไข
วันนี้ (16 มี.ค. 64) นางวราภรณ์ วรพงศธร ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินการตามมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 มาอย่างต่อเนื่อง โดยเข้มงวดการตรวจสภาพรถบรรทุกและรถโดยสาร ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่และสำนักงานขนส่งสาขา ทั้ง 3 แห่ง ตามมาตรการการตรวจสภาพรถที่กำหนดไว้ รวมทั้งออกตั้งจุดตรวจควันดำของรถโดยสารและรถบรรทุกบนถนนสายหลัก และสายรองในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งได้มีการบูรณาการความร่วมมือกับเทศบาลนครเชียงใหม่ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด หากพบรถโดยสารหรือรถบรรทุกที่มีค่าควันดำเกินกำหนด จะดำเนินการเปรียบเทียบปรับและสั่งห้ามใช้รถทันทีจนกว่าจะแก้ไข และผ่านการตรวจสอบใหม่ จึงจะสามารถกลับไปใช้งานได้ นอกจากนี้ ยังได้มีการออกให้บริการตรวจสอบควันดำรถราชการของหน่วยงานต่าง ๆ หากค่าควันเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดให้นำรถไปปรับปรุงแก้ไขและเข้ารับการตรวจสอบใหม่ จึงจะสามารถนำรถไปใช้งานได้
สำหรับผลการดำเนินการตรวจรถควันดำตั้งแต่ปี พ.ศ.2563-ปัจจุบัน
ได้ทำการตรวจไปแล้วทั้งสิ้น 11,649 คัน
พบรถที่มีค่าควันดำเกินกำหนดจำนวน 406 คัน
โดยรถที่มีค่าควันดำไม่เกินกำหนดแต่อยู่ในระดับสูง สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่จะออกหนังสือแนะนำให้หมั่นตรวจสอบ ดูแลสภาพรถไม่ให้เกิดควันดำ หากตรวจพบบนท้องถนนจะลงโทษอย่างเด็ดขาดต่อไป
ตรวจรถควันดำ
ทั้งนี้ ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
- สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมกับ
- ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่
- เทศบาลนครเชียงใหม่
- สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่
ออกตรวจรถบริเวณหน้าสำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการตรวจรถทั้งหมด 60 คัน พบรถยนต์ส่วนบุคคลมีค่าควันดำเกินมาตรฐาน 6 คัน รถสาธารณะมีค่าควันดำเกินมาตรฐาน 3 คัน จังได้มีการสั่งห้ามใช้รถจนกว่าจะแก้ไขและผ่านการตรวจสอบใหม่ อย่างไรก็ตาม
หากพบเห็นรถควันดำบนท้องถนน ให้ทำการถ่ายภาพให้เห็นหมายเลขทะเบียนรถที่ชัดเจน และส่งไปทาง Facebook สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ หรือโทรสายด่วน 1584 เพื่อช่วยกันลดปัญหา PM 2.5 ของจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป
นันธิกา กิจปาโล/ข่าว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่
16 มีนาคม 2564