สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เผยปีนี้ลดจุดความร้อนลงไปได้กว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ยังคงสั่งปิดป่า เตือนหากผู้ใดเข้าไปในพื้นที่ป่าถือว่ามีความผิด

นายธนา นวลปลอด หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่าสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ในห้วงที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 2 เมษายน 2564 เกิดจุดความร้อนแล้วทั้งหมด 7,523 จุด

ขณะที่ปีที่ผ่านมา เกิดจุดความร้อนสูงถึง 17,251 จุด ในห้วงเวลาเดียวกัน และตลอดทั้งปีในปี 2563 เกิดจุดความร้อนทั้งหมด 21,658 จุด อย่างไรก็ตามในปีนี้จังหวัดเชียงใหม่ได้ลดจุดความร้อนลงไปได้กว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก

สำหรับจุดความร้อนที่พุ่งสูงขึ้นถึง 264 จุด เมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา เกิดขึ้นในเขตโซนเหนือ คือ อำเภอเชียงดาวและอำเภอแม่แตง จากการตรวจสอบจากดาวเทียมได้วิเคราะห์จุดความร้อนที่พบทั้งหมด พบว่ามีเพียง 12 จุดใหญ่ ๆ


แต่ที่กระจายไปถึง 264 จุด เพราะอยู่ห่างกัน 375 เมตร ทำให้มองว่าเป็นจุดความร้อนเพิ่มมากขึ้น โดยพื้นที่ตรวจพบทั้งหมดอยู่ในเขตอำเภอเชียงดาว, พร้าว และแม่แตง ซึ่งจุดความร้อนที่เกิดขึ้น เกิดเป็นกลุ่ม เป็นโซน ภายหลังจากที่จังหวัดและทางศูนย์บัญชาการฯ ได้รับทราบ ก็ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดับไฟในพื้นที่

กระทั่งจนถึงช่วงบ่ายของวันที่ 1 เมษายน ก็สามารถดับได้เหลือเพียง 60 กว่าจุด และดำเนินการดับไฟอย่างต่อเนื่อง แล้วใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง สามารถดับไฟได้ทั้งหมด 264 จุด

และวันที่ 2 เมษายน ได้เกิดจุดความร้อน 154 จุด แบ่งเป็น 12 กลุ่มใหญ่ในพื้นที่ อ.พร้าว, เชียงดาว และเวียงแหง ซึ่งทางจังหวัดได้สั่งการให้หน่วยในพื้นที่เข้าดำเนินการ โดยนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ทำหนังสือขอรับการสนับสนุนอากาศยานมาช่วยแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ โดยขอไปยังกองทัพภาคที่ 3 รวมไปถึงกองทัพบก


เอามาเสริมกำลังเดิมที่มีอยู่ในส่วนของกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย กรมฝนหลวง รวมไปถึงอากาศยานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แล้วยังมีอากาศยานไร้คนขับ UAV (เครื่องบินโดรน) ออกไปสำรวจเพื่อเข้าไปบริหารจัดการจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะได้ดูว่าทำอย่างไรให้สามารถดับไฟได้โดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม จังหวัดเชียงใหม่ได้มีจุดยุทธศาสตร์ทั้งหมดอยู่ 2 ดอย คือ ดอยสุเทพ-ปุย และดอยหลวงเชียงดาว ในส่วนของดอยหลวงเชียงดาว ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งระดมกำลังทุกภาคส่วน ทั้งกองทัพภาคที่ 3 พี่น้องทหาร อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายปกครอง และจิตอาสา และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเน้นหนักเรื่องของการลาดตระเวน ตั้งแต่เดือนมีนาคม – เมษายน

ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้ประกาศปิดป่าไปเรียบร้อยแล้ว เพราะอยากฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า หากท่านเข้าไปในเขตพื้นที่ป่าก็จะถือว่ามีความผิด และจะมีเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการตั้งจุดตรวจจุดสกัดป้องกันการลักลอบเข้าไปในป่า หากท่านมีเหตุผลมีความจำเป็น ก็ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบ


Relate Posts :