ความฝันนั้นไม่ใช่เรื่องน่าอาย
“ความฝัน”
เมื่อพูดถึงเจ้าสิ่งนี้ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทั้งในช่วงที่เราหลับไหล หรือแม้แต่ตอนที่เรากำลังดำเนินชีวิตไป ในแต่ละวันที่ยังมีลมหายใจ
ผมเชื่อว่าหลายคนจะนึกถึงสิ่งที่ตัวเองมีในทันที
เพราะยังไง “ความฝัน” นั้น คนเรามีมัน มากมายเสียเหลือเกิน
แต่ผมไม่อยากพูดถึง “ฝัน” เมื่อตอนหลับตาเพราะจิตใต้สำนึกอาจชี้นำรูปแบบของความฝันได้
ผมอยากจะมุ่งประเด็นตอนที่เราลืมตาและออกไปใช้ชีวิตมากกว่า เพราะ
“คนเรามักจะฝันถึงสิ่งที่ตนต้องการ”
ก็เพราะว่าความต้องการ นี่แหละ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้มนุษย์เราก้าวเดินต่อไป ไม่ว่าจะด้านไหนก็ตาม แต่ตราบใดที่เรายังคงฝันถึงบางสิ่งบางอย่าง เราจะสามารถพัฒนาสักสภาพ ไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง เพื่อบรรลุในเป้าหมายของตน
“ความฝัน” สัญลักษณ์แห่งความปรารถนา
ที่คนเรานั้นต่างโหยหามันมากมายเหลือเกิน เพราะแรงปรารถนา มักมานำพาซึ่งจุดมุ่งหมายที่ใฝ่ฝัน
โดยในทางจิตวิทยา ก็มีคนกล่าวไว้ว่า
“แต่ละคนมีความปรารถนาที่ไม่พูดกับคนอื่นและความปรารถนาที่ไม่แม้แต่จะสารภาพกับตัวเอง”
: ซิกมันด์ ฟรอยด์
มีรุ่นพี่ผมคนนึงที่มีความชอบส่วนตัวกับหุ่นฟิกเกอร์ และคาเมนไรเดอร์ ที่แม้กาลเวลาจะผ่านพ้นไปซักเท่าไหร่ เขาไม่มีทิศทางที่จะชอบสิ่งเหล่านี้ได้เลย
แต่ด้วยกลุ่มสังคมที่คนรอบข้างไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งของและเรื่องราวเหล่านี้ นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าความในใจที่อยากบอกเล่าในความฝันและความหลงไหลในสิ่งที่ตนรัก นั้นไม่ได้ถูกเอ่ยออกมาได้มากเท่าที่ควร
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้มีความสนใจสิ่งเหล่านี้ แต่ผมไม่เคยลำบากใจเลย ที่รับฟังความหลงใหลในความฝันที่จะต้องเป็นกูรูในด้านนี้ของเขาเลย
เพราะสิ่งที่น่าสนใจในบทสนทนา
นั้นก็คือการที่เราได้นั่งฟังใครซักคน ที่กำลังเอ่ยความในใจถึงความชอบ และความฝันที่ตนนั้นตั้งมั่นในจุดยืนที่แข็งแกร่งของใครซักคน
มันจึงเป็นเหตุผลที่ว่า
ทำไมผมถึงสามารถนั่งฟัง การอธิบายถึงเรื่องราวของตัวละคร เรื่องราวของขบวนการเซนไต
ในแต่ละยุคสมัยที่มีมาได้อย่างไม่เบื่อเลย
เพราะบทสนทนาที่ออกมาจากปากของคนที่มีความหวังและความฝันที่จะกลายเป็นสุดยอดผู้รู้ในขบวนการไอ่มดแดง ไปจนจนถึงขบวนการหลากสี
เพราะเสน่ห์ของคำบอกเล่านี้
นั้นกลั่นออกมาจากความกล้าที่เล่าสู่กันฟัง
และนั่นแหละความสนุกเมื่อได้พูดคุย
รับฟังซึ่งกันและกัน
ความฝันอาจเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ที่ผ่านมาหรือเป็นสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่ท้ายที่สุดแล้วนั้นความฝันก็ยังคงมีจุดเริ่มต้นมาจากแรงปรารถนา
เหมือนกับคนในชาติคนหนึ่ง ที่ผมมีโอกาศได้เห็นผ่านโซเชียล
เขาคนนี้ ชูป้าย “ฉันจะเป็นนายกกระเทยคนแรกในประเทศ…”
นี่แหละครับทำไมหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้กล่าวมา มันถึงเป็นเหตุผลที่ว่า
“ความฝันนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าอาย”
ไม่ว่าจะด้วยประเด็นไหนก็ตาม “ความฝัน” มันก็คือตัวตนของเรา ที่อาจก่อตัวจากความปรารถนา ในอนาคตแสนสดใสที่ได้วาดไว้ หรือแม้แต่ลบล้างและแก้ไขในบางสิ่งที่ติดพันมาจากอดีตที่เป็นประวัติศาสตร์ชีวิตอันยากจะลืมเลือน
From
ยังมีเรื่องราวในมุมมองอีกมากมายจาก “กล่องข้อความเที่ยงคืน” ใน https://reviewchiangmai.com/author/teerapat/