ฉันมักฝันถึง…
ความฝัน อีกหนึ่งรูปแบบของการโหยหาในบางสิ่งบางอย่าง ทั้งการแสดงออกทางความรู้สึกนึกคิด กับเรื่องราวในเหตุการณ์ต่างๆผ่านเข้ามา
นั่นจึงทำให้ “I have a dream” ประโยคคลาสสิคสุดทรงพลัง Martin Luther King, Jr. ก็ดูจะเป็นอะไรที่ดี ที่จะเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างความฝัน และความจริง ให้เป็นรูปธรรมจับต้องได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งฉันเองก็มีเหมือนกันนะ ความฝันน่ะ
ฉันมักฝันถึง…
“ฝันถึงวันพรุ่งนี้ เพื่อสิ่งที่ดีกว่า”
ฉันมักฝันถึงอากาศ แสนบริสุทธิ์ ที่ใครต่อใครก็ต้องการสูดมันให้มันชุ่มปอด ไม่ว่าจะด้วยการกระทำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือด้วยเทคโนโลยีเครื่องมือที่ช่วยลดทอนมลพิษ
ฉันมักฝันถึงความปลอดภัย ที่ไม่ว่าคนที่รักในแสงตะวัน หรือสีสันในยามแสงจันทร์ จะได้รับมันในทุกยี่สิบสี่ชั่วโมงของทุกวัน
ฉันมักฝันถึงผู้คน ที่พร้อมใจกันลงถนน…มาเดินด้วยกันบนทางเท้านุ่มนวลจนคุณลุ่มหลงในการก้าวเดินโดยไม่จำเป็นต้องพึ่ง sneakers ที่ราคาบาดใจ
ฉันมักฝันถึงรอยยิ้ม ของคนแปลกหน้า ที่พร้อมจะมอบมันให้กันและกัน ด้วยความจริงใจ ที่ไม่จำเป็นต้องแสแสร้งเพื่อความต้องการ และผลประโยชน์ส่วนตน
ฉันมักฝันถึงเสียงหัวเราะ ของผู้คนที่มีความสุขไปกับชีวิต ประจำวัน กับชีวิตดีๆที่ลงตัวในทุกๆวัน ตามแบบฉบับของใครของมัน โดยที่ไม่มีปัจจัยหรืออะไรมากีดกัน โดยที่ทุกคนนั้นรู้ตนรู้หน้าที่ว่าต้องอะไร ภายใต้คุณภาพชีวิตที่แลกมาด้วยแรงกายแรงใจ
ฉันมักฝันถึงความเจริญก้าวหน้า ในทุกหย่อมหญ้า ไม่ว่าพื้นที่นั้นจะเป็นทิศไหน ภาคอะไร ตามแบบฉบับของชุมชน สังคม โดยที่คำว่าประเพณี วัฒนธรรมไม่สามารถเป็นเครื่องมือในการกีดกันพวกเขาได้ หากนั่นเป็นเจตจำนงความต้องการของพวกเขา
ฉันมักฝันถึงทุกคนผู้รู้หนังสือหนังหา และเติบโตไปพร้อมกับจินตนาการและความฝัน โดยที่ไม่มีกรอบบางอย่างก็ไม่สามารถขวางทาง และขัดแข้งขัดขาพวกเขาเหล่านั้น
สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น และมันจะกลายเป็นจริง แม้ว่าจะยังไม่ใช่วันนี้ ก็อาจเป็นพรุ่งนี้ หรือเร็วๆนี้ ในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
ส่วนตัวคุณเองก็มีได้นะ ความฝันที่ว่า แต่อย่าลืมที่ลุกขึ้นมาลงมือทำ มันด้วยล่ะ เพื่อให้คุณสามารถ คว้ามันมาไว้ ในอ้อมอกอ้อมใจ ได้อย่างเป็นรูปธรรม เพราะไม่ว่าวันนี้จะเป็นยังไง มืดมน หรือครึ้มฟ้าครึ้มฝนแค่ไหน อย่าลืมที่จะ “เฟ้นหาสีสัน ในวันที่หม่นหมอง”
อย่าได้มัวแต่เฝ้ามอง จนเวลานั้นล่วงเลย เพราะมันจะสวนทางกับความรู้สึกคุณที่มันช้าลง อย่างน่าใจหาย
สังคมจะสูงขึ้นได้ อย่างหน้าแปลกใจ และเป็นไปอย่างที่เราใฝ่ฝัน เพราะเราต่างเริ่ม ลงมือทำ เพื่อช่วยเหลือ และระบายสี ไม่ใช่สาดสีใส่กัน
ถามว่าทำไมมันถึงสามารถเป็นไปได้ เพราะเราเองต่างก็มีภูมิคุ้มกันทางใจที่เข้มแข็ง แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่มืดมนแค่ไหน อารมณ์ขัน และกำลังใจ ที่มาจากการยอมรับ และเข้าใจ บนรากฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน การเปลี่ยนแปลง มันก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
“แล้วมันจะผ่านไป เป็นอะไรที่ดีกว่าเดิม”
ด้วยความปรารถนาดี
จาก เพื่อนมนุษย์ ท่านหนึ่ง
ถึง เพื่อนมนุษย์ ท่านอื่น
จากกล่องข้อความ
เนื่องจากผมได้พบกับ กิจกรรม Writer Contest ที่ทางBrandThink ได้ชวนให้เรทุกคนส่งความความเรียงในหัวข้อ “พรุ่งนี้ที่ดีกว่า…ที่ฉันเห็น” เพื่อร่วมเขียนความหวัง ในวันที่ใครหลายคนบอกว่า โลกวันนี้อยู่ในยุคที่เลวร้าย และสุดแสนจะดิสโทเปีย ทำให้เกิดนึกสนุกอยากมีส่วนร่วมกับกิจกรรมเพื่อบอกเล่าเรื่องราว ในมุมมองของ “เพื่อนมนุษย์ท่านหนึ่ง”
สามารถตามไปอ่านต้นฉบับได้ที่– https://www.brandthink.me/content/ฉันมักฝันถึง