รถม้าลำปาง ในวันที่เหงียบเหงา (ปิดแล้ว)

แม้ว่าลำปางจะยังคงมีตำนานที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา คอยดึงดูดความสนใจต่อนักท่องเที่ยวไม่จำกัดอายุ ยังแสดงถึงความมีเอกลักษณ์ของท้องถิ่น และไม่เสื่อมสลายหายไป ที่ใครๆก็เรียกกันว่า

“รถม้าลำปาง” แต่…กลับไม่มีคนท้องถิ่นคิดจะใช้บริการแม้แต่น้อย

ในสมัยพ่อแม่ผมยังหนุ่มสาว รถม้ามีบทบาท เปรียบเสมือนพระเอกแห่งนครลำปาง มีทั้งรูปปั้นอยู่ใจกลางเมือง ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องขนาดความใหญ่ยาวของม้า มีคนขับรถม้าที่แต่งตัวสไตล์เวสเทิร์นคาวบอย มีรถม้าที่เรียกกันว่ารถม้าแท็กซี่ คอยรับผู้โดยสารจากสถานีรถไฟเข้าสู่ตัวเมือง ทั้งไปรับพัสดุภัณฑ์จากสถานีรถไฟมาส่งที่ทำการไปรษณีย์ เป็นรถรับส่งนักเรียน ขนของให้พ่อค้าแม่ค้าเรื่อยไปจนถึงพาคนเจ็บไปโรงพยาบาล แต่ปัจจุบันรถม้าลำปางไว้มีเพื่อบริการนักท่องเที่ยวเพื่อนั่งชมเมืองเท่านั้น

ต้องยอมรับว่ายุคสมัยที่ผมเกิดมา เป็นยุคที่วัตถุนิยมครองเมือง เหล่าเด็กๆเพื่อนร่วมชั้นไม่เคยพอใจต่อปัจจัยขั้นพื้นฐานของตัวเองที่มีอยู่ ด้วยความต้องการอยากให้บ้านเกิดของตนเองมีสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่รายล้อม มีห้างสรรพสินค้าให้เที่ยวเล่นหลากหลายแห่ง เพื่อตอบสนองต่อกิเลสตัณหาในการไขว่คว้าหาแสงสี  โลดแล่นไปกับอบายมุข ซึ่งสอดคล้องกับนิสัยของคนไทยส่วนใหญ่ที่ชอบสิ่งใหม่ๆ สิ่งที่ทันสมัย และสิ่งที่กำลังเป็นที่นิยม ซึ่งทำให้ผู้ใช้เกิดความรู้สึกโก้หรู มากกว่าจะคำนึงถึงประโยชน์หรือการสมค่าของการใช้สอย กับการนิยมใช้เงินในอนาคต หรือการสร้างหนี้ที่ไม่ได้ก่อให้เกิดผลทางการลงทุนสักเท่าไหร่ สิ่งที่เป็นของคู่บ้าน คู่เมืองกลับไม่มีใครเหลียวแล ทุกวันนี้ รถม้าอาศัยนักท่องเที่ยวอย่างเดียว  ถ้ายังมีนักท่องเที่ยว รถม้าก็ยังคงอยู่ต่อไป แต่ถ้าวันหนึ่งไม่มี รถม้าจะอยู่ยังไง!?


ในปัจจุบันราคาค่าโดยสารรถม้า แน่นอนไว้ 3 อัตรา คือ รอบเมือง เล็ก 150 บาท (25-30 นาที) รอบเมืองกลาง 200-300 บาท (45 นาที-1 ชั่วโมง) รอบเมืองใหญ่ 500 บาท (1.30 – 2 ชั่วโมง) หรือเช่าชั่วโมงละ 300 บาท คิวจอดรถม้าอยู่ที่หน้า ศาลากลางหลังเก่า บริการระหว่างเวลา 05.00-20.00 น. ส่วนบริเวณหน้าโรงแรมทิพย์ช้างลำปาง โรงแรมเวียงลคอร และโรงแรมลำปางเวียงทอง บริการระหว่างเวลา 05.00-21.00 น.

หากเช่าเป็นชั่วโมง นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเส้นทางชมเมืองได้ตามความต้องการ เช่น ข้ามแม่น้ำวังบนสะพานรัษฎาภิเศก ชมบ้านเสานัก ชมวัดพระแก้วดอนเต้า และวัดต่างๆ และนมัสการหลวงพ่อเกษม เขมโก ราคา 300 บาท


อีกเส้นทางหนึ่งคือชมย่าน ตลาดจีนบนถนนตลาดเก่า ซึ่งเป็นถนนเศรษฐกิจในอดีตที่ยังคงสภาพอาคารตึกแถวแบบโบราณไว้ทั้งสองฟาก บ้านเก่าหลายหลังมีลวดลายไม้ฉลุที่งดงาม ชมสถานีรถไฟที่เป็นอาคารแบบโบราณ แวะถ่ายภาพที่ห้าแยกหอนาฬิกาและอาจแวะซื้อผลิตภัณฑ์เซรามิคบริเวณหน้า โรงเรียนเทศบาล 4 ที่อยู่ใกล้ๆกับหอนาฬิกา ซึ่งมีให้เลือกหลายร้าน

อย่างไรก็ตาม ใครที่มาเที่ยวลำปางจงอย่าได้เสียดายเงินทองในกระเป๋าของท่าน ช่วงเวลาที่คลาสสิคสุดๆในการนั่งรถม้าชมเมืองที่คิดเอาเอง คือช่วงใกล้ๆตะวันจะตกดินครับ เพราะได้ชมบรรยากาศความสว่างที่จางลงไปกับความเงียบมืดมิด ผ่านแสงไฟสลัวๆยามค่ำคืน เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศวิถีชีวิตของคนเมืองเหนือที่ปราศจากความเร่งรีบ ที่หาไม่ได้ในเมืองกรุงครับ 🙂


Relate Posts :