เชียงใหม่เป็นอีกเมืองหนึ่งที่มีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นจำนวนมาก เหตุเพราะ การใช้ไปมาสัญจรที่สะดวกรวดเร็ว เขตตัวเมืองมีจุดบริการครบครัน แหล่ง อุปโภค บริโภคที่จำเป็นก็มีตามจุดต่างๆหลายแห่ง ไม่จำเป็นต้องวิ่งรถไปไหนไกล ก็สามารถไขว่ขว้าหาของกิน จะเดินเล่นตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป จะจิบน้ำเมาตามผับบาร์ หรือจะไปนั่งเล่นกระดานชนวนตามร้านกาแฟที่มีWIFIอยู่ดาดดื่นแทบจะร้านเว้นร้าน แถมรถจักรยานยนต์ยังหาที่จอดรถได้ง่ายกว่ารถยนต์ทั่วไป โดยไม่ต้องพกมือโบก อีกทั้งปริมาณของนักเรียน หรือนักศึกษาใหม่เก่าแต่ละมหาวิทยาลัยที่ส่วนใหญ่ก็ใช้รถจักรยานยนต์ อีกทั้งเพิ่มจำนวนมากขึ้นในแต่ละปี บางรายติดใจในบรรยากาศเมืองแห่งความฝัน จบมาก็ทำงานต่อ ฝังตัวอยู่ในจังหวัดแห่งนี้เพราะหลงใหลในมนต์เสน่ห์แดนล้านนาของเชียงใหม่แบบกู่ไม่กลับ ดังนั้นการใช้รถจักรยานยนต์จึงเป็นทางเลือกที่ง่าย เดินทางสะดวก ประหยัดน้ำมัน เหมาะแก่นักเรียน นักศึกษาที่ยังไม่มีรายได้ บุคคลธรรมดาที่กระเป๋าแบน สู้แดด สู้ฝน หรืออยากช่วยลดปริมาณรถบนท้องถนน ลดคาร์บอนในอากาศไม่มากก็น้อย เรียกว่าบางคนเติมน้ำมันรถจักรยานยนต์ 60บาท เดินทางในตัวเมืองได้เป็นอาทิตย์ (ทำมาแล้ว)
แม้ว่า การใช้รถจักรยานยนต์อาจเป็นทางเลือกที่ถูกใจใช่เลยสำหรับใครหลายๆคน แต่อะไรก็ตามแต่ ที่มีปริมาณการใช้งานเยอะๆ ย่อมควบคุมลำบาก กฎระเบียบ จราจร แทบไม่ต้องพูดถึง ถ้าใครไม่เคยทำผิดกฏ ผมขอกลับหัวกระโดด บิดตัวครึ่งรอบ พุ่งหลาวไปด้านหน้า กราบงามๆ ซัก3ที ไม่ว่าจะเป็น ไม่สวมหมวกกันน็อค นึกจะเลี้ยวก็เลี้ยว เปิดไฟเลี้ยว
เพราะถ้าพูดในเรื่องของป้ายห้ามตรง ที่พบเห็นทั่วไปหลายๆที่ในตัวเมืองเชียงใหม่รอบคูเมือง ซึ่งต้องบอกตามตรงว่า เชียงใหม่มีทางแยก หรือซอย ที่สามารถไปโผล่ทะลุได้เกือบทุกจุดในรอบเขตคูเมือง พอขับขี่ทะลุออกไปทางไหน ก็จะพบเจอป้ายห้ามตรงเหล่านี้ แม้ว่าท่านจะสามารถยูเทิร์นเพื่อกลับรถไปอีกฝั่งได้ แต่ มันใกล้กว่า? เซฟเวลากว่า (แต่ไม่เซฟชีวิต) เพราะบางครั้งมันก็ไปสร้างความหนักใจให้แก่ผู้ขับขี่ที่วิ่งรถมาตามทางปรกติ ได้หยุดชะงักชั่งใจว่าควรหยุดให้มันไปดีหรือไม่ และก็เป็นประเพณีที่ทราบสืบต่อกันมาว่า “ถึงเอ็งไม่หยุด แต่ข้าจะไป” ยังไงๆก็ไม่สามารถต้านทานฝูงคาราวานรถมอเตอร์ไซด์ที่พยายามจะข้ามถนนเหล่านั้นได้ อืม..มันช่างเป็นพาหนะที่มหัศจรรย์ จริงๆ เพราะ สมารถสร้างทั้งความสะดวก สบาย และ ความเดือดร้อนปนความทุกข์ให้แก่ผู้ใช้ถนนท่านอื่นๆได้ดีอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เรื่องบางเรื่องจะไปโทษผู้ใช้รถจักรยานต์ทั้งหมดมันก็ไม่ถูกต้องนะ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันก็อยู่ที่จิตใต้สำนึกของตัวเองด้วยว่า สะดวกเรา แต่ลำบากเขา มันถูกต้องหรือไม่ สิทธิเสรีภาพเราแต่ผิดกฎหมาย มันถูกต้องหรือไม่ ประชาธิปไตย แต่บนความเดือดร้อนของผู้อื่น มันถูกต้องหรือไม่ ก็เก็บไปคิดเอาเอง เพราะเรื่องบางเรื่องมันเป็น เรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็รู้ แต่ไม่อยากได้ยิน //ตามนั้น….