ลูกชิ้นทอดลุงสวน พูดถึงความอร่อยแบบคำต่อคำที่ใครๆ ก็ต้องนึกถึงในวัยเด็ก ของกินที่มักจะตั้งขายอยู่หน้าโรงเรียน คอยยั่วยวนด้วยกลิ่นหอมและรสชาติอันโอชะ แม้โตขึ้นมาก็ยังติดใจอยู่ดี ใช่แล้ว! มันคือ “ลูกชิ้นทอด” ของที่กินเปล่าๆ ก็เพลิน จิ้มน้ำจิ้มก็เด็ด ซึ่งวันนี้เราจะพาไปเจาะลึกร้านเด็ดในความทรงจำใครหลายๆ คน (โดยเฉพาะเด็กปรินส์) “ลูกชิ้นทอดลุงสวน” ร้านลูกชิ้นทอด น้ำจิ้มร่วมสาบาน ที่ใครได้ชิมแล้วจะหนีไปไหนไม่รอด ต้องกลับมากินอีกจากรุ่นสู่รุ่น
ลูกชิ้นร้านลุงสวนนั้นมีแค่ 4 อย่างเท่านั้น คือ ลูกชิ้นหมู ลูกชิ้นเนื้อ ลูกชิ้นไก่และไส้กรอก ถ้ากินที่ร้าน ลุงจะเสียบขายไม้ละ 5 บาท ลูกชิ้นหมูได้ไม้ละ 7 ลูก ลูกชิ้นเนื้อและลูกชิ้นไก่ได้ไม้ละ 3 ลูก ไส้กรอกได้ไม้ละ 6 ลูก ส่วนผสมหลักๆ เท่าที่รู้บางชนิด อย่างลูกชิ้นไก่นั้น มีเนื้อไก่ 54 % แป้ง 12 % เครื่องเทศและเครื่องปรุงรส 7 % ซึ่งแม้จะไม่ใช่เนื้อ 100 % แต่ความอร่อยมันอยู่ตรงที่เวลาทอดแล้ว มันจะกรุบๆกรอบๆ นั่นเอง ส่วนคนที่ไม่ชอบลูกชิ้นกรอบๆ ก็บอกได้ ลุงสวนจัดให้ เวลาสั่งก็ง่ายๆ “กรอบหมู ไม่กรอบไก่…” กี่ไม้ก็ว่ากันไป
อยากรู้ว่าขายดีขนาดไหน มาลองคำนวนกัน โดยลุงสวนนั้นมียอดขายดังนี้
- ลูกชิ้นหมู (ยี่ห้อประสิทธิ์) วันละ 24 กิโลกรัม
- ลูกชิ้นเนื้อ (ยี่ห้อพูนทรัพย์) วันละ 15 กิโลกรัม
- ลูกชิ้นไก่ (ยี่ห้อสหฟาร์ม) วันละ 12 กิโลกรัม
- ไส้กรอก (ยี่ห้อสหฟาร์ม) วันละ 12 กิโลกรัม
รวมแล้วลุงสวนขายลูกชิ้นได้วันละ 63 กิโลกรัม อาทิตย์ละ 315 กิโลกรัม เดือนละประมาณ 1,260 กิโลกรัม รวมทั้งปีแล้วลุงสวนสามารถขายลูกชิ้นทอดได้ประมาณปีละกว่า 15,120 กิโลกรัมเลยทีเดียว ทั้งหมดนี้ใช้แก๊สปิคนิควันละ 4 กิโลกรัม ใช้น้ำมันวันละ 5 กิโลกรัม (เปลี่ยนน้ำมันใหม่ทุกๆ 2 วัน วันที่เปลี่ยนน้ำมันใหม่จะใช้น้ำมัน 8 กิโลกรัม) ยังไม่รวมการขายจากงานเหมาที่รับในช่วงเสาร์ – อาทิตย์อีกด้วย โดยลูกชิ้นทั้งหมดนั้น ลุงสวนสั่งมาจากโรงงานที่กรุงเทพฯ อาทิตย์ละครั้ง วิธีการเก็บรักษา ก็แช่ไว้ในถังน้ำแข็งขนาด 200 ลิตร จำนวน 2 ถังที่บ้านนั่นเอง และก่อนออกมาขาย ภรรยาลุงสวนจะเป็นคนลอกพลาสติกออกจากไส้กรอกและหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ให้
สำหรับเอกลักษณ์ของร้านลูกชิ้นทอดลุงสวนที่คนร่ำลือกันคือเราสามารถยืนกินที่ร้านได้เลย อยากกินอะไรก็สั่งไป ลุงแกจะคีบเสียบไม้วางไว้ให้ คนส่วนใหญ่จะค่อยๆ สั่งทีละไม้ กินไม้นี้ใกล้หมด ค่อยสั่งเพิ่มอีก เพราะจะได้กินตอนร้อนๆ นั่นเอง ลองคิดดูว่าจะเป็นสวรรค์สำหรับคนรักลูกชิ้นทอดขนาดไหน ที่ได้ยืนกินลูกชิ้นที่ยังพองกรอบและเหลืองหอม แถมเสมือนมีเพื่อนร่วมสาบาน คอยจิ้มน้ำจิ้มหม้อใหญ่ๆ ทั้งน้ำจิ้มหวานและน้ำจิ้มเผ็ดไปด้วยกัน สามัคคีชุมนุมขนาดนี้ นี่จึงเป็นที่มาของฉายา “น้ำจิ้มร่วมสาบาน”
น้ำจิ้มเผ็ด ออกหวานนำ เผ็ดเล็กน้อย เด็กๆ กินได้สบาย เวลาจิ้มก็เอาลูกชิ้นลงไปควานหม้อกันแบบนี้เลย จิ้มได้เยอะสะใจ
โดยหลังจากกินเสร็จ ลูกค้าค่อยมานับไม้แล้วจ่ายเงินทีหลัง ส่วนคนที่อยากซื้อกลับไปกินที่บ้านสามารถสั่งลูกชิ้นรวมได้ด้วย ขั้นต่ำ 10 บาท ขึ้นไป จะมีน้ำจิ้มจากหม้อซึ่งถูกแยกไว้ต่างหากให้ ตรงนี้ยังเหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากจะกินน้ำจิ้มหม้อเดียวกับคนอื่น แต่อยากได้ฟิลยืนกินที่ร้าน ก็ตักน้ำจิ้มจากหม้อนั่นใส่ถุงร้อนมาถือไปจิ้มไปได้ อิ่มแล้วลุงสวนก็ใจดี มีน้ำแช่น้ำแข็งเย็นๆ ใส่กระติกไว้ให้ตักกินได้อีก
ภาพซ้าย – พี่ปู เครือวัลย์ ชูเนตร ลูกสาวคนเดียวของลุงสวนกำลังเตรียมตักในน้ำจิ้มในหม้อซึ่งแยกไว้ต่างหากใส่ถุงร้อน
ภาพบนขวา – ถุงน้ำจิ้มสำหรับคนซื้อกลับบ้านหรือคนที่ไม่อยากกินน้ำจิ้มร่วมกับคนอื่น เห็นปริมาณแล้วรู้เลยว่าไม่เคยหวงน้ำจิ้ม
ภาพล่างขวา – ก่อนกิน ก็เอาลูกชิ้นวางสะเด็ดน้ำมันที่ตะแกรงก่อน ใจร้อนหน่อยก็เคาะๆ เอาเลย
ใครที่อยากลองตามไปชิมนั้น บอกเลยว่าหาไม่ยาก เพราะลุงสวนแกขายประจำอยู่ 2 ที่เท่านั้น โดยทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 14.00 น. จะขายที่ปั๊มน้ำมันเก่า หน้าโรงเรียนปรินส์ (ติดโชว์รูมอิซูซุ) และตั้งแต่ 14.00 – 19.00 น. ขายที่หลังโรงเรียนปรินส์ (หน้าโรงเรียนนานาชาติเชียงใหม่) ซึ่งถ้าใครมาตามลายแทงนี้ รับรองเจอลุงสวนแน่นอน ให้สังเกตร้านพ่วงข้าง ที่ยืนขายกันอยู่ 2 คนพ่อลูก นั่นล่ะใช่เลย! แต่หากบางวันขายดีเป็นพิเศษ ของก็อาจจะหมดตั้งแต่ 17.00 น. และในวันเสาร์ – อาทิตย์นั้น ลุงสวนจะรับงานเหมาที่ 3,000 บาทขึ้นไป ส่วนใหญ่เป็นงานเลี้ยงรุ่น งานบุญและงานฉลองอื่นๆ บ้างประปราย
ส่วนพื้นเพเดิมนั้น ลุงสวนเป็นคนอุบลราชธานี แต่เพราะได้แฟนเป็นคนสันป่าข่อย เลยย้ายมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 แรกๆ ก็ขายไส้กรอกอีสาน แต่ไปๆ มาๆ ขายดีเกิ๊นนน เลยเปลี่ยนมาขายลูกชิ้นทอด ที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำจนสามารถมีบ้านและรถยนต์ได้ในปัจจุบัน ทว่าลุงสวนก็ยังคงภูมิใจที่จะใช้รถพ่วงข้างคู่ใจในการทำมาหากินเหมือนเดิม ด้านลูกค้าประจำนั้นก็เรียกว่าส่งไม้ต่อกันแบบรุ่นสู่รุ่น เคยกินลูกชิ้นร้านลุงมาตั้งแต่เรียนอนุบาลที่ปรินส์ จนกระทั่งตอนนี้มีลูกแล้ว เวลามาส่งลูกเรียนหนังสือ ก็ยังพากันมาอุดหนุนอีก
สำหรับน้ำจิ้มนั้นลุงสวนก็เคี่ยวเองด้วยไฟอ่อนๆ ทุกเย็น ครั้งละ 2 ชั่วโมง น้ำจิ้มเผ็ดทำเยอะหน่อย โดยเคี่ยวในกระทะใบบัว ขนาด 30 นิ้ว ที่ร้านปาท่องโก๋ใช้กันนั่นแหละ เอามาแบ่งใส่หม้อวันละ 4 หม้อ (หม้อขนาด 26 นิ้ว) ส่วนน้ำจิ้มหวานทำแค่หม้อเล็กหม้อเดียว ปกติน้ำจิ้มจะเหลือวันละครึ่งหม้อ ซึ่งทางร้านก็เททิ้งทั้งหมด “เพราะมันเจอสภาพอากาศข้างนอก เจอความร้อน และให้ลูกค้ากินมาทั้งวันแล้ว หากนำมาใช้ซ้ำก็ไม่ดีกับลูกค้า” พี่ปู เครือวัลย์ ชูเนตร ลูกสาวลุงสวนกล่าวไว้
งานนี้คนที่เป็นสาวกลูกชิ้นทอด ร้านลุงสวนมานาน คงรู้ดีว่านอกจากรสชาติลูกชิ้นทอด รสชาติของน้ำจิ้ม และบรรยากาศในการกินที่ทำให้คนติดใจแล้ว ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือความใส่ใจและน้ำใจที่มีให้ลูกค้านั่นเอง โดยเฉพาะวันที่ 2 ตุลาคมของทุกปีซึ่งเป็นวันเกิดลุงสวน ทางร้านจะให้ทุกคนกินลูกชิ้นฟรี ซึ่งคนที่มาร่วมสนุกส่วนใหญ่ก็เป็นลูกค้าขาประจำที่คุ้นเคยกันมานาน มายืนกินลูกชิ้นบ้าง มายืนคุยกันบ้าง แข่งกันว่าใครจะกินได้มากกว่าก็มี ไม่ต้องมีพิธีรีตองมากมาย และนี่เองจึงทำให้ลูกชิ้นทอดร้านนี้ยังครองใจคนมากมาย
ที่สุดของลุงสวน
– ขายมายาวนานสุดๆ รวมเวลาถึง 41 ปี
– ลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งทำสถิติกินมากที่สุด 40 ไม้ (ลูกชิ้นประมาณ 200 ลูก) เพราะตั้งใจมาทำลายสถิติเดิมที่ 37 ไม้โดยเฉพาะ
– ลูกค้าเคยมายืนกินพร้อมกันได้มากที่สุด ประมาณ 10 – 15 คน
– น้ำหนักรวมสูงที่สุดที่เคยขายได้ คือ ลูกชิ้นหมู 24 กิโลกรัม / วัน
– น้ำหนักรวมลูกชิ้นสูงสุดต่อวันคือ 63 กิโลกรัม
– วันที่คนมากินเยอะที่สุดคือ วันที่ 2 ตุลาคม ของทุกปี (เพราะลุงสวนแจกฟรี ทุกวันเกิด)
– รักเดียวใจเดียวที่สุด ใช้แค่พริกไร่ทิพย์ทำน้ำจิ้ม
– งานเหมาที่เคยไปไกลที่สุดคือ หางดง
– รอนานแล้วเหวี่ยงสุดๆ คีบเองได้เลยไม่ต้องรอ
- พิกัด : ปั๊มเก่าหน้ารร.ปรินส์ (ติดโชว์รูมอิซูซุ) และหลังโรงเรียนปรินส์ (หน้าโรงเรียนนานาชาติเชียงใหม่)
- เวลาเปิด – ปิด : วันจันทร์ – ศุกร์ 09.00 – 14.00 น. (ปั๊มเก่า) และ 14.00 – 19.00 น. (หลังรร.ปรินส์)
- เบอร์โทร : 081-7968412
- Facebook : ลุงสวนลูกชิ้นทอด