ดีงามพระรามแปดจริงๆนะ สำหรับพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย (contemporary art) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอย่าง “ใหม่เอี่ยม” เพราะนี่คือแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้สุดจี๊ด ณ โมเมนต์นี้เลยล่ะ
แค่ได้เห็นภาพของอาคารรูปทรงเรียบง่าย แต่เฉิดฉายด้วยแสงวิบวาวจากกระจกชิ้นเล็กๆ ทั่วทั้งอาคารก็รู้สึกได้แล้วว่าที่นี่ไม่ธรรมดา ไหนจะชื่อ MAIIAM ในภาษาอังกฤษ ที่ให้ความรู้สึกเท่เป็นพิเศษ เพราะอ่านไม่ว่าจะอ่านจากหน้าไปหลังหรือหลังไปหน้า ก็อ่านได้ว่าใหม่เอี่ยมเหมือนกัน (เลิศอ่ะ)
ที่สำคัญยังเป็นภาพสะท้อนของความชาญฉลาดในการเล่นคำ โดยเอาคำว่า “ใหม่” มาจากจังหวัดเชียงใหม่ และคำว่า “เอี่ยม” มาจากพระนามของเจ้าจอมมารดาเอี่ยม พระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นคุณย่าทวดของเจ้าของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มารวมเข้าด้วยกันจนเกิดกลายเป็นคำว่า “ใหม่เอี่ยม” ได้ในที่สุด
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจคุณฌอง มิเชล เบอร์เดอร์เลย์, คุณพัฒศรี บุนนาคและคุณเอริค บุนนาค บูทซ์ ที่จะแบ่งปันงานศิลปะที่ได้สะสมไว้เป็นคอลเลคชั่นส่วนตัวมากว่า 30 ปีให้คนทั่วไปได้ร่วมชื่นชมความงามและสัมผัสถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของศิลปะ ซึ่งอาจจะช่วยให้คนเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ต่อไป
รีวิวเชียงใหม่โชคดีมากที่ได้รับเกียรติให้พูดคุยกับคุณฌอง มิเชล เบอร์เดอร์เลย์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งใหม่เอี่ยม เขาเล่าให้ฟังว่า เชียงใหม่เป็นเมืองที่น่ารัก มีเสน่ห์ ทันสมัยแต่ก็แช่มช้าในขณะเดียวกัน เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปิน มีธรรมชาติงดงาม ซึ่งเหมาะสำหรับสร้างสรรค์งานศิลป์ รวมถึงเหมาะสำหรับการชื่นชมงานศิลปะด้วย เพราะอย่างนี้เชียงใหม่จึงเป็นหมุดหมายแรกๆในใจที่เขานึกถึงเมื่อคิดจะทำพิพิธภัณฑ์
สำหรับคนบ้านเราอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับการเข้าชมศิลปะเท่าไรเมื่อเทียบกับคนต่างชาติที่มีวัฒนธรรมอีกแบบ แต่คุณฌองบอกว่าจริงๆแล้วทุกอย่างคือศิลปะและเขาตั้งใจที่จะทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่เปิดกว้างรองรับศิลปะได้ทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นดนตรี ภาพยนตร์ แฟชั่น การจัดดอกไม้ การออกแบบ หรือแม้แต่ศิลปะพื้นบ้าน รวมถึงได้เป็นเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างผู้ผลิตงานศิลปะดีๆและนักสะสมงานศิลปะให้ได้มาพบเจอ แลกเปลี่ยน ส่งมอบคุณค่าให้แก่กันและกัน
โดยส่วนตัวเขาชื่นชอบและชื่นชมศิลปินไทยเก่งๆหลายท่าน ซึ่งหลายคนอาศัยอยู่ในเชียงใหม่ นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เชียงใหม่น่ารักสำหรับเขาเป็นพิเศษ ศิลปินไทยเก่งและมีความสามารถไม่แพ้ศิลปินต่างประเทศ หลายคนมีชื่อเสียงในระดับโลก แต่น่าเสียดายที่คนไทยด้วยกันเองกลับไม่ค่อยได้มีโอกาสชมผลงานดีๆแบบนั้นบ้าง นี่จึงเป็นโอกาสที่เขาจะได้แบ่งปันประสบการณ์ให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนทุกคนได้สัมผัสความรู้สึกเจ๋งๆแบบนั้นบ้าง
พิพิธภัณฑ์ใหม่เอี่ยมแบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็น 2 ส่วนหลัก ส่วนแรก คือพิพิธภัณฑ์ส่วนจัดแสดงหลักซึ่งงานจากคอลเลคชั่นสะสมของครอบครัว นำเสนอผลงานศิลปะร่วมสมัยของศิลปินชั้นนำหลายท่าน เช่น มณเฑียร บุญมา วสันต์ สิทธิเขต ชาติชาย ปุยเปีย รวมถึงศิลปินรุ่นใหม่อย่าง คามิน เลิศชัยประเสริฐ นาวิน ลาวัณย์ชัยกุล ยุรี เกนสาคู ฯลฯ ซึ่งในอนาคตก็จะมีเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง อาทิ คอลเลคชั่นเสื้อผ้าจากดีไซเนอร์ชื่อดังที่เป็นของสะสมของคุณพัฒศรี บุนนาคด้วย
ส่วนที่สอง คือ พิพิธภัณฑ์หมุนเวียน ซึ่งนิทรรศการเปิดตัวอันแรกที่ใหม่เอี่ยมเลือกมานำเสนอคือ นิทรรศการ “คนกินแสง” (The Serenity of Madness) โดย เจ้ย อภิชาติพงศ์ วีรเศรษฐกุล ผู้กำกับภาพยนตร์คนไทยที่กวาดรางวัลใหญ่ๆระดับโลกมาแล้วหลายรายการ ความดังของคุณเจ้ยนี่เป็นเรื่องน่าตื่นตะลึงมาก เพราะลำพังแค่วันเปิดงาน มีนักท่องเที่ยวหลายคน “ตั้งใจ” บินมาเชียงใหม่เพื่อดูงานของเขาโดยเฉพาะ แม้แต่วันที่เชียงใหม่รีวิวเข้าไปเยี่ยมชม ก็ยังพบกลุ่มคนเหล่านี้จากหลายประเทศที่เดินทางมาเพราะชื่นชมงานของอภิชาติพงศ์จริงๆ สุดยอดไปเลยอ่ะ
นิทรรศการในส่วนนี้ประกอบไปผลงานของคุณเจ้ยเกือบ 20 ชิ้น ที่ช่วยเผยให้เห็นอีกมุมหนึ่งของความคิดที่ผู้คนไม่เคยได้รับรู้มาก่อน หลายอย่างเป็นของที่หาดูได้ยากยิ่ง อย่างเช่น หนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน ภาพถ่ายจากภาพยนตร์เรื่องต่างๆ ตัวอย่างบทหนังทั้งภาพร่างแนวคิดครั้งๆแรกและสคริปท์ที่ใช้ถ่ายทำจริง (shooting script) จากเรื่องดอกฟ้าในมือมาร สุดเสน่หา ลุงบุญมีระลึกชาติ รวมถึงหนังสั้นที่เป็นผลงานทดลองชิ้นแรกๆ และหนังสั้นที่ผลิตร่วมกับศิลปินท่านอื่นๆ ซึ่งในนิทรรศการนี้จะมีหนังสั้น 4 โปรแกรมที่จัดฉายตลอดให้ชมตลอดช่วงเวลาแสดงงาน (กค.-กย. 2559) คนที่สนใจเรื่องภาพยนตร์หรือนักศึกษาที่กำลังเรียนรู้เรื่องนี้อยู่ แค่ได้ชมนิทรรศการในโซนนี้จบก็เรียกว่าได้ว่าคุ้มสุดๆ แล้ว
กิมมิคที่น่าตื่นตะลึงของนิทรรศการคนกินแสงอยู่ที่ภาพถ่ายขนาดใหญ่เกือบเท่าตึกสามชั้น ที่แฝงปริศนาชวนคิดชวนตั้งคำถามว่าศิลปินอยากจะพาเราไปสู่ความคิดแบบไหน ถ้าอยากจะรู้ว่าเป็นอย่างไรก็ต้องไปชมกันให้ได้ด้วยตาของตัวเองนะ มันเจ๋งมาก
เดินออกจากโซนศิลปะมายังพื้นที่ด้านหน้า จะมีร้านขายของที่จำหน่ายหนังสือศิลปะต่างๆ ของที่ระลึกต่างๆ เช่น เสื้อยืดสกรีนจาก wood cutting ที่ทำมือทุกขั้นตอน กระเป๋าของใช้ ถุงผ้าแบรนด์ใหม่เอี่ยมและที่น่าสนใจสุดๆคือผ้าพันคอไหมลายสวยสีสัดจัดจ้านที่ถูกนำมาดัดแปลงจากผลงานของเด็กบ้านเมตตาให้กลายเป็นของที่ระลึกที่เพิ่มมูลค่าได้อย่างมหาศาลและผลงานการออกแบบแก้วชา จานรองแก้ว กาน้ำชา ถาดรอง ซึ่งคุณฌอง มิเชล เบอร์เดอร์เลย์ ออกแบบด้วยตัวเอง เป็นผลงานที่เท่ เรียบหรูและน่าสะสมอย่างยิ่ง
อีกโซนที่ไม่อยากให้พลาดคือร้านอาหารกำแพงแก้ว จำหน่ายกาแฟ เครื่องดื่มและอาหารไทยแสนอร่อย หลายเมนูเป็นอาหารที่หากินได้ยาก อย่างเช่น ม้าห้อ ปลาแห้งแตงโม รวมถึงอาหารไทยแบบฟิวชั่น เมนูที่ไม่อยากให้พลาด ได้แก่ พล่าแซลมอน, เมี่ยงทูน่า, สลัดเป็ดกรอบ รวมถึงเมนูอาหารไทยอีกหลากหลาย เช่น ทอดมันปู ปลาทอดราดซอสมะขาม ฯลฯ การันตีความอร่อยได้แบบไม่ต้องกังขาเพราะอาหารทั้งหมดนั้นสร้างสรรค์โดยเชฟตูตู เจ้าของร้าน Food for You ร้านอาหารโฮมเมดแสนอร่อย เพราะอาหารอร่อยก็คือศิลปะอีกแขนงที่เราจะชื่นชมได้อย่างมีความสุขสุดๆ เช่นกัน
พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยใหม่เอี่ยม (MAIIAM)
- ออกแบบโดย : รชพร ชูช่วย สถาปนิกจากบริษัท AllZone
- ภัณฑารักษ์ : กฤติยา กาวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝายศิลปะหอศิลป์จิม ทอมป์สัน
- ที่ตั้ง : อยู่บนถนนสันกำแพง เยื้องกับสยามศิลาดล
- เวลาเปิด-ปิด : เวลา 10.00 น. -18.00 น. ปิดทุกวันอังคาร
- ค่าบริการ : ค่าเช้าชมครั้งละ 150 บาท หรือ สมัครสมาชิก ปีละ 1,500 บาท เข้าได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งและรับสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก
- Link : MAIIAM Contemporary Art
ร้านอาหารกำแพงแก้ว
- ที่ตั้ง : ส่วนหน้าของพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยใหม่เอี่ยม
- เวลาเปิด-ปิด : กาแฟ เครื่องดื่ม บริการตั้งแต่ 10.00 น.-21.00 น. อาหารต่างๆบริการตั้งแต่ 11.00 น.-21.00 น. ปิดทุกวันอังคาร