วาร์ปจากเชียงใหม่ไปแอ่ว “น่าน” หน้าฝน
ทริปนี้ถึงฝนพรำแต่ใจยังสู้!!
หยิบกล้องพร้อมถ่ายรูป
มองไปทางไหนก็เจอแต่ความเขียวขจี อากาศดีๆ มีให้สูดกันฟรีที่ “น่าน”
แอ่ววัดโบราณที่มีประวัติเก่าแก่ยาวนาน
แวะกระซิบรักกับภาพจิตรกรรมฝาผนังอันโด่งดัง
ชิมข้าวหลามเมืองน่าน หอบกลับไปฝากคนที่เชียงใหม่ซักสี่ห้ากระบอก
ปั่นจักรยานยามเช้าที่เชียงกลาง ชมวิวท้องทุ่งสีเขียวที่สะพานสายรุ้ง รุ่งกสิกรรม
เช็คอินชิคๆ ที่ร้านกาแฟชื่อดังก่อนกลับเชียงใหม่
“น่าน” จังหวัดที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และเส้นทางการท่องเที่ยวมากมาย โดยเฉพาะเส้นทางการท่องเที่ยวสำหรับนักปั่น ไม่ว่าจะเป็น เส้นทางพิสูจน์น่องที่ปัว-บ่อเกลือ เส้นทางล่องน่านที่เวียงสา เป็นต้น สายเที่ยวทั้งหลายสามารถดูเส้นทางและข้อมูลการท่องเที่ยวจังหวัดน่านและแพร่ได้ผ่าน แอพพลิเคชั่น >> Go2PhraeNan นอกจากนี้ในแอพพลิเคชั่นยังมีสิทธิพิเศษ โปรโมชั่นต่างๆ มากมาย
#เชียงใหม่ไปน่าน #ทททเชียงใหม่ #เที่ยวไทย #reviewchiangmai #รีวิวเชียงใหม่ #รีวิวน่าน
ทริปนี้เราถ่ายรูปและวิดีโอจาก Iphone6s และ GoPro Hero 5
ทริปนี้เราใช้เวลาเที่ยวที่น่าน 2 วัน 2 คืน ไปดูกันว่า “น่าน” หน้าฝนจะน่าเที่ยวขนาดไหน….
มีคนบอกว่า “ถ้าใครได้มาที่นี่แล้ว จะได้กลับมาอีก” จริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ ถ้ามีโอกาสเราจะกลับมาอีกแน่นอน
ที่นี่คือ “วัดพระธาตุเขาน้อย” องค์พระธาตุตั้งอยู่บนยอดดอยเขาน้อย เราสามารถเห็นวิวเมืองน่านได้โดยรอบ วิวยามเช้าในฤดูฝนอากาศเย็นสบาย มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเขียว
ก่อนจะเราจะตื่นเช้ามาชมวิวเมืองน่านที่วัดพระธาตุเขาน้อย เราพักกันที่ “น่านกรีนเลควิว รีสอร์ท” รีสอร์ทที่เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน ที่ห้องพักหลายแบบให้เลือก และมีบ้านพักอยู่รอบทะเลสาบขนาดใหญ่มีภูเขาล้อมรอบ เหมาะกับการตื่นเช้ามาชมวิวสวยๆ ของทะเลสาบ
อาหารเป็นขันโตกแบบล้านนา น้ำพริกหนุ่ม ลาบคั่ว ไส้อั่ว แนะนำ “ไก่มะแขว่น” เมนูพื้นบ้านของจังหวัดน่าน กรอบนอกนุ่มใน หอมสมุนไพร มีรสเผ็ดนิดๆ
จุดที่ต้องแวะเมื่อมาเยือนเมืองน่านคือ “วัดภูมินทร์” ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร มีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันโด่งดัง “กระซิบรักบันลือโลก” เป็นภาพปู่ม่าน ย่าม่าน (คำเรียกผู้หญิงผู้ชายชาวไทลื้อสมัยโบราณ) กระซิบสนธนากัน วาดโดยหนานบัวผัน สล่าชาวไทลื้อ ตอนแรกเรานึกว่าที่แห่งนี้จะมีแต่ภาพปู่ม่าน ย่าม่านเท่านั้น แท้จริงแล้วยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพอื่นๆ ที่สวยงามและบอกเล่าถึงเรื่องราว วิถีชีวิตของคนในอดีตอีกด้วย
“คำฮักน้อง กูปี้จักเอาไว้ในน้ำก็กลัวหนาว
จักเอาไว้พื้นอากาศกลางหาว ก็กลัวหมอกเหมยซอนดาวลงมาคะลุม
จักเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม ก็กลัวเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป
ก็เลยเอาไว้ในอกในใจตัวชายปี้นี้ จักหื้อมันไห้อะฮิอะฮี้
ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเววา…”
คำแปลภาษาไทย
”ความรักของพี่จะเอาฝากไว้ในน้ำก็กลัวมันเหน็บหนาว
จะฝากไว้กับท้องฟ้า อากาศ กลางหาวก็กลัวเมฆหมอกมาขลุ้ม
จะเอาฝากไว้ในข่วง ในคุ้ม ก็กลัวเจ้ากลัวนายมาเจอะเจอแย่งรักของพี่ไป
ก็เลยเอาฝากไว้ในอกในใจขอตัวพี่ให้มันร่ำให้อะฮิ อะฮี้
ถึงน้องทุกยามสะดุ้งตื่นเววา”
(อาจารย์ สมเจตน์ วิมลเกษม ปราชญ์เมืองน่าน)
ถนนด้านหน้าวัดภูมินทร์
ซุ้มลีลาวดี จุดเช็คอินที่ใครมาก็ต้องแวะ ถึงแม้จะมีแต่กิ่งเพราะดอกลีลาวดีล่วงบนพื้น แต่ก็ยังสวยงาม เหมาะแก่การถ่ายรูปมากๆ
เซเว่นเมืองน่านน่ารัก
เราเดินทางไปที่ตึกรังษีเกษม หอประวัติศาสตร์ โรงเรียนน่านคริสเตียนศึกษา ที่นี่มีกิจกรรม “นุ่งซิ่น จิบชา” ฟังเรื่องเล่าประวัติศาสตร์เมืองน่าน เดินชมความงามของตึกรังษีเกษมที่ยังอนุรักษ์เค้าเดิมไว้มากที่สุดแห่งหนึ่งของไทย ในอดีตเป็นตึกเรียน ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่ยังเก็บข้าวของเครื่องใช้ในอดีตไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา
ภายในมีการจัดห้องไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอีกด้วย
ช่วงบ่ายเราเดินทางมาที่หอศิลป์ริมน่าน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน ห่างจากตัวเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร หอศิลป์แห่งนี้เป็นแหล่งรวมงานศิลปะของศิลปินชาวน่านและจัดแสดงงานศิลปะของศิลปินท่านอื่นๆ อีกมากมาย ก่อตั้งโดยคุณวินัย ปราบริปู ศิลปินชาวน่านชื่อดังที่รักงานศิลปะ
.
ภายในหอศิลป์ร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ นอกจากนี้ยังมีร้านกาแฟเล็กๆ ริมน้ำน่านให้ได้นั่งพักผ่อนอีกด้วย จุดที่ใครมาแล้วต้องไปชมคือห้องเก็บสะสมภาพถ่ายจากภาพจิตรกรรมฝาผนังตามมุมต่างๆ ในวัด จ.น่าน และนำมาให้นักท่องเที่ยวได้ชมในระดับสายตา แต่ละภาพมีความหมายและเรื่องเล่าแตกต่างกันออกไป
จากนั้นเราออกเดินทางไปที่วัดหนองบัว อ.ท่าวังผา ชมความงามของวิหารไทลื้อและจิตรกรรมฝาผนังชาวไทลื้อ ฝีมือของหนานบัวผัน คนเดียวกับที่วาดภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดภูมินทร์ ด้านหลังวัดยังมีบ้านไทลื้อที่จัดแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทลื้ออีกด้วย
ภาพจิตรกรรมภายในวัดสะท้อนให้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในอดีต โดยเฉพาะการแต่งกายของผู้หญิงที่นุ่งซิ่นตีนจกสวยงาม
วัดศรีมงคล (ก๋ง) ตั้งอยู่ใน อ.ท่าวังผา เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งในจังหวัดน่าน ด้านหลังวัดมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ลงไปเดินถ่ายรูปชมวิวทิวเขาดอยภูคา
อากาศดี หอมกลิ่นดินมากๆ
สายกินตามเรามา ใครมาน่านต้องได้กินอาหารขึ้นชื่อของจังหวัด “ข้าวหลาม” นั่นเองงง วันนี้เรามาที่บ้านป้าเพ็ญ แหล่งผลิตและจำหน่ายข้าวหลามหลากรสชาติได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดข้าวหลามอีกด้วย ข้าวหลามป้าเพ็ญมีความยาวขึ้น 80 ซม. รูปร่างคล้ายหลอดไฟนีออน เลยมีคนเรียกว่า “ข้าวหลามแจ้ง” ข้าวหลามป้าเพ็ญมีทั้งไส้ทุเรียน มะพร้าวอ่อน ถั่วดำบด สังขยาไข่ใบเตยและอีกมากมาย ใครอยากกินต้องมาซื้อที่นี่เท่านั้น รับรองว่าได้ข้าวหลามที่ทำสดใหม่ หอมหวาน ไปกินแน่นอน
วันนี้เราพักกันที่แสงทอง รีสอร์ท อ.เชียงกลาง รีสอร์ทที่ด้านหลังมีวิวท้องทุ่งนาให้ดูแบบ 180 องศา จุดนั่งกินข้าวคืออากาศดีมากก วิวก็ดีมากเช่นกัน ถึงแม้จะเป็นรีสอร์ทแต่ถ้าใครจะแวะมากินข้าวกินกาแฟเฉยๆ ก็ได้นะ
วิวทุ่งนายามเย็น ถ้าเป็นช่วงเกี่ยวข้าว ทางรีสอร์ทมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวสามารถลงไปเกี่ยวข้าวได้ด้วยนะ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย เช่น กิจกรรมปั่นจักรยานยามเช้า เป็นต้น
เช้านี้เราตื่นมาปั่นจักรยานกัน ลัดเลาะผ่านทุ่งนา บ้านเรือน ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตรก็ถึงจุดหมายปลายทาง “สะพานสายรุ้ง รุ่งกสิกรรม” บ้านเชียงโคม สะพานข้ามแม่น้ำสบกอน แม่น้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตของคนที่นี่
กิจกรรมปั่นจักรยานยามเช้า เรียกเหงื่อได้ดีมาก อากาศสดชื่น เย็นสบาย แถมยังได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม หาดูได้ยากในเมืองใหญ่
เราปั่นจักรยานลัดเลาะไปตามทุ่งนา วิวตรงไหนสวยก็แวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน
กิจกรรมของทางรีสอร์ทยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ทางรีสอร์ทยังพาเรามาที่วัดไทลื้ออายุกว่า 200 ปี “วัดหนองแดง” สร้างโดยช่างชาวไทลื้อจากแคว้นสิบสองปันนา ชมความงามของโบราณสถานวิหารไทลื้อที่หาชมได้ยาก นอกจากนี้ยังได้ร่วมพิธีการสืบชะตาวิถีไทลื้ออีกด้วย
พระบัวเข็ม องค์พระประธานตั้งอยู่บนฐานชุกชี (ฐานปูนสำหรับประดิษฐานพระประธาน) ที่พันรอบด้วยพญานาค เรียกว่า นาคบัลลังค์ ตามความเชื่อที่ว่านาคเป็นอารักษ์แห่งพุทธศาสนา
ถ่ายรูปเช็คอินที่ “สนามบินเหล็ก” รันเวย์เหล็กเก่าแก่ที่เชียงกลาง สร้างขึ้นเมื่อ 50 ปีก่อน เพื่อลำเลียงยุทธปัจจัยในการสู้รบช่วงสงคราม
ฝีมือการทำเครื่องประดับของคนน่านนั้นเรียกได้ว่ามีความเชี่ยวชาญมากเพราะเป็นงานฝีมือที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ “ดอยซิลเวอร์แฟคตอรี่” ศูนย์หัตถกรรมเครื่องประดับเงินด้วยประสบการณ์ด้านเครื่องเงินกว่า 70 ปี มีช่างฝีมือมากกว่า 200 คน ทำให้เราได้เห็นการทำเครื่องเงินที่ปราณีตสวยงาม
ก่อนกลับเชียงใหม่ เราแวะถ่ายรูปเช็คอินกินกาแฟที่ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ อ.ปัว ร้านกาแฟเล็กๆ แต่มีสะพานให้เดินวนเป็นวงกลมจะถ่ายรูปได้ทุกมุมอ่ะ มีน้องควาย น้องแพะด้วย ภายในร้านมีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณด้วย
มีกระต๊อบเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วทุกมุมร้าน ใครอยากนั่งตรงไหนก็เลือกเลย เป็นส่วนตัวแถมอากาศเย็นสบาย นั่งไปนานๆ ต้องหลับแน่ๆ
หลังจากชาร์จแบตให้ร่างกายเต็มที่แล้วก็ได้เวลากลับเชียงใหม่ คราวหน้าเราจะพาไปจังหวัดที่อยู่ใกล้กับน่านนี่แหละ ขอบอกว่าเป็นจังหวัดเล็กๆ ที่เงียบสงบ แต่ทำให้เราตกหลุมรักได้ไม่ยาก…
[wpgmza id=”615″]
