ร้านรสจัด คงไม่ต้องบรรยายว่าเชียงใหม่ตอนนี้ร้อนแค่ไหน แต่เอาเป็นว่าลองเอากระเทียมพริกไทยทาตัวแล้วออกไปยืนตากแดดนอกบ้านราวๆ ห้านาทีจะได้กลิ่นหอมๆของเนื้อมนุษย์หมักกระเทียมพริกไทยย่างหอมๆ โชยขึ้นมาทันที เปล่า … เรายังไม่คิดแนะนำสูตรอร่อยสไตล์ซาดิสต์แบบนั้น เพราะมันดูจะคัลท์เกินไป เอาเป็นว่าขณะที่ใครต่อใครพากันแนะนำให้ไปหาอะไรเย็นๆมากินคลายร้อน ตามตำรับนั้นตำรับนี้ ซึ่งเราคิดว่ามันธรรมดาเเละปกติเกินไป เราจึงอยากแนะนำอะไรอร่อยๆที่เผ็ดร้อนถึงเครื่องถึงใจ เอาไว้ให้เลือกไปชิมกันท้าทายอากาศ เพราะเราคิดว่าไหนๆก็ต้านมันไม่ได้แล้ว ก็หาอะไรอร่อยๆกินให้มันเผ็ดร้อนกันตามอากาศไปเลยแล้วกัน 7 ร้านรสจัด ชอบกินเผ็ด ขอท้าประลอง “อร่อยเด็ดเผ็ดร้อนทะลุแดด”
1. ร้อนถูกจุด
– ฮัท มาม่าปากระเบิด
- พิกัด: วงเวียนสันติธรรม เชียงใหม่
- เวลา เปิด-ปิด: 16.00 – 01.00 น.
บรรยากาศหน้าร้านตกแต่งด้วยหลักกิโลขนาดใหญ่ยักษ์ จุดสังเกตุที่เด่นชัด
อันนี้แค่ชื่อร้านก็คงไม่ต้องอธิบายมาก เพราะเขาคงไม่ขายน้ำแข็งใสหรือของหวานประเภททองหยิบทองหยอดแน่นอน คุณฮัทเจ้าของร้านบอกว่า เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาจากการที่ใครต่อใครก็นิยมทานมาม่า ทั้งไปทำเป็นยำหรือต้มยำ คุณฮัทจึงคิดสูตรพริกเผาแบบครบรสเผ็ดร้อนกันให้ถึงทรวง ไต่ระดับกันตามชั้นการศึกษา ตั้งแต่อนุบาลไปจนมหาวิทยาลัย ที่เป็นอันดับความเผ็ดของมาม่าในร้าน และยังมีสูตรเด็ดประเภทสำเร็จการศึกษาที่อาจถึงขั้นปากระเบิดตามสโลแกนของร้าน
ยำมาม่ารสแซ่บ ราคา 35- 45 บาท
มาม่าต้มพร้อมเครื่องเคราและพริกเผาสูตรเด็ดที่ต้องกินคู่กับผักกวางตุ้ง
ความเผ็ดร้อนของร้านนี้สามารถดับได้ด้วยชาเย็น ราคาแก้วละ 15 บาท หรือน้ำดื่มฟรีที่ทางร้านเตรียมไว้บริการ
2. เผ็ดกลมกล่อม
– กะเพราสำหรับคนชอบเผ็ด
- พิกัด: อยู่ระหว่างทางจาก รพ.เทพปัญญาไปกาดรวมโชค
- เวลา เปิด-ปิด: 10.00-13.00 น. /16.30-21.30 น.
บรรยากาศหน้าร้าน ป้ายชื่อร้านที่แสนท้าทาย
แค่ชื่อร้านก็ท้าทายคนชอบความเผ็ดร้อนได้เข้าท่าแล้ว รสชาติของที่นี่ก็ยิ่งเข้าท่าเข้าไปใหญ่ ด้วยสูตรผัดกะเพราแบบทีเด็ดเคล็ดลับไม่เหมือนที่อื่น เพื่อให้เกิดความหอมกลมกล่อม ซึ่งเป็นสูตรที่ทำให้กะเพราของที่นี่เข้มข้นลงตัว ไม่ใช่สักแต่ผัดๆเป็นผัดสิ้นคิดเหมือนที่อื่น หรือกระทั่งการปรุงน้ำปลาพริกที่สุดพิถีพิถันของที่นี่ก็ขนาดที่ว่ารายการอาหารของอังกฤษยังต้องมาถ่ายทำการผัดกะเพรากันถึงที่ร้าน
ส่วนเรื่องของระดับความเผ็ดร้อนนั้นไม่ถึงกับปากพองลิ้นไหม้ แต่ก็ร้อนด้วยพริกคัดพิเศษโขลกกับกระเทียมและใบกะเพราที่เผ็ดร้อนได้รสกะเพราจริงๆ เรียกเหงื่อกันโทรมกายกันได้ไม่น้อย
ผัดกะเพรารวมมิตร จานนี้ราคา 80 บาท
เมนูผัด ฉ่า ต้มยำ ไข่ตุ๋น ข้าวผัดกะเพราเนื้อ
ระดับความเผ็ดร้อนของร้านนี้ดับได้ด้วยน้ำเย็นฟรีที่มีบริการ หรืออาจจะสั่งแกงจืดซักชามมาซดแก้เผ็ดได้
3. เผ็ดร้อนสูตรหม้อไฟสไตล์เกาหลี
– ‘ทูดาริ‘
- พิกัด: ชั้น4 ห้างเมญ่า เชียงใหม่
- วันเวลาเปิด-ปิด: 10.00 – 22.00 น.
บรรยากาศหน้าร้านอาหารร้อนๆ ในบรรยากาศเย็นฉ่ำ
หลายคนคงจะเถียงคอขึ้นเอ็นว่าอาหารเกาหลีเผ็ดตรงไหน? หึหึหึ ถ้าใครพูดแบบนั้นแสดงว่ายังไม่รู้รสความเผ็ดแบบพริกหมักดองของเกาหลีซะแล้ว เอาแค่พริกที่ดองคู่กับกิมจิเวลาเอาทำหม้อไฟลักษณะคล้ายแกงกิมจิที่เขาใส่ในหม้อร้อนเพื่อใช้ทั้งความเผ็ดร้อนมาบรรเทาความหนาวกันได้ก็ลองคิดดูแล้วกันว่า ถ้าเอาไอ้ความเผ็ดร้อนแบบนั้นมากินตอนอากาศร้อนกว่า 40 องศาของเชียงใหม่บ้านเราจะถึงใจแค่ไหน
ชุดหม้อไฟ “สเปเชี่ยลพรีเมี่ยมต็อกป๊อกกิ” (ชุดนี้เผ็ดกลาง ราคา 439 บาท )
“ชุดหม้อไฟต๊อกป๊อกกิ” เป็นชุดหม้อไฟร้อนๆ ที่เดือดพล่านอยู่ตรงหน้า ซึ่งประกอบไปด้วยมาม่าเกาหลี เต้าหู้ปลา ไข่ กิมจิ และอื่นๆ แต่ที่พิเศษสุดๆ คือต็อกป๊อกกิ เป็นแป้งเส้นที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวเสิร์ฟพร้อมน้ำซุปร้อนๆ ให้รสชาติหม้อไฟที่สามารถเลือกระดับความเผ็ดของน้ำพริกสูตรเกาหลีได้สามระดับหรือจะเสริมด้วยพริกขี้หนูที่ลอยหน้าอยู่ด้วยก็เรียกความซี๊ดซ๊าดได้ไม่เบา ยิ่งนั่งอยู่ตรงหน้าหม้อร้อนๆซดของเผ็ดกันซี๊ดซ๊าดได้อารมณ์สะใจทลายโลกอยู่ไม่น้อย
ระดับความเผ็ดร้อนของหม้อนี้สามารถระงับได้ด้วยของหวานหลากรสชาติในร้าน อาทิ “เรนโบว์ โยเกิร์ต” หรือ “กรีนทีลาเต้” น้ำแข็งใสพร้อมสไตล์การปรุงแต่งเฉพาะตัวด้วยท้อปปิ้งถั่วแดง ไอศครีมและโมจิ ราดชุ่มๆด้วยซอสชาเขียวและนม รสชาติหวานมันไม่ธรรมดาทีเดียว
4. เผ็ดร้อนอย่างมีสไตล์
– POINT CAFE
- พิกัด: เข้าทางซอยโรงแรมปางสวรรค์ ใกล้กับโชว์รูมโตโยต้าเจ็ดยอด
- วันเวลาเปิด-ปิด: 7:00 – 22:00 น.
บรรยากาศหน้าร้านที่ดูไม่น่าเผ็ดร้อน
ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกที่มีบรรยากาศแบบร้านกาแฟกึ่งร้านอาหารของแมททิว ลิน สถาปนิกชาวสิงคโปร์ ซึ่งน่าจะใช้เป็นที่นั่งคุยกันแบบเพลินๆ แต่ใครจะไปคาดคิดว่าที่นี่มีเมนูประเภทเผ็ดร้อนจนต้องซี๊ดซ๊าดอยู่สองจานด้วยกัน
จานแรกเป็นอาหารทานเล่นแบบเรียกน้ำย่อยชื่อ ข้าวเกรียบ-ซอสต้มยำกุ้ง ที่กินแล้วอาจต้องเป่าปากด้วยความเผ็ดร้อนแบบครบเครื่อง เพราะซอสต้มยำนั้นเผ็ดเข้มข้นกว่าต้มยำน้ำใสที่เราคุ้นเคยพร้อมแนมมาด้วยกุ้งตัวโตๆ เสียบไม้วางเคียงกันมา
ข้าวเกรียบ-ซอสต้มยำ ราคา 105 บาท
ส่วนอีกจานสปาเก็ตตี้หมึกดำซอสขมิ้น เป็นอาหารจานเดียวที่ตอนแรกคิดว่าหน้าตาน่าจะเลี่ยนมากกว่าเผ็ด แต่รสชาติกลับตรงกันข้ามเพราะเป็นสปาเก็ตตี้เส้นดำที่ผัดคลุกเคล้ากับเครื่องแกงและขมิ้นที่โขลกกันแบบไทยๆ มีเครื่องเทศและรสชาติเผ็ดร้อนไม่ต่างจากเครื่องแกงใต้ที่หนักขมิ้นจนลิ้นสัมผัสรสเครื่องเทศกันแบบถึงใจ ผิดความคาดหมายสำหรับคนที่กลัวเลี่ยนแต่ถึงขั้นฟินสุดๆสำหรับคนที่ชอบความเผ็ดร้อนแบบถึงอกถึงใจ
- สปาเก็ตตี้หมึกดำซอสขมิ้น จานนี้ราคา 140 บาท
- ระดับความเผ็ดร้อนของร้านนี้ สามารถดับได้ด้วย สมูทตี้ราสเบอร์รี่และกีวี่ กลมกล่อมชื่นใจ ราคา 80 บาท
5. เผ็ดลุยแหลก
– บ้านก๋วยเตี๋ยวชัก ธงดู๋ดี๋ (สูตรมะนาว)
- พิกัด: ตรงข้าม อบต.สุเทพ ถนนรอบเมืองเชียงใหม่
- วันเวลาเปิด-ปิด: 8.30 – 17.00 น.
บรรยากาศร้านที่รอท้าทายความเผ็ดอันแสบสันต์
ได้ชื่อว่าเป็นตำนานความแซ่บแสบสะท้านทรวงมาตั้งแต่สมัยเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวสูตรแนวแถวสยามสแควร์ ว่ากันว่าเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวที่บรรดานักร้องและคนดังนิยมไปกินกันมากที่สุด ด้วยรสชาติความจี๊ดจ๊าดของต้มยำมะนาวสดและสูตรความเผ็ดที่มีลูกเล่นให้เลือกสรรกันหลากหลาย อาทิแสบภูธร แสบนครบาล แสบตชด. สกายแล็บ เรียกได้ว่าแค่อันดับความเผ็ดก็บอกสรรพคุณแล้ว ชื่อเมนูก๋วยเตี๋ยวก็เก๋ไม่แพ้กัน อาทิ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำลุยแหลกไปจนถึงอันดับความเผ็ดแบบบ้าระห่ำตามสไตล์ดาราดังยุค 70 : ซิลเวสเตอร์ สตาร์โลน ในบทบาทสุดระห่ำจนกลายเป็นระดับเผ็ดจัดจ้านที่สุดคือ ‘แรมโบ้’ นั่นเอง
ต้มยำลุยแหลก 40 บาท เปรี้ยวของมะนาวและเผ็ดสะท้านทรวง
ดีกรีความเผ็ดของร้านนี้อาจดับได้ด้วยน้ำดื่มและน้ำอัดลมตามที่มีบริการในร้าน แต่ดับยังไก็ไม่หายหรอกเผ็ดเป็นตำนานระดับนี้พอหายเผ็ดคุณก็อยากไปกินใหม่อีกครั้งและอีกครั้งอยู่ร่ำไป
6. เเซบเด็ดและเผ็ดอย่างมีจุดยืน
– ต้มยำซุปเปอร์ (รสเจ็บ)
- พิกัด: ด้านหลังมช. .ใกล้กับทางออกประตูคณะศึกษาศาสตร์
- วันเวลาเปิด-ปิด: 16.30 – 22.00 น. (หรือปิดก่อนหากของหมด)
“คุณฮอลล์” กับแผงต้มซุปเปอร์แซ่บแบบมีจุดยืน
ถึงคุณฮอลล์จะบอกว่าต้มซุปเปอร์ของเขาจะเหมาะและขายดีในหน้าหนาวมากกว่า แต่ในหน้าร้อนระยับขนาดนี้ก็ยังมีแฟนคลับมานั่งแทะตีนไก่เปื่อยๆและซดน้ำซุปสูตรเผ็ดแซ่บครบเครื่องกันอยู่ไม่หยุดหย่อน ชนิดที่ว่าเก้าอี้ไม่มีว่างกันเลย คือโต๊ะนั้นลุก โต๊ะนี้เข้า ราวกับกำลังเล่นเก้าอี้ดนตรีกันทีเดียว ทั้งที่อากาศร้อนขนาดนี้ ถ้าไม่แน่จริงคงไม่มีคนมาเข้าคิวท้าทายตีนไก่ สูตรของที่นี่มีดีอยู่ที่การต้มจนเปื่อยยุ่ย เรียกว่าเอ็นนี่นุ่มออกมาเป็นวุ้นกันเลย แถมเวลาปรุงยังเติมมะนาวจนเปรี้ยวยั่วน้ำลาย และมีทีเด็ดอยู่ที่พริกแห้งคั่วที่เจ้าตัวไม่ยอมเปิดเผยสูตร แต่ชิมแล้วบอกได้คำเดียวว่าแซ่บเผ็ดร้อนถึงใจ ร้านนี้มีของเด็ดอยู่สามอย่างคือ ตีนไก่ กระดุกหมูซุปเปอร์ ประเภทน้ำข้นหรือน้ำใส เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวสวยและปืกไก่ทอดเกลือเอาไว้ให้แทะกันพอเพลินๆ
- ซุปเปอร์ตีนไก่น้ำใสแต่แซ่บจี๊ด ชามละ 40 บาท
- กระดูกหมูซุปเปอร์น้ำข้นเหมาะทานกับข้าวสวยเป็นอย่างยิ่ง ราคา 40 บาท
- ระดับความเผ็ดของร้านนี้อยู่ที่พริกแห้งคั่วหอมๆและรสเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดของน้ำต้มยำร้อนๆ และสามารถดับความเผ็ดร้อนได้ด้วยน้ำเย็นที่ทางร้านเตรียมไว้ให้บริการฟรี
7. เผ็ดและเร่าร้อนแบบละตินไทยสไตล์
– อาหารปักษ์ใต้พัทลุง
- พิกัด: ถนนเลียบคันคลองชลประทาน ก่อนถึงแยก Fine Thank
- วันเวลาเปิด – ปิด: 08.00 – 18.00 น. ทุกวัน
ว่ากันประสาคออาหารสายเผ็ดร้อนระดับฮาร์ดคอร์ ในสี่ภาคของประเทศเราไม่มีอาหารภาคไหนที่จะเร่าร้อนละลายปลายลิ้นได้เท่ากับอาหารใต้อีกแล้ว อาจเพราะภาคใต้นั้นอากาศเย็นฉ่ำรับลมทะเล รสชาติอาหารจึงต้องเน้นเผ็ดร้อนพอให้เหงื่อซึมๆกันแก้เซ็ง อันนี้ไม่มีใครว่าหรอก แต่เราว่าของเราเองนี่แหละ เพราะอาหารใต้นั้นขึ้นชื่อเรื่องเครื่องเทศที่เข้มข้นกันจนหรอย กินแล้ว “ได้แรงอก” กันยกใหญ่
ที่ร้านอาหารปักษ์ใต้พัทลุงเขาใช้เครื่องแกงและเครื่องเทศแบบต้นตำรับ ที่บางตัวต้องอิมพอร์ทมาจากพัทลุงเพื่อให้ได้รสแบบถึงเครื่องเผ็ดร้อนทุกเมนู อาทิ คั่วกลิ้งที่ต้องเข้มข้นถึงเครื่องแกงหรือกระทั่งพระเอกสุดเผ็ดอย่างแกงไตปลา สูตรต้นตำรับที่จำต้องเข้มไม่ใช่ใสแจ๋วเป็นน้ำแกงทั่วไป
ความเผ็ดร้อนเรียกเหงื่อกันชุ่มโชกแบบถึงลูกถึงคอของอาหารใต้ สามารถบรรเทาได้ด้วยผักสดหรือกับข้าวอื่นๆ อย่างปลาต้มเค็มหรือต้มจืดสักถ้วย แต่ถ้ายังเผ็ดดีกรีไม่ลดก็ต้องตามด้วยไอศกรีมหรือขนมหวานที่ทางร้านมีไว้บริการได้เลย
ท่านใดมีร้านอาหารเผ็ด แซ่บ เด็ด ซี๊ดดดดด แนะนำเจ๋งเข้ามาได้ อย่าลืมแวะมา Comment มาแชร์ให้เจ๋งได้รู้เจ๋งจะตามไปรีวิวอย่างทันท่วงที