ดอยสุเทพ แม่ริม สะเมิง – เย่ๆๆๆๆๆ วันนี้เราจะมาพาไปเที่ยว 3 ดอยใน 1 วันกันนะคะ ใครคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่เราก็ไปมาแล้วนะ ด้วยเจ้า D-Tracker คู่ใจเหมือนเดิม อิอิ ทริปนี้ เราไปในช่วงปลายเดือนมกราคม เดินทางออกจากบ้านประมาณ 8 โมงเช้า มุ่งหน้าสู่ดอยสุเทพ เพื่อที่จะไปชมดอกซากุระเมืองไทยบานที่ขุนช่างเคี่ยน ( ตั้งใจว่าไปคราวนี้ ต้องได้เห็นดอกนางพญาเสือโคร่งบานเต็มต้นแน่ๆ เพราะเช็คข่าวมาเป็นอย่างดี หุหุหุ ) การเดินทางขึ้นดอยช่วงเช้า อากาศกำลังเย็นสบาย ไม่ค่อยหนาวมากอย่างที่คิดไว้ (อุตส่าเตรียมตัวหนาวแบบเต็มที่) พอขึ้นไปได้ซักพัก เราก็แวะที่จุดชมวิวเหมือนเดิม ต่างจากเดิมก็ตรงที่ มาคราวที่แล้ว เราจะได้ซึมซับกับบรรยากาศและความสงบของขุนเขา แต่มาคราวนี้ เราได้มาเจอกับความคึกคักของฤดูท่องเที่ยว ซึ่งมีทั้ง นักท่องเที่ยว และแผงขายของที่ระลึก “บนดอย”
ดอยสุเทพ แม่ริม สะเมิง
เห็นแล้วก็ งงๆ มาตั้งหลายครั้ง ยังไม่เคยเห็นมีแผงขายของที่ระลึกเลย แล้วคราวนี้มาโผล่ได้ไงเนี่ย สงสัยเราจะมาในช่วง High ของจริง 555 ว่าแล้วก็หนีไปหาความสงบข้างหน้าดีกว่า เอ้า !!!! ออกเดินทางต่อได้ แล้วเราก็ขี่เจ้า D-Tracker ไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย อากาศเหมือนจะเริ่มร้อนแล้วด้วย เอออออ นี่มันหน้าหนาวรึป่าวหว่า
พอขี่ไปจนใกล้จะถึงขุนช่างเคี่ยน เราก็เริ่มเห็นจุดประสงค์ของการออกทริปในครั้งนี้ เจ้านางพญาเสือโคร่ง เริ่มอวดโฉม ริมสองข้างทางแบบประปราย ว้าวๆๆๆๆ มาคราวนี้ ต้องไม่ผิดหวังแน่ๆ เลย แต่ตลอดทาง เราก็จะเจอกับรถยต์ที่ขับสวนทางมา และรถยนต์ที่กำัลังขับขึ้นไปในทางเดียวกัน ทำให้ต้องขี่รถด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะถนนแคบมาก รถยนต์จะสวนกันที ก็ต้องค่อยๆ ขับ ค่อยๆ ขยับกันไป เราก็เลยต้องค่อยๆ ขี่ จะรีบร้อนไม่ได้เลย
กว่าจะถึงที่หมาย ก็เกือบ 10 โมงเข้าไปแล้ว แสงก็เริ่มมากขึ้น การถ่ายรูปก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะนอกจากจะถ่ายรูปโดยต้องซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์แล้ว แดดก็จ้าจนแสบตาอีกต่างหาก เราก็เลยต้องถ่ายรูปแบบว่า อยากได้อะไรก็ถ่ายๆๆๆ ชัดไม่ชัดค่อยมาว่ากันอีกที เหอะๆๆ
แล้วเราก็มาถึงจุดที่สามารถเก็บภาพดอกนางพญาเสือโคร่งได้ดีที่สุด เพราะเป็นทางลาดลงเขาและเป็นจุดที่มีต้นนางพญาเสือโคร่งขึ้นเต็ม 2 ข้างทาง และเมื่อมองขึ้นไปทางซ้ายมือ ก็จะมีมุมที่เราจะได้เห็นดอกนางพญาเสือโคร่ง แข่งกันบานสะพรั่ง อวดโฉมเต็มยอดดอย ทำให้จุดนี้ มีนักท่องเที่ยว และ นักถ่ายภาพ พากันจอดรถ เพื่อเก็บภาพจุดที่สวยงามที่สุดของต้นนางพญาเสือโคร่งกันอย่างคับคั่ง ลองนึกภาพนะคะ ทางขึ้นดอยแคบๆ ที่รถยนต์จะสวนกันก็ลำบากแล้ว แต่นี่ มีรถยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์ จอดอยู่เต็มข้างทาง แถมยังมีนักท่องเที่ยวเดินกันเต็มถนน และเวลาจะถ่ายภาพ ก็ต้องคอยระวังรถที่ขับมาด้วย ส่วนรถที่ขับมา ก็ต้องคอยระวัง นางแบบ นายแบบ และช่างภาพ ทั้งหลายไม่ให้ขับไปเฉี่ยวชน ในขณะที่ท่านๆ กำลังโพสท่าอยู่กลางถนน เป็นภาพที่จะไม่ได้เห็นเลย ถ้าไม่ใช่ช่วงที่นางพญาเสือโคร่งบาน เออ….มันก็แปลกตาไปอีกอย่างเนาะ
และถึงเราจะบ่นๆ กับภาพที่พบเห็น เราก็ยังแอบเอาเจ้า D-Tracker คันโต ไปขอจอดรวมกับรถมอเตอร์ไซค์คันอื่นๆ ที่จอดอยู่ข้างทางอย่างเป็นระเบียบ และก็เดินไปเกะกะบนถนนให้กวนใจรถที่ผ่านไป ผ่านมากะเค้าด้วย ก็แหม…. เราก็อยากได้รูปสวยๆ ไปอวดชาวบ้านเค้าเหมือนกันนี่นา แหะๆๆ ในที่สุดก็ได้ภาพนางพญาเสือโคร่งสมใจ อิอิอิ
เราเดินเก็บภาพกันไปเรื่อยๆ แล้วเราก็สังเกตุเห็นช่างภาพคนนึง นั่งตั้งกล้องอย่างเป็นกิจลักษณะ ต่างกับคนอื่นๆ ที่ยืนถือกล้องถ่ายเองบ้าง หามุมตั้งขาตั้งกล้องแล้วยืนถ่ายบ้าง เราก็เลยมองตามมุมกล้องที่เค้าเล็งไว้ อ้อ กำลังถ่ายแสงแดดที่ส่องผ่านต้นนางพญาเสือโคร่งนี่เอง เราก็เลยลองแพลนกล้องแล้วถ่ายไปทางนั้นบ้าง ก็ได้ออกมาแบบนี้ 555
เมื่อเราเก็บภาพกันจนพอใจแล้ว ก็ออกเดินทางต่อเพื่อจะไปที่สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน และเริ่มทำใจว่าอาจจะต้องเจอกับคณะนักท่องเที่ยวอีกตามเคย แต่พอเราขี่รถออกจากจุดถ่ายรูปไปได้ไม่ไกล เราก็ต้องเจอกับสภาพการจราจรติดขัดบนดอย โอแม่เจ้า เกิดอะไรขึ้นเนี่ย
สาเหตุก็มาจาก นักท่องเที่ยว พากันแวะที่ร้านขายกาแฟสดและอาหารเช้า ซึ่งตั้งอยู่บนไหล่เขาระหว่างทางจากจุดถ่ายภาพ และ สถานีวิจัยฯ ซึ่งเราเคยผ่านเส้นทางนี้มาก็หลายครั้ง มองมาทางร้านก็หลายหน ก็จะเห็นแต่ความเงียบเหงา แต่พอมาวันนี้ ร้านนี้กลับคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวจนทำให้รถติดบนดอยอย่างที่เห็น เราก็เลยถึือโอกาสนี้แวะชมและชิมกาแฟร้านนี้ซักหน่อย
สุดทางเดิน จะเจอกับซุ้มขายกาแฟสดและของกินง่ายๆ ที่ช่วยเติมพลังให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อจะได้เดินทางต่อไปให้ถึงจุดหมาย (โดยที่ท้องไม่ร้องงอแง อิอิ) เติมพลังเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางต่อไปที่สถานีวิจัยฯ แล้วเราก็ได้มาเจอกับคณะนักท่องเที่ยว ทั้งที่มาแบบไป-กลับ และ พากันมาตั้งเต้นท์ค้างคืน กระจายกันอยู่เต็มลานดอกบ๊วย เป็นบรรยากาศที่แตกต่างจากวันที่เรามาเยือนครั้งที่แล้วอย่างสิ้นเชิง มันทำให้เรานึกถึงเทศกาลชมดอกซากุระของญี่ปุ่น ที่ชาวญี่ปุ่นจะพาเพื่อนฝูงและครอบครัว มานั่งปิ๊กนิค ล้อมวงกันสังสรรค์พร้อมกับชมดอกซากุระในสวนสาธารณะ จะต่างกันก็ตรงที่ดอกซากุระเมืองไทย ต้องดั้นด้นขึ้นมาบนดอยเท่านั้นเอง
เราเริ่มจะเวียนหัวกับกองทัพนักท่องเที่ยว และรู้สึกสงสารต้นหญ้าที่เมื่อปีที่แล้วมันยังเป็นสีเขียวสดเต็มลานดอกไม้อีกทั้งยังได้เห็นน้ำค้างหยดเล็กๆ เกาะอยู่ตามยอดหญ้าและดอกไม้ แต่ปีนี้ต้นหญ้าพวกนั้นได้ถูกเหล่านักท่องเที่ยวเหยียบย่ำ จนแห้งเหลืองกลายเป็นลานสีน้ำตาลปนเขียว แถมยังมีกองขยะอยู่เป็นหย่อมๆ ถังขยะข้างทางเดินก็มีขยะเต็มจนล้นออกมานอกถัง อากาศก็ร้อนจนแสบผิว ไม่เย็นสบายเหมือนปีที่ผ่านมา ซึ่งเราก็ได้แต่คิดและบ่นเสียดายกัน 2 คน ส่วนคนอื่นๆ ก็คงคิดว่า บรรยากาศที่เค้าได้มาสัมผัสนั้นสวยงามที่สุดแล้ว มันทำให้เราคิดถึงแหล่งท่องเที่ยวที่ยังบริสุทธิ์ และยังไม่มีนักท่องเที่ยวรู้จักมากนัก เรา 2 คน ชอบสถานที่แบบนั้นมากกว่าแหล่องท่องเที่ยวยอดฮิตที่มีแต่นักท่องเที่ยวเต็มไปหมด และพร้อมที่จะทำลายธรรมชาติทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ หรือเราจะเป็นพวกต่อต้านสังคม !!! รึป่าวน๊า
หันกล้องไปทางไหน ก็เจอแต่นักท่องเที่ยว – -!
ว่าแล้วก็ไปต่อดีกว่า อยู่แถวนี้นานๆ เดี๋ยวท่านนักท่องเที่ยวทั้งหลายจะเขม่นเอา 555 เราก็เลยควบเจ้า D-Tracker คู่ใจ หนีออกมาจากผู้คน เพื่อที่จะเดินทางไปสู่เส้นทางวิบากที่คุ้นเคย ถ้าใครได้อ่าน review เรื่องคิดถึงนางพญาเสือโคร่ง คงจะนึกภาพออกนะคะ ว่าเส้นทางที่เราจะเจอต่อไปนี้จะวิบากขนาดไหน และเราก็คิดว่าจะได้เจอทางวิบากแบบนั้นเหมือนกัน แต่คุณและเราคิดผิดถนัด เส้นทางต่อไปนี้ เป็นเส้นทางเดียวกับที่เราผ่านเมื่อปีที่แล้ว แต่ตอนนี้ ถนนที่ถูกน้ำเซาะเป็นร่องลึก ทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก ถ้าไม่ใช่รถวิบากหรือ 4×4 WD ไม่ควรเสี่ยงที่จะใช้เส้นทางนี้ กลับ ถูกปรับให้เป็นถนนดินเรียบแน่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวในการสัญจร ผิดคาดอีกอย่างนึงแล้ว เอาทางวิบากชั้นคืนมาน๊า รู้สึกเสียดายอยู่แป๊บนึง พอขี่รถไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่า เออ มันก็สบายดีเหมือนกันเนาะ ไม่ต้องลุ้นว่ารถจะตกร่องตอนไหน แล้วพากันได้แผลหรืออาจจะขาหักกลับไป เราก็เลยสามารถเร่งความเร็วและเดินทางออกจากถนนดินแดง มาถึงห้วยฒึงเฒ่าได้ในเวลาไม่นาน
ดอยสุเทพ แม่ริม สะเมิง – ทริปนี้ยังไม่จบแค่นี้นะคะ เส้นทางในวันนี้ยังอีกยาวไกล โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^อยากอ่านต่อตอน 2 คลิ๊ก link นี้ได้เลยจ้า… รีวิวเชียงใหม่ และ Facebook รีวิวเชียงใหม่