ความสุขของตลกที่ชื่อสมพงษ์

ถ้าเอ็งทำอะไรก็ตาม แม้สิ่งที่เอ็งทำ มันไม่ยิ่งใหญ่นัก แต่ถ้าเอ็งตั้งใจทำอย่างเต็มที่ วันหนึ่งสิ่งที่เราทำ มันจะเสียงดังไปถึงคนที่ชอบแบบเรา -อุดม แต้พานิช-

ภายในร้านกาแฟห้องกระจกขนาดไม่ใหญ่มาก มีโต๊ะเก้าอี้ที่นั่งรวมไม่เกินสามชุดจัดวางติดชิดขอบผนังและเคาท์เตอร์ มีบาริสต้าร่างท้วมยืนทำกาแฟสลับพูดคุยกับลูกค้า บางจังหวะมีเสียงหัวเราะแทรก บางทีอาจมีคนสำลักเครื่องดื่ม ไม่ใช่เพราะรสชาติของกาแฟ แต่เพราะมุกขำขันของบาริสต้าที่หยิบมาเทผสมหยอกล้อใส่ในบรรยากาศอันอวบอวลไปด้วยกลิ่นกรุ่นของกาแฟคั่ว

l12
สมพงษ์อาจเป็นลูกครึ่งเพราะมีนัยน์สีฟ้าและ BIG EYES

ต้น หรือ ธรรมรัตน์ หลำพรหม ชายหนุ่มวัยสามสิบปลายๆ เขาเป็นคนทำกาแฟแห่งร้าน Mix Kaffee เป็นธุรกิจย่อมๆ เป็นเวทีน้อยๆ แต่เป็นสนามที่กว้างใหญ่เพราะได้นำพาต้นไปพบกับผู้คนหลากวัยและอาชีพ และบ่อยครั้งที่ต้องเจอคำถามจากเด็กหญิงชั้นอนุบาลตัวน้อยที่มาเป็นลูกค้าประจำ

แรกเริ่มที่ต้นทำกาแฟ ต่างมีผู้คนเอาไปกล่าวขานถึงกันว่ารสชาติสุนัขไม่รับประทาน เสียงซุบซิบหยุมหยิมต่อๆ กันในวงจำกัดนั้นล่วงรู้มาถึงหูของต้นให้ได้จั๊กกะจี๋สะกิดหัวใจให้ใคร่หยั่งคิด พินิจพิจารณาถึงฝีมือในการทำกาแฟของตนว่าควรจะพัฒนาไปแบบไหนอย่างไร จึงตัดสินใจเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อไปร่ำเรียนศึกษาวิชาการทำกาแฟสูตรเฉพาะจากคุณยายของภรรยาอย่างจริงจัง

คุณยาย Shiyo ได้ถ่ายทอดวิชาการทำกาแฟสูตร Shiyo Style ในกรรมวิธีของ Mokapot ของตนให้กับหลานเขยสุดที่รัก และหลังจากนั้นการฝึกฝนทำกาแฟของต้นก็เริ่มขึ้น จากเด็กที่หัดคลาน จนเริ่มเดินได้ ปัจจุบันร้านกาแฟของต้นนั้นยืนได้อย่างสมวัยและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

หากย้อนกลับไปร่วมสิบกว่าปี ภาพชายหนุ่มสวมหมวกทรงไบเล่ สวมเสื้อยืดลายขวาง ยืนพูดกับหุ่นที่สวมชุดวินมอเตอร์ไซค์เบอร์ 7 ใบหน้าทะเล้น ลีลาอ้อนใจสาว มีไฝที่ปากเป็นจุดนำสายตา ลีลาคารมจัดจ้านหยอกล้อกับผู้คนหน้าเวทีทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะกับสาวๆ


l14
หนูน้อยที่มาพร้อมกับคำถาม เป็นลูกค้าประจำของร้านกาแฟแห่งนี้

ในวันนี้ใครหลายคนที่ไปนั่งกินกาแฟภายในร้าน Mix Kaffee อาจเก็บความสงสัยในน้ำเสียงที่คุ้นเคย ในลีลาที่เคยเห็น ในอารมณ์ขันที่เคยสัมผัสมาจากที่ใดที่หนึ่ง ใช่เแล้ว เขาคือต้น สมพงษ์หุ่นพูดได้ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังรายการทีวีกว่า 50 รายการ เป็นพิธีกรช่อง 3, 5, 7 True ,NBT รายการซิทคอมในสังกัด Work point เป็นนักแสดงหุ่นพูดอันดับ 4 ของโลก ในรายการแข่งขัน Vent Heaven 2010 ที่สหรัฐอเมริกา เป็นชายหนุ่มที่ติดอันดับ 1-30 คนที่เปลี่ยนแปลงประเทศไทย มีพ๊อกเก๊ตบุ๊คและเป็นศิษย์เอกของคอมเมเดี้ยนระดับประเทศพี่โน๊ต อุดม แต้พานิช ยังมีอีกหลายอย่างที่กล่าวไม่หมด มาเข้าเรื่องราวของชีวิตคุณต้นกับคุณสมพงษ์กันเลยดีกว่า

l8
บรรยากาศหน้าเคาท์เตอร์ที่ไม่บ่อยนักสมพงษ์จะได้มาพบกับลูกค้าที่มากินกาแฟภายในร้าน

ความเป็นมาก่อนขึ้นสู่เวทีคอมเมเดี้ยน?
สมพงษ์-สวัสดีครับชื่อสมพงษ์ครับ อายุตอนนี้ถ้ากันเองก็ 20 ถ้าจริงๆ ก็ 45 เอ๊ะทำไมมันลดเยอะอย่างนั้น?
ต้น-จริงๆ สมพงษ์เขาขับวินมอเตอร์ไซค์อยู่แถวสะพานควาย ด้วยเพราะหน้าตาเขา สาวสวยนี่ลดพิเศษ (หัวเราะ) ผมไปเห็นสมพงษ์และรู้สึกถูกโฉลกจึงขอคบเป็นเพื่อนและชักชวนกันเข้าวงการ

เข้าวงการ รู้ไหมว่าต้องไปทำอะไร?
ต้น-(หัวเราะ) ตอนนั้นต้นอยากเป็นตลกแบบพี่โน๊ต อุดม เมื่อก่อนได้รู้จักพี่โน๊ตมาบ้างคือไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์มาช่วงหนึ่งแล้ว พี่เขาก็รับไว้ แกก็แนะนำว่าถ้าผมจะเล่นหุ่นพูดได้ในประเทศ มันต้องหาหุ่นที่มีคาแรคเตอร์คือต้องปากจัด มีไฝด้วย คุยทุกเรื่อง รู้ทุกเรื่อง แต่รู้ไม่จริงสักเรื่อง พอดีผมไปเจอสมพงษ์ เป็นทางที่ชอบเลย ดูฟันเขาสิ มันเฉาะหน้าคนดูได้เลย เมื่อก่อนสมพงษ์ไม่มีไฝที่ปากจึงไปสักไฝถาวรเพื่อเพิ่มความถี่และโหงวเฮ้งในการใช้งาน และสมพงษ์มีคาแรคเตอร์ที่พี่โน๊ตอยากได้ด้วย สมพงษ์จึงตัดสินใจคบผมเป็นเพื่อนและย้ายตามผมมาเหตุผลที่ตามมาไม่ใช่เพราะพี่โน๊ต แต่เพราะเลขาพี่โน๊ตเขาสวยและน่ารัก

l10
นั่งกินกาแฟแต่รู้สึกเหมือนนั่งหน้าเวทีเพราะมุกขำขันที่ต้นมักจะพูดหยอกกับลูกค้า

พาสมพงษ์ไปหาพี่โน๊ต?
ต้น-ต้องขอบคุณพี่โน๊ตมาก เขาแนะนำเรื่องการวางคาแรคเตอร์ เพราะในเมืองไทยยังไม่มีคอมเมเดี้ยนหุ่นพูดได้ เราเป็นคนแรกที่เล่นเลย ในขณะนั้นคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นและไม่รู้ว่ามันคืออะไรด้วยซ้ำ พี่โน๊ตกับผมพยายามวางแนวไว้ว่าควรจะคุยกับสมพงษ์ในเรื่องที่ใกล้ตัวที่สุด ทุกเรื่องเลยเพื่อให้คนดูสัมผัสกับเราได้ง่าย จะได้เชื่อมโยงคนได้สนุกขึ้น

เวลาที่สมพงษ์ขึ้นไปยืนบนเวทีแล้วรู้สึกยังไง?
สมพงษ์– ผมเรอะ! ไม่เคยเขินเลยครับ แต่ต้นจะเขิน ผมจะโฟกัสที่คนดู ยิ่งคนดูสวยๆ นี่เข้าตาผมตลอด (หัวเราะ ) ผมเลยไม่เขิน คนดูสิต้องเขินผม

การเตรียมตัวก่อนขึ้นเวที?
ต้น-ผมจะคุยกันตลอดก่อนที่เราจะทำงานทุกครั้ง เพราะว่าการทำงานแบบเรามันคือการพูดความรู้สึก บางอย่างเป็นความรู้สึกส่วนตัว โดยที่เราพูดกับสิ่งรอบตัวทั้งหมดไม่ว่าจะเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นขณะนั้น โดยสิ่งที่พูดนั้นอาจไม่จำเป็นต้องถูกเสมอ นี่คือหัวใจของ Ventriloquist Comedian เลย คือคอมเมเดี้ยนทุกคนจะมีสมุดประจำตัวหนึ่งเล่มพกติดตัวตลอด เวลาเราเห็นอะไรเราจะจดไว้ เรารู้สึกอะไรเราจด แล้วตอนเราทำงานมันเหมือนกับการเทเพื่อคัดมุกออกมา ก่อนขึ้นเวที่เราก็จะสรุปเหตุการณ์ในขณะนั้นว่ามันมีอะไรที่เป็นกระแสที่ผู้คนพูดถึงกัน เอามาผสมกับความรู้สึกของเรา แล้วกลั่นออกมา อย่างคอมเมเดี้ยนของญี่ปุ่น Owarai จะมีสองคนยืนพูดกันพูดสลับไปมา เราพูดยังนี้ อีกคนจะรับยังไง พออยู่บนเวลาเราก็เล่นสดตามสภานการณ์นั้นๆ


l9
เคนโตลูกชายคุณต้น กำลังหยอกล้อเล่นกับสมพงษ์
l6
ในช่วงเวลาหนึ่ง ที่เราเดินทางไปทุกที่ด้วยกัน เราสุขเราทุกข์ด้วยกัน

ปัญหาในการขึ้นเวทีของสมพงษ์มีไหม?
สมพงษ์-ปัญหาของผมก็คือ เล่นไปแล้วต้นมันชอบลืมบทครับ
ต้น-ผมชอบลืมบทครับ ผมต้องให้เขาเชื่อมตลอดครับ
สมพงษ์– ฮะ ผมนี่เชื่อมได้ตลอดฮะ โดยเฉพาะสาวสวยนี่เชื่อมกันเนียนนัก

เคยยืนบนเวทีแล้วนึกอะไรไม่ออกไหม?
ต้น-มีครับ แล้วไม่รู้จะไปต่อยังไงก็มีครับ แต่สมพงษ์มักจะช่วยผม  ผมจะให้สมพงษ์พูดตลอดว่า “มึงลืมซ้อมมาใช่ไหมเนี่ย?” แล้วผมจะเริ่มประมวลหลังจากที่เขาบอก ผมก็จะตอบว่า ก็ซ้อมอยู่…แต่ลืม สมพงษ์ก็จะบอกว่า…อืมนะ…กรูว่าแล้ว

l7
ต้นกับสมพงษ์เพื่อนสนิทที่ดูเหมือนเป็นคนๆ เดียวกัน
l2
สมพงษ์ในมาดของลูกค้า(หน้าม้า) ที่เข้ามากินกาแฟและฟังต้นพูด

สมพงษ์ขึ้นเวทีมามากแค่ไหนแล้ว?
ต้น-เราออกรายการครั้งแรกคือตีสิบ ในปี พ.ศ. 2543 หลังจากนั้นก็มีรายการอื่นๆ อยู่ในวงการทีวีทั้งพิธีกร แขกรับเชิญ เล่นซิทคอม โฆษณา สัมภาษณ์ในสื่อหนังสือ รวมกันแล้วถึงวันนี้ 16 ย่าง 17 ปีแล้ว ผมต้องขอบคุณสมพงษ์ เคยมีคนพูดกับผมว่า “พี่น่ะอยู่ในวงการจริงแต่ไม่ได้ดังแบบซุปเปอร์สตาร์ ไม่เหมือนกับวงนี้เลย นี่เขามาทีหลังเขายังดังกว่าพี่เลย” เราก็ไม่ได้พูดอะไร มีหน้าที่ทำอย่างเดียว แล้วเวลามันก็พิสูจน์จริงๆ จากวันนั้นจนถึงวันที่ผมเล่นมา 17 ปี วงนั้นกลับกลายสลายหายไปหมดแล้ว แต่เรายังอยู่ได้ งานยังมีเรื่อยๆ ทุกวันนี้ผมก็ยังมีรายการให้ทำ เป็นรายการนิทานอาเซี่ยน เป็นพิธีกรคู่กันในช่อง NBT ทุกวันเสาร์เวลาสี่โมงเย็น ถึงวันนี้ยังมีบางคนมาทักผม มันก็น่าดีใจนะอย่างดาราและตลกรุ่นเก่าๆเขารู้จักเรา เขาชื่นชมเรา บอกเห็นมานานมาก ที่ผ่านๆมาเป็นช่วงเวลาที่น่าภูมิใจมาก ผมชอบประโยคหนึ่งที่พี่โน๊ตสอนไว้ว่า

“ถ้าเอ็งทำอะไรก็ตาม แม้สิ่งที่เอ็งทำ มันไม่ยิ่งใหญ่นัก แต่ถ้าเอ็งตั้งใจทำอย่างเต็มที่ วันหนึ่งสิ่งที่เราทำ มันจะเสียงดังไปถึงคนที่ชอบแบบเรา”

ผมว่าความสำเร็จมันไม่มีทางลัด เราต้องลำบากกันทุกคน เพียงแต่บางคนเขาอาจจะหยุดลำบาก สุดท้ายแล้วเขาอาจกลัวความสำเร็จของตัวเขาเอง.

l1
จากวันนั้นถึงวันนี้ 17 ปี สมพงษ์ก็ไม่เคยแก่และมีโอกาสจะไปพบปะทักทายสาวๆ อีกครั้ง

 บนเส้นทางของอาชีพ ไม่ว่าจะอาชีพอะไร ทุกคนล้วนต่างต้องผ่านบททดสอบใจและกาย เพื่อก้าวเดินและยืนหยัดอย่างมั่นคงในพื้นที่อันเหมาะและควร สำหรับต้นแล้วไม่ว่าจะเป็นการขึ้นไปยืนบนเวที ห้องสตูดิโอบันทึกเทป หรือคนทำกาแฟหน้าเคาท์เตอร์บาร์ ทุกๆ ที่เสมือนเป็นเวทีของต้น เพียงแต่ต่างกันที่บรรยากาศและคนดู.

[wpgmza id=”104″]

Relate Posts :