สบเมย เคยไปไหม?

ถามใครหรือ? ก็คงจะถามตัวเอง เพราะเป็นครั้งแรกของผมที่จะกลับไปสบเมย (อีกครั้ง) หลังจากรอบก่อนนั่งรถโดยสารเลยสบเมยไปถึงแม่สอดอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ระหว่างที่จัดแจง แยกชิ้นส่วนสัมภาระ โชเฟอร์และผมช่วยกันยกจักรยานขึ้นไปไว้ด้านหลังของรถโดยสารพัดลมสายเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ของเปรมประชา รอบเวลา 10 โมง ถ้ารอบนี้ผู้โดยสารเต็มผมก็ต้องไปรถตู้ จังหวะดีเที่ยวนี้ผู้โดยสารไม่เต็มคันรถ โชเฟอร์จ่ายตั๋วคิดค่าโดยสารและค่าระวางรวม 200 บาท

สบเมย, แม่ฮ่องสอน
รถโดยสารพัดลมสายเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอนสีสันสดใส

รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากขนส่งอาเขตไปตามเส้นทางมุ่งหน้าสู่อำเภอจอมทอง ระหว่างนี้ผมนั่งหลับสัปหงก หลับๆ ตื่นๆ จนรถมาจอดพักที่อำเภอฮอด เพื่อให้ผู้โดยสารพักรับประทานอาหาร/เข้าห้องน้ำ 15 นาที

สบเมย, แม่ฮ่องสอน
ถนนสาย 108 ทอดยาวไปทางเส้นทางของเมืองสามหมอก

ถนนสาย 108 เส้นทางที่คดเคี้ยวขึ้นลงเนินดอย ระหว่างที่รถแล่นกินลมกินฝน ผมก็เพลิดเพลินวิวข้างทางเคล้ากับเสียงเพลงภายในรถ ผู้โดยสารทั้งคนชราและหนุ่มสาวที่โดยสารมาเที่ยวนี้ บางคนก็นั่งหลับ บางคนก็พูดคุยกันเบาๆ หนุ่มสาวแต่งตัวสวยหล่อเฟี๊ยวทันสมัย

ถนนเส้นนี้เป็นอีกสายหนึ่งที่สวยและโรแมนติก สมญานามว่า “วงกลมมหัศจรรย์รอบแม่ฮ่องสอน”  โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว หลายคนพูดถึงกันบ่อยๆ ครั้งนี้ผมเพิ่งได้มาเห็นด้วยตาของตัวเอง

สบเมย, แม่ฮ่องสอน
จักรยานคันเล็กพร้อมออกเดินทาง

จักรยานที่ผมเอามาปั่นในระยะสั้น สัมภาระต่างๆ ที่จำเป็นถูกบรรจุในกระเป๋ากันน้ำ รวมแล้วน้ำหนักราว 20 กก. เช่น เตาปิกนิก, หม้อกาแฟ Mokapot, ชุดปฐมพยาบาล, อาหารแห้ง 2 มื้อและอื่นๆ เสื้อกันฝนสีแดงสดทรงแบบค้างคาว ถูกนำขึ้นมาไว้ด้านบนสุดของกระเป๋า เม็ดฝนพรำลงมาตั้งแต่ก้าวลงจากรถที่ท่ารถแม่สะเรียง

สบเมย, แม่ฮ่องสอน
ถนนสาย 105 เปียกปอนไปด้วยสายฝน

มีเพื่อนนักปั่นจักรยานเข้ามาพูดคุยทักทาย บรรยากาศที่ท่ารถเวลาบ่ายแก่ๆ ไม่คึกคักมากนัก มีเพียงแผงเช่าพระเครื่องและชาวบ้านบางส่วนนั่งรอรถที่จะไปอำเภอแม่สอด บางส่วนต่อรถไปแม่ฮ่องสอน น้าผู้ชายที่นั่งกินหมากบนรถ ช่วยยกจักรยานลงมาจากรถเมล์อย่างทุลักทุเล ผมจัดแจงเอากระเป๋าติดท้ายตระแกรงจักรยาน สวมชุดกันฝนเป็นมนุษย์ค้างคาวมุ่งหน้าเข้าสู่ถนนสาย 105

สบเมย, แม่ฮ่องสอน
รถกระบะเร่ขายอาหารให้กับชาวบ้าน

อำเภอสบเมย เป็นอำเภอเล็กๆที่ก่อนหน้านั้นยังเป็นกิ่งอำเภอขึ้นตรงต่ออำเภอแม่สะเรียง ถนนสาย 105 ตัดออกจากถนนสาย 108 ไปทางทิศใต้ วิ่งเลียบแม่น้ำยวม ที่ไหลไปตัดกับแม่น้ำแม่เงา จนเกิดเป็นแม่น้ำสองสี และไปบรรจบกับแม่น้ำเมยไหลสู่สาละวิน สลับกับทิวทัศน์ทุ่งนา ป่า เขาผ่านหมู่บ้าน ชุมชนต่างๆ ไปสิ้นสุดที่บ้านแม่เงา ก่อนเข้าสู่เขตจังหวัดตาก


สบเมย, แม่ฮ่องสอน
ที่นั่งว่างๆ บนรถโดยสารที่จะเดินทางไปอำเภอแม่สอด

เนื่องจากเป็นอำเภอเล็กๆ  สิ่งอำนวยความสะดวกยังไม่มากนักเท่ากับหกอำเภอที่ผ่านมา มีเพียงร้านขายของชำ อาหารแห้งและอาหารตามสั่งประปรายในแต่ละหมู่บ้าน มีรถกระบะเร่ขายผักสด อาหารสดผ่านมา ระหว่างทางจะผ่านอนุสาวรีย์ครูบาผาผ่าที่อยู่คู่เมืองสบเมยและแม่สะเรียง, มีโบสถ์คริสต์ ศาสนสถานของคนในชุมชน ร้านกาแฟระหว่างทางชื่อร้านกาแฟลอแอะ (ผมไม่ได้จอดพักและแวะถาม”ลอแอะ”แปลว่าอะไร?)

สบเมย, แม่ฮ่องสอน
เด็กนักเรียนส่งยิ้มหวานอยู่หน้าโรงเรียนสบเมยวิทยาคมในยามเช้า

บรรยากาศเหมาะกับนักท่องเที่ยวเดินทางที่สัญจรผ่านมาให้ได้นั่งพักผ่อนจิบกาแฟ โรงเรียนสบเมยวิทยาคมเป็นโรงเรียนประจำอำเภอ มีนักเรียนจากหลายๆ ที่นั่งรถรับส่งมาเรียนหนังสือไปกลับทุกเช้า-เย็น โรงพยาบาล, สาธารณสุข, ที่ว่าการอำเภอและสถานีตำรวจอยู่ใกล้กัน ตั้งอยู่ริมถนนบริเวณตำบลแม่สวด

อำเภอสบเมยมีเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทั้งล่องแพ เดินป่า ชมธรรมชาติป่าเขา ถ้ำและน้ำตก มีโฮมสเตย์สำหรับนักท่องเที่ยว ได้สัมผัส

สบเมย, แม่ฮ่องสอน
จอดพักที่สะพานบ้านแม่คะตวน

วิถีชีวิตชนเผ่ากระเหรี่ยง
และยังขึ้นชื่อเรื่องพริกกระเหรี่ยงที่เป็นวัฒนธรรมในครัวเรือนของชาวกระเหรี่ยง สำหรับคนไม่นิยมกินเผ็ด อาจจะน้ำตาเล็ดยิ่งกว่ากินซูชิกับวาซาบิ ใครมาท้าให้ผมประลองผมก็ไม่เอา หากเราไปกินก๋วยเตี๋ยวบางร้านอาจจะมีป้ายเตือนไว้ข้างพวงเครื่องปรุงว่าให้ระวังพริกกระเหรี่ยงนะเพราะเผ็ดมาก

สบเมย, แม่ฮ่องสอน
สถาปัตยกรรมบางส่วนที่วัดผาผ่า

นอกจากนี้แล้วสบเมยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกหลายแห่งเช่น อุทยานแห่งชาติแม่เงา, แม่น้ำสองสี, จุดชมวิวบ้านห้วยกุ้ง, ดอยปุยหลวง, วัดครูบาผาผ่าหรือจะไปล่องเรือลำน้ำสาละวิน เดินเล่นชายแดนไทยพม่าที่บ้านแม่สามแลบและในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จะมีงานประเพณีแข่งเรือเพื่อสานสัมพันธ์ไทย-เมียนมา

สบเมย, แม่ฮ่องสอน
วิวข้างทางช่วงหน้าฝน

ระยะทางจากแม่สะเรียงไปตัวอำเภอสบเมยประมาณ 23 กม. ฝนตกพรำๆ แดดไม่ร้อนนัก ปั่นจักรยานชมนก ชมไม้ ชมวิวข้างทาง สลับบางช่วงเห็นแม่น้ำยวมทางฝั่งขวามือ ทิวเขาถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกหนา บางครั้งเห็นม่านฝนเป็นฉากๆ เคลื่อนตัว สลับแสงอาทิตย์สาดส่องลงใบไม้ข้างทางเป็นสีเขียวเหลืองสด ระหว่างทางมีรถวิ่งสวนไปมาไม่มาก รถกระบะโดยสารสีส้มขาไปและขากลับระหว่างแม่สอดกับแม่สะเรียงผ่านมาเป็นระยะให้พอได้หายวังเวง

สบเมย, แม่ฮ่องสอน
เด็กๆ ที่บ้านแม่คะตวน

ตลอดทางผ่านหมู่บ้านชุมชนต่างๆ ที่ตั้งเรียงรายสลับกัน ชาวบ้านบางส่วนสวมชุดชนเผ่ากระเหรี่ยงเดินจูงลูกหลาน


ผมใช้เวลาบนหลังอานจักรยานไปร่วม 4 ชั่วโมง แม้ระยะทางมันไม่ได้ไกลมาก บางช่วงพยายามเร่งตัวเองให้ไปถึงตัวอำเภอก่อนจะพลบค่ำ ตะวันโพล้เพล้เมื่อไรถนนสายนี้คงเป็นถนนที่เปลี่ยวจับใจ เนินเขาบริเวณนี้ไม่สูงชันมาก แต่ก็ทำให้ผมล้าในบางระยะ เม็ดฝนที่เทลงมายิ่งทำให้ผมกังวลเรื่องอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ตอนรถไหลลงเนิน

สบเมย, แม่ฮ่องสอน
กาแฟโบราณนักวิ่ง

เม็ดฝนหยิมๆ กระเด็นเข้าหน้าเข้าตา เหมือนคนเดินร้องไห้ ร่างกายภายใต้เสื้อกันฝนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ไม่ต่างจากเดินตากฝนแต่ก็ไม่หนาวจนตัวสั่น ก่อนถึงตัวอำเภอราวๆ 5 กม. ด้านซ้ายมือเหลือบไปเห็นป้ายเล็กๆ ตั้งริมทางชื่อ “กาแฟโบราณนักวิ่ง” พี่เจ้าของร้านโบกมือทักทาย ผมจอดรถและหันรถกลับเข้าไปหาแกพร้อมกับทักทายสวัสดีและสั่งกาแฟโบราณ 1 แก้วใหญ่ พี่น้อย หนุ่มใหญ่เจ้าของร้านและเป็นนักวิ่งมาราธอนบอกว่าเมื่อวานเพิ่งมีนักปั่นทัวร์ริ่งสาวผ่านมาพร้อมเอารูปถ่ายมาให้ดู

สบเมย, แม่ฮ่องสอน
หน้าอำเภอสบเมย

กว่าจะถึงตัวอำเภอก็เกือบหกโมงเย็น ผู้คนในละแวกพาสุนัขมาวิ่งออกกำลังกาย เด็กๆปั่นจักรยานเล่นรอบสนามหญ้าหน้าอำเภอ รถคาราวานขายสินค้าเริ่มกางเต๊นส์จำหน่ายในวันถัดไป ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามอำเภอปิด มื้อเย็นนี้ผมคงจะกินมาม่าและปลากระป๋องที่เตรียมมา

สบเมย, แม่ฮ่องสอน
ปลากระป๋องสุดท้ายที่ติดมาวานให้แม่ค้ายำให้

ลังเลที่จะปั่นต่อไปข้างหน้า บรรยากาศโพล้เพล้ทำให้วิตกกังวลเรื่องที่พักจะกลัวอะไร ในเมื่อเราเตรียมเต็นท์มาด้วย จึงตรงดิ่งเข้าไปยังสถานีตำรวจที่อยู่ติดกับอำเภอ ไปขออนุญาตกางเต๊นส์นอนสำหรับคืนนี้ ผู้กองที่สถานียินดีและอนุญาต พร้อมกับขอถ่ายสำเนาบัตรประชาชนมอบให้สิบเวรลงเป็นบันทึกประจำวัน

สบเมย, แม่ฮ่องสอน
ทางกลับแม่สะเรียง ถ่ายหน้าบริเวณกรมทหารพัฒนา

ที่นอนคืนนี้เป็นพื้นที่ประชุมโปร่งโล่งไม่มีห้องกั้นอยู่ในบริเวณโรงพัก ไม่ถึงกับสบายเหมือนนอนเกสท์เฮาส์ ไม่มีพัดลมแต่อากาศก็ไม่ร้อนเกินไป ผมจัดแจงกางเต็นท์ เอาสิ่งของต่างๆในกระเป๋ามาจัดวางก่อนออกไปนั่งเล่นที่หน้าอำเภอ ยามเย็นที่มีความเคลื่อนไหวน้อยมากแม้แต่รถราบนถนน บรรยากาศรู้สึกไกลบ้าน อ้างว้าง ความเหงาแล่นเข้ามาปกคลุม นึกถึงคนพเนจรที่ไร้บ้านขึ้นทันที

อาทิตย์ลับฟ้า ผมกลับเข้าเต็นท์ นอนฟังเสียงจักจั่นร้องระงมรอบบริเวณ ผมชอบฟังเสียงแมลงเหล่านี้ในป่า สลับสายฝนโปรยลงมา โชคดีที่อย่างน้อยก็ยังมีหลังคาให้หลบฝนในค่ำคืนนี้
ขอขอบคุณ สถานีตำรวจภูธรสบเมย สำหรับที่กางเต็นท์

Relate Posts :