T Station EASTIN TAN Hotel Chiang Mai  บรรยากาศวินเทจ

พูดถึงเมืองเชียงใหม่ยุคสมัยนี้..ถนนที่เป็นเส้นเศรษฐกิจและเป็นเป้าหมายการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ต้องยกให้ ถนนนิมมานเหมินท์ เป็นอันดับหนึ่ง มีผู้คนเดินขวักไขว่ทั้งกลางวันและกลางคืน และบริเวณแยกรินคำ ซึ่งเป็นสี่แยกตัดระหว่างถนนห้วยแก้ว-นิมมานฯ เป็นที่ตั้งของแลนด์มาร์กของเชียงใหม่อีกแห่ง นั้นคือ Think Park แหล่งช้อป กิน เที่ยว สุดฮิป และได้รับความนิยมสูงสุดในย่านนี้ บริเวณเดียวกันเป็นที่ตั้งของ โรงแรมอีสติน ตัน เชียงใหม่ โรงแรมระดับสี่ดาวใจกลางเมือง เป็นของ คุณตัน ภาสกรนที นักธุรกิจชื่อดังของไทย ซึ่งมีร้านอาหารแนววินเทจ T Station Bar & Restaurant ตั้งอยู่ภายในโรงแรมนี้ ซึ่งเราจะไปรีวิวบรรยากาศกันในวันนี้

ก่อนอื่นไปทำความรู้จักกับ โรงแรมอีสติน ตัน เชียงใหม่  เปิดบริการเมื่อเดือนธันวาคม 2557 ซึ่ง โรงแรมอีสติน เป็นแบรนด์ดังมีอยู่ในหลายประเทศ โดยการออกแบบตกแต่งของโรงแรมฯ ผสมผสานความเป็นเอเซีย เน้นการตกแต่งในโทนสีอุ่นเพื่อความสงบและผ่อนคลายของผู้เข้าพัก ซึ่งมีห้องพักทั้งหมด 128 ห้อง ขนาดตั้งแต่ 34 -160 ตารางเมตร ห้องซูพีเรีย 59 ห้อง ห้องซูพีเรีย พรีเมียม 36 ห้อง ห้องดีลักซ์ 3 ห้อง ห้องสวีทแบบ 1 ห้องนอน 20 ห้อง ห้องสวีทแบบ 2 ห้องนอน 4 ห้อง ห้องเพนท์เฮ้าส์ 4 ห้อง ห้องสวีทแบบ 3 ห้องนอน 2 ห้อง ทุกห้องทุกรูปแบบมีอ่างอาบน้ำและระเบียง

สำหรับ T Station Bar & Restaurant อยู่บริเวณชั้นล็อบบี้ของโรงแรมฯ มัณฑนากรได้สร้างสรรค์ออกแบบตกแต่งฉีกออกไปจากตัวโรงแรม ในบรรยากาศจําลองของ สถานีรถไฟในประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงปี ค.ศ.1920 เชื่อได้ว่า เป็นแห่งเดียวในประเทศไทย ก้าวแรกเมื่อถึงหน้าร้านตรงบริเวณลานจะมีประติมากรรมลอยตัว แบบสมัยใหม่ เป็นฝีมือของคุณ โน๊ต อุดม แต้พานิช ศิลปินอารมณ์ดีของไทยตั้งตระหง่านอยู่ รวมทั้งภาพเขียนแบบโมเดิร์นสีเหลืองขนาดใหญ่หน้าร้านด้วย ที่โดดเด่นคือหัวรถจักรไอน้ำแบบโบราณ จำลองมาไว้หน้าร้าน เห็นแล้วน่าตื่นเต้นจนอยากรีบเข้าไปดูด้านในเร็วๆ เสียแล้ว ก่อนอื่นคงต้องหาเพลงเข้ากับบรรยากาศใกล้ยุค ค.ศ.1920 มาเปิดคลอเสียหน่อยเพื่อเข้าบรรยากาศการรีวิว ผมเลือก เพลง Standard Jazz ปี ค.ศ.1925  Sweet Georgia Brown ของ Ben Bernie

ลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=DAExrFCVVT0  หรือจะเป็นเพลงเดียวกันของ Louis Armstrong ลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=JkxrCttCcHg (ขอขอบคุณ You Tube)

T Station ให้บริการบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าแก่ผู้พักโรงแรม ตั้งแต่ 06.00-11.00 น. ตอนกลางวันและ เย็นจะเป็น A la carte สไตล์อาหารอเมริกันคลาสสิกและสไตล์อเมริกัน มีเครื่องดื่มหลากชนิดจากทั่วโลกบริการ เพียงได้เห็นบรรยากาศด้านในต้องร้อง…ว้าว! วินเทจแบบได้ใจ ย้อนกลับไปเหมือนได้ดูบรรยากาศนี้ในภาพยนตร์อเมริกันภาพขาวดำสมัยเก่า เพราะมีทั้งที่ตกแต่งด้วยหลอดไฟทังสแตนแบบโบราณ ที่นั่งแบบในโบกี้ตู้รถไฟด้านบนจะมีพรอพเป็นกระเป๋าเดินทางสมัยเก่าวางอยู่ หรือจะเป็นที่นั่งอีกหลายๆ มุมที่บรรจงตกแต่งให้ดูเก่าแต่คลาสสิคได้อย่างจับใจ ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ บริเวณพื้น หรือแม้แต่ผนังก็แฝงไปด้วยความตั้งใจให้เกิด Texture ที่มีความเก่าแก่อย่างมีเสน่ห์และลงตัวในทุกกระเบียดนิ้ว และโซนด้านนอกจะเป็นการจำลองเป็นแบบอุโมงค์รถไฟ อีกทั้งสไตล์การแต่งตัวชุดพนักงานยังเป็นชุดพนักงานรถไฟสมัยก่อนด้วย

วันนี้ “คุณอุ๊” ชุติมา ผู้ช่วยผู้บริหารซึ่งดูแลด้านประชาสัมพันธ์ด้วย ได้แนะนำเมนูเด็ด มาให้ลิ้มลอง เริ่มด้วย Classic Caesar Salad สลัดเพื่อสุขภาพที่มี ผักกาดหอม เบคอน พามาซานชีส และขนมปังกระเทียม ราคาจานละ 180 บาท, Super Burger อีกเมนูที่ได้รับความนิยมมาก เพราะเป็นอเมริกันเบอร์เกอร์ชิ้นโต ดับเบิ้ลกับเนื้อนุ่ม + Cheddar Cheese กับส่วนผสมที่คุ้นเคย ราดซอสบาร์บีคิว หากทานคนเดียวอิ่มอร่อยจนแน่นท้อง  ราคา 320 บาท, แซลมอนสเต็ก เนื้อสเต็กปลาแซลม่อนชิ้นโต ทานคู่กับกับซอสไวน์ขาว หน่อไม้ฝรั่งและน้ำซุปข้นฟักทอง ราคา 650 บาท และ ข้าวซอยเป็ด หรือ Duck Confit เป็นการนำเอาขาเป็ดตุ๋นน้ำมันที่ผ่านการถนอมอาหารแบบฝรั่งเศสโบราณ มาผสมผสานกับข้าวซอยซึ่งเป็นอาหารพื้นถิ่นของเชียงใหม่ ได้อย่างลงตัว ราคา 230 บาท

ส่งท้ายด้วย Kahlua-Flavoured Tiramisu ทีรามิสุเค้ก ที่มีส่วนผสมของเครื่องดื่ม Kahlua ของแม็กซิโก อร่อยหอมหวาน ราคา 160 บาท มาถึง Signature Cocktails ของ T Station ที่โดดเด่นและเป็นที่ชื่นชอบ คือ Vodka-T  ที่เสิร์ฟมาในกาทองแดงของ Ketel One Vodka โดยมีส่วนผสมของ Ketel One Vodka- เหล้าส้ม (Grand Marnier) และอิชิตันรสข้าวญี่ปุ่น นำวางมาบนน้ำแข็งเกล็ดพร้อมแก้วสองใบ รสชาติเบา หอม และดื่มง่าย เหมาะสำหรับคุณผู้หญิง และ Tan Tan  บรรจุมาในขวดแก้วคอยาว ใช้วัดปริมาตรทางวิทยาศาสตร์หรือ Flask มีแก้วกลมซ้อนสองชั้น โดยนำส่วนผสม Vodka และ  Dry Martini ใส่ไว้แต่ละชั้น วีธีดื่มต้องเททั้งสองส่วน ผสมลงในแก้ว รสชาตินุ่มหอม ดื่มง่ายเช่นกัน

ส่วนในช่วงเวลา 12.30-22.30 น.ใครที่ชอบ Burger Set ก็มีโปรโมชั่นพิเศษเลือกเบอร์เกอร์และเครื่องดื่มที่ชอบ ได้ในราคาเพียง 299 บาท นอกจากนี้มีโปรโมชั่นดีๆ อาทิ Dine in The Dark เชฟจะเลือกสรร 5 Curse Set Menu พร้อมคอกเทล ราคาท่านละ 800 บาท ทุกวันเสาร์สุดท้ายของเดือน ตั้งแต่เวลา 6 โมงเย็นเป็นต้นไปจนร้านปิด, Vintage Party สนุกกับดีเจตลอดคืน และ Vintage Cocktail จำนวน 5 แก้ว/ท่าน ราคาท่านละ 500 บาท ตั้งแต่ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป ทุกเสาร์แรกของเดือน,  Friday Steak Lover บุฟเฟต์ พรีเมียมสเต็ก ราคา 899 บาทต่อท่าน (เฉพาะอาหาร) เด็กอายุ 10-16 ปี ราคา 399 บาท/คน ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี ฟรี ทุกวันศุกร์แรกของเดือน, Sparkling Night ทุกวันเสาร์ที่ 3 ของเดือน สามรถดื่ม Sparkling Wine ได้ตลอด 4 ชั่วโมง ตั้งแต่หนึ่งทุ่ม-สี่ทุ่ม พร้อมวงดนตรีขับกล่อม ราคาท่านละ 550 บาท และทุกวัน ตั้งแต่ 5 โมงเย็น-หนึ่งทุ่ม เครื่องดื่ม-คอกเทล ซื้อ 1 แถม 1