การเดินทางจากเชียงใหม่ไปเซี่ยงไฮ้นั้นง่ายมาก เซี่ยงไฮ้ หรือ ช่างไห่ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของจีน อยู่ในมณฑลเจ้อเจียงเช่นเดียวกับหางโจวแต่ปกครองแบบพิเศษขึ้นตรงกับรัฐบาลกลาง เป็นเมืองที่มีคนอยู่หนาแน่นที่สุดในจีน อดีตเคยถูกยึดครองโดยฝรั่งเศสทำให้มีสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก (ใครยังไม่ได้อ่านตอนที่แล้วคลิกเลย “เที่ยวบินตรงเชียงใหม่ – หางโจว โอ้โหเหมาะแต๊เหมาะว่า ราคาน่าฮักน่าแอ่ว“)
ที่เที่ยวเซี่ยงไฮ้
• รถไฟความเร็วสูงหางโจว เซี่ยงไฮ้ เพียงหนึ่งชั่วโมงถ้วนกระบวนความ
น่าประทับใจรถไฟความเร็วสูงเพราะมันทั้งเร็วทั้งเงียบ สะดวก ประหยัด (คนละ 70 กว่าหยวน) เพียง 1 ชั่วโมงก็พาเรามาถึงมหานครเซี่ยงไฮ้กันแล้ว บนรถไฟมีอาหารเครื่องดื่มจำหน่ายด้วย แต่แพงมากน้ำดื่มขวดละ 10 หยวนถ้าไม่หิวกระหายจริงๆควรอดทนไว้ก่อน สถานีรถไฟของเขาใหญ่โตอลังการ มีท่าเทียบชานชลาเต็มไปหมด แถมยังสวยงามสะอาดสะอ้านมีร้านค้าดีๆไม่แตกต่างจากสนามบิน
ข้อควรระวังในการขึ้นรถไฟจากหางโจวคือ ต้องมุ่งไปที่ Hangzhou East Railway Station เท่านั้นไม่ใช่ Hangzhou Railway Station จากนั้นไปต่อแถวซื้อตั๋วและต้องใช้พาสปอร์ตในการซื้อด้วย **ตอนที่เลือกเวลารถจะออกให้เลือกเผื่อไว้อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง เพราะกว่าจะไปถึงชานชาลาอาจเจอเหตุไม่คาดฝัน เช่น คิวสแกนกระเป๋ายาวเหยียดแถมผู้คนแย่งแทรกคิวกันชลมุน อาจทำให้ตกรถไฟได้ รถไฟจะนำเรามาถึง Shanghai Hongqiao Railway Station ซึ่งอยู่ติดกับ Terminal 2 สนามบิน Shanghai Hongqiao International Airport จุดนี้จะมีรถ Metro สาย 2 และสาย 10 พาเข้าเมืองได้อย่างสะดวกและประหยัด
• Tian Zi Fang ที่ช๊อป กิน เที่ยว ดื่ม สุดเก๋
อาร์ตตัวแม่ห้ามพลาด ถนน (เรียกว่าตรอกจะถูกกว่า) สุดติสต์แห่งนี้ “เทียนซื่อฟาง” มันคือตรอกที่อยู่อาศัยของชาวบ้านถูกนำมาดัดแปลงเป็นร้านค้าเล็กๆ เป็นบาร์ คาเฟ่ ร้านอาหาร แกลเลอรี่ ร้านขายงานฝีมือ สตูดิโองานออกแบบ หรือแม้กระทั่งภัตตาคารอาหารไทยและฝรั่งเศส รวมมากกว่า 200 ร้าน คือเรียกได้ว่ามีอยู่ครบสำหรับขาช๊อปและคนรักศิลปะ เดินกันได้ทั้งวันไม่มีเบื่อเลยทีเดียว สังเกตุจะมีคนต่างชาติเยอะมากและร้านค้าต่างๆก็จะพูดภาษาอังกฤษได้ดี
เสน่ห์ของตรอกนี้อยู่ที่การอยู่ร่วมกันทั้งร้านค้าสมัยใหม่และวิถีชีวิตผู้คนที่อาศัยบริเวณนั้น บางห้องตกแต่งแบบเก๋มากได้รับการออกแบบอย่างดี ติดกันห้องข้างๆเป็นประตูไม้เก่าๆมีราวตากผ้าแถมคอมเพรสเซอร์แอร์โผล่ออกมาด้วย ตรอกแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของถนน Tai Kang รายล้อมไปด้วยห้างน้อยใหญ่ที่ทันสมัย และยังอยู่ใกล้กับ Metro สาย 9 สถานี Dapuqiao Station อีกด้วย
• The Bund ความงดงามฝีมือมนุษย์
The Bund คือย่านเก่าแก่ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่ในย่านถนนซ่งชาน (Zhongshan Road) ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเซี่ยงไฮ้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของเซี่ยงไฮ้ ตรงข้ามกันคือหอไข่มุก (Oriental Pearl Tower) เป็นหอส่งสัญญาณโทรทัศน์ที่สูงที่สุดในเอเชียด้วยความสูง 468 เมตร ออกแบบให้เป็นไข่มุก 11 ลูกและ 3 เสามหึมา เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมวิวได้ที่ระดับความสูง 267 เมตร
• Wu Kang Road, Yong Fu Road, Old French Concession
ถนนทั้งสองสายนี้อยู่ในย่านที่ในอดีตเรียกว่า “เขตการปกครองของฝรั่งเศส” ตั้งแต่ปี 1849 – 1943 ทำให้สถาปัตยกรรมส่วนมากเป็นแบบตะวันตกประกอบกับมีต้นไม้ใหญ่สวยงามตลอดสองข้างถนนช่วยให้ร่มรื่นเหมาะแก่การเดินเที่ยวถ่ายรูปเป็นอย่างยิ่ง ทั้งร้านรวงแถบนี้ล้วนเป็นร้านที่ได้รับการออกแบบ มีสไตล์ เข้ากับสถาปัตยกรรมยุโรป ปัจจุบันถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเซี่ยงไฮ้ โดยเฉพาะตรอกเทียนซื่อฟางที่ถือว่ามาแรงมากในช่วงสองปีหลังมานี้
Old French Concession ตั้งอยู่บนฝั่งผู่ซี (Pu Xi) เป็นพื้นที่รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยถนนมากมายหลายสาย ตรอกซอกซอยเล็กน้อยเต็มไปด้วยรายละเอียด เดินทางมาได้สะดวกด้วย Metro สาย 1, 9 และ 10
• ประธานเหมา เจ้าแห่ง Propaganda
เหมา เจ๋อตง หรือ เหมา เจ๋อตุง หรือที่นิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ประธานเหมา เป็นผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน และทำให้จีนเปลี่ยนระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์มาจนถึงปัจจุบัน เป็นบุคคลสำคัญผู้ริเริ่มการปฏิวัติวัฒนธรรมจีน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสภาพสังคมจีนในยุคนั้น น่าสนใจว่าในยุคที่ไม่มีทีวี วิทยุหรืออินเตอร์เน็ตเหมือนในปัจจุบัน ประธานเหมาใช้วิธีการอย่างไรให้ผู้คนที่สนับสนุนเขาพร้อมทุ่มเทแรงกายแรงใจ เสียสละได้แม้กระทั่งชีวิตของตนเองเพื่ออุดมการณ์ของท่านประธาน
Shanghai Propaganda Poster Art Center คือพิพิธภัณฑ์จัดแสดงของสะสมของ Mr. Yang Pei Ming ที่ได้เริ่มเก็บสะสมโปสเตอร์ ภาพประกอบการโฆษณา ภาพวาด รูปปั้น ของทุกอย่างที่เกี่ยวของกับโฆษณาชวนเชื่อในยุคประธานเหมามาตั้งแต่ปี 1995 และตั้งใจเก็บไว้ในอนาคตเพื่อคนรุ่นหลังจะได้ศึกษาเรื่องราวนี้
Art Center แห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความหายาก และก็สมดังคำร่ำลือเพราะเราก็หาไม่เจอเหมือนกัน ถามคนจีนที่เดินไปมาก็ไม่มีใครรู้ (คาดว่าคนจีนก็คงไม่อยากจำเหตุการณ์รุนแรงในอดีต) เอาแบบง่ายๆเลยคือคุณต้องพาตัวเองไปถนน Huashan ให้ได้ (อยู่ในอาณาเขต French Concession) พอไปถึงสี่แยกให้มองหาตึกที่เป็นที่พักอาศัย ตรงรั้วจะมีเลขที่ติดคือเลข 868 จะมียามนั่งที่ป้อมให้เดินเข้าไปเลย ตรงไปที่ตึก B และต้องลงไปชั้นใต้ดิน ก็จะเจอ พื้นที่แบ่งออกเป็นสองห้อง ซ้ายมือคือส่วนจัดแสดงงาน ขวามือคือร้านค้า ค่าเข้าชม 20 หยวน ที่นี่เขาห้ามถ่ายรูปนะจ๊ะ เราไม่ทันเห็นป้ายเลยเผลอกดมาได้หนึ่งรูป
Shanghai Propaganda Poster Art CenterRoom B-OC, 868 Huashan Rd.Shanghai,Chinahttp://www.shanghaipropagandaart.com
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ของกินเซี่ยงไฮ้
มาบุกมหานครใหญ่หนึ่งในสี่ของจีนแบบนี้ ไม่พลาดที่จะต้องหาอะไรอร่อยๆกินกันบ้าง เนื่องจากเวลามีจำกัดเราจึงไม่ได้ลองหลายร้านแต่ก็พยายามให้หลากหลายมากที่สุดทั้งร้านหรูและร้านเหลา ไปดูกันเลย
• The Soup Expert เจ้าตำนานอาหารซุป
เดินเที่ยวThe Bund เสร็จฝนตกเลยไปเจอร้านนี้เข้าให้มีหลายสาขาที่เราไปอยู่ชั้นสามในห้างตรง People Square ใกล้กับสถานี East Nanjing Road เป็นร้านอาหารจีนที่ดูดีมีมาตรฐาน พอนั่งปุ๊ปเขาก็จะเสิร์ฟน้ำอุ่นให้คลายหนาว (ปกติร้านทั่วไปไม่มีน้ำดื่มบริการ) พร้อมผ้าเย็นหากต้องการเรียกความสดชื่น จากนั้นก็สั่งอาหาร ร้านนี้เขามีเมนูซุปแยกต่างหาก มีซุปให้เลือกมากมายหลายแบบ อากาศหนาวแบบนี้ต้องซุปร้อนๆ จานอื่นๆก็อร่อยดี สั่งข้าวเปล่ามากินด้วย เมนูสั่งง่ายเพราะมีทั้งรูป ทั้งภาษาอังกฤษ อาหารถือว่าได้เยอะพอสมควร สั่งมาห้าอย่างสองคนกินเกือบไม่หมด เช็คบิล 180 หยวนประมาณ 900 บาทไทย ถือว่าไม่แพงเลย พนักงานบริการดีพูดอังกฤษได้ แต่ห้องน้ำต้องเดินไกลหน่อยเพราะต้องไปใช้ของห้าง (ห้องน้ำในห้างสะอาดหอมมาก)
ซุปเขาเสิร์ฟมาเหมือนน้ำชาเลย มีน้ำจิ้มให้ด้วย
กานี้ชื่อ Double Biloed Wild Duck with Cordyceps Flowers 38 หยวน
• Gluhwein ไวน์ร้อนแก้วแรกในชีวิต
Gluhwein (อ่านว่า กลูไวน์??) เห็นชื่อนี้ครั้งแรกในตรอกเทียนซื่อฟาง ตามร้านนั่งดื่มจะต้องมีชื่อนี้แปะอยู่หน้าร้าน ทีแรกเข้าใจว่ามันเป็นเบียร์ยี่ห้อหนึ่ง ตัดสินใจเลือกนั่งหนึ่งร้านเพื่อสั่งเจ้าเครื่องดื่มนี้มาทดสอบ ปรากฎว่าแท้จริงแล้วมันคือ “ไวน์ร้อน” เป็นอะไรที่คล้าย Cocktail แต่ส่วนผสมหลักคือไวน์แดง และส่วนผสมอื่น เสิร์ฟมาในแก้วใสแบบร้อนๆเวลากินเหมือนจิบชาร้อนยังไงยังงั้น สนนราคาแก้วละ 30 หยวน
• พิซซ่าโอ่งซักแผ่นมั้ย
เดินไปเรื่อยๆดูวิถีชีวิตผู้คนและตลาดสดแถวย่านสถานี Luban ประตูทางออกสาม แถวๆนี้จะเป็นโซนที่พักอาศัยมีชาวบ้านเดินชุกชุม มีตลาดสด ตลาดนัด มีรำไท้เก๊กตอนเช้าที่ลานหน้าสถานี พอเดินไปใกล้สี่แยกจะมีร้านอาหารหลายร้าน ที่น่าสนใจมีอยู่หนึ่งร้านเอาโอ่งมาตั้งและก็ทำอาหารจากโอ่งนั้น ไปดูใกล้ๆพบว่าเขาเอาแป้งปรุงรสเล็กน้อยมาทำให้แบนๆบางๆแล้วเอาไปแปะในโอ่งที่ร้อนๆ แปะจนมันสุก แล้วก็ขายให้คนที่ยืนต่อคิวกินแบบร้อนๆ รสชาติไม่เหมือนพิซซ่าหรอก เหมือนแป้งพิซซ่าเพียวๆมากกว่า เค็มนิดๆอร่อยดี ราคา 5 หยวน คนขายสองคนเป็นหนุ่มหล่อสาวๆอุดหนุนเพียบ
หน้าตาแบบนี้ หอม กรอบอร่อย
• Kebab Chinese Style
ยังวนเวียนอยู่ที่เดิม มีร้านน่าสนใจหลายร้าน มองเห็นร้านนี้สองสามีภรรยาช่วยกันน่ารักดี เดินเข้าไปดูคือจะว่าเหมือนแซนวิชหรือเป็นเครปก็ได้นะ เขาเอาแป้งขาวๆนาบกระทะแล้วก็เอาซอสทาตรงกลาง มีสองซอสให้เลือกหรือจะเลือกทั้งสองก็ได้ พอแป้งสุกก็จะพับใส่ถุงพลาสติก (ถุงหิ้วบ้านเรา) ลองกินดูอร่อยดีทั้งที่ไม่มีเนื้ออะไรเลย มีแต่แป้ง ผัก ซอส ราคา 3 หยวน
• ต้มจืดแอนด์ต้มยำจีน
กินแต่ของเล่นๆเดี๋ยวจะขาดสารอาหารพุงโรก้นป่องไปซะก่อน เหลือบไปดูเห็นมีร้านอาหารที่ดูเป็นจริงเป็นจังพร้อมกินจริงจังกันซะที ลองเดินเข้าไปดูพบว่าเมนูเป็นจีนล้วนทั้งหมด โชคดีที่ตรงเคาน์เตอร์มีรูปอาหารพร้อมราคาติดอยู่ ชี้สั่งมาได้สองอย่างคือต้มยำกับต้มจืดอะไรสักอย่าง สั่งเสร็จจ่ายเงินตรงนั้นเลย ได้สลิปมาหนึ่งใบ แบ่งเป็นสองส่วน เดินไปหาโต๊ะนั่ง ฉีกส่วนล่างให้พนักงานเขาจะเอาไปให้ในครัว แล้วจะมีคนเดินมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ ส่วนรสชาติบอกเลยสู้บ้านเราไม่ได้ ที่นี่ไม่มีเครื่องปรุงใดๆก็ต้องกินไปทั้งอย่างนั้น ลองสั่งข้าวเปล่ามาหนึ่งถ้วยก็ยังไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ก็ตักกินไปเรื่อยๆจนหมด ราคาอาหารถ้วยละ 35 หยวน ข้าวเปล่า 3 หยวน พนักงานบริการดีมาก ขนกันมาทั้งร้านช่วยอธิบายเราว่าของหมด น่ารักดี
ซ้ายเผ็ด ขวาจืด เลือกเอาชอบแบบไหนเสิร์ฟมาทั้งหม้อแบบนี้เลย
โต๊ะข้างๆยกถ้วยซดแบบว่าได้อารมณ์มาก หายหนาวกันเลยทีเดียว
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ขากลับจากเซี่ยงไฮ้ ก็ใช้วิธีนั่ง Metro สาย 2 ถึงสถานีรถไฟเลย เดินลากกระเป๋าหาช่องขายตั๋วไม่เจอ ถามเจ้าหน้าที่เขาบอกต้องขึ้นไปชั้นสอง โอ้โหคิวยาวพอสมควร ถึงตาเราคราวนี้มีประสบการณ์แล้วเลือกเที่ยวที่ห่างนิดนึงไม่กระชั้นชิดเกินไป สถานีนี้ไม่เห็นมีตรวจกระเป๋า (Metro สแกนกระเป๋าทุกสถานี) ก็เลยมีเวลาเหลือให้ได้นั่งพักจิบกาแฟบ้าง
มาถึงสถานีหางโจว คราวนี้ต้องหาทางไปสนามบิน แน่นอนว่าแท๊กซี่เป็นทางเลือกสุดท้าย พยายามหาทางไปด้วย Metro และก็รถเมล์แต่ทุกทางดูเหมือนอ้อมหมดเลยไม่อยากกลับไปรถติดในเมืองอีกแล้ว ถามเจ้าหน้าที่สถานีผู้หญิงคนนึง เธอก็ตอบไม่ได้ ไปตามเพื่อนผู้ชายมาช่วยก็ยังสื่อสารไม่ได้ สุดท้ายน้องผู้ชายอาสาเดินมาส่ง เราก็งงว่าจะเดินไปส่งที่ไหน ปรากฎว่ามี Railway bus to Airport ให้บริการอยู่บนชั้นสอง โอ้ สวรรค์ รถกำลังจะออกพอดี น้องรีบวิ่งไปบอกรอก่อนๆ คนขับถามมีตั๋วเครื่องบินมั้ย เราเอาให้เขาดูเขาบอกขึ้นรถเลย ค่ารถคนละ 20 หยวน ไม่เกินครึ่งชั่วโมงมาถึงสนามบินอย่างรวดเร็ว
มาถึงเร็วไปนิด ไม่มีอะไรทำ สนามบินหางโจว (zone International) ไม่มีอะไรเลย มีร้านหนังสือ 1 ร้านอาหาร 1 ร้านนวดเท้า 1 คือไม่มี Family Mart, 7-11 เอาไว้ให้เราละลายเงินก้อนสุดท้ายที่ตั้งใจจะไม่แลกคืน (พวกเหรียญกับแบงค์ย่อยๆ) จะเข้าไปร้าน Duty Free ก็ต้องรอเกทเปิดซึ่งดึกมาก สรุป ถ้าต้องรอเครื่องที่หางโจวนานๆเตรียมขนม นม เนย เครื่องดื่มไปเองให้พร้อมดีที่สุด
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .