Humans of Chiang Mai: ปอ ภราดล พรอำนวย (ชีวิตเปรียบเหมือนจังหวะของดนตรี)

“อยากทำอะไรก็รีบทำ ชีวิตมันสั้น” นี่อาจเป็นคำพูดที่เราได้ยินกันมาจนชินหู สำหรับคนที่มีความฝันและอยากจะทำอะไรสักอย่าง แต่จะมีสักกี่คนกัน ที่เข้าใจความหมายของสิ่งนี้ได้อย่างลึกซึ้ง และสามารถทำในสิ่งที่อยากทำได้จริง ๆ เพราะชีวิตเราบางทีการคิดมากไป ก็อาจจะทำให้เราไม่ได้เริ่มทำอะไรบางอย่างเสียที

Humans of Chiang Mai : ปอ นอร์ทเกท (ภราดล พรอำนวย) อายุ 33 ปี

แต่สำหรับผู้ชายคนนี้ “ปอ” ภราดล พรอำนวย หนุ่มมือ Saxophone เจ้าของร้านดนตรีชื่อดังในหมู่คนนิยมเพลง Jazz อย่างร้าน “North Gate” ชีวิตของเขาเป็นเหมือนการ Improvise ดนตรี ที่ปล่อยไปตามอารมณ์ และความรู้สึก ดังเช่นที่เสียงดนตรีและการเดินทางได้นำเขาไปพบสิ่งที่น่าสนใจใหม่ ๆ อยู่เรื่อย พร้อมไปกับการค้นพบชีวิตในแง่มุมต่าง ๆ วันนี้เราจะไปพบกับบทสัมภาษณ์ของผู้ชายคนนี้กันว่าจังหวะชีวิตของเขาเป็นอย่างไร

เรานัดกับปอ ที่ร้านกาแฟ “อาข่า อาม่า” เพื่อพูดคุยกัน เมื่อเราเดินทางไปถึง เราเห็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งกำลังพูดคุยกับเพื่อนชาวต่างชาติอยู่หน้าร้าน เมื่อเขาสังเกตเห็นเรา เราจึงได้ทักทายกัน “เอาน้ำอะไรครับ เดี๋ยวผมเลี้ยง” ปอเริ่มบทสนทนาด้วยท่าทีที่เป็นมิตร เมื่อหลังจากสั่งน้ำมาดื่ม และพูดคุยทักทายกันเล็กน้อยพอเป็นพิธี ก็ได้เวลาเริ่มเข้าสู่บทสนทนาของเรากับปอ

ปอ นอร์ทเกท

แน่นอนว่าเราต้องเริ่มบทสนทนาถึงการถามเรื่องดนตรี ว่าดนตรีมาเกี่ยวข้องกับเขาตั้งแต่เมื่อไร ปอบอกกับเราว่าดนตรีเรียกได้ว่าซึมซับอยู่ในตัวของเขามาตลอดตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

“คือตอนเด็ก ๆ ที่บ้านผมจะมีแม่ น้า ยาย คอยเลี้ยงผม จะไม่มีผู้ชายคอยเลี้ยง ปกติทุกคนจะต้องทำงาน ดังนั้นถ้าแม่ทำงาน ผมก็ต้องไปอยู่กับน้า ที่สำคัญน้าของผมซึ่งเป็นผู้หญิงเป็นนักดนตรี เล่นกีตาร์ได้ ร้องเพลงได้ เล่นเปียโนได้ แล้วหากวันไหนแม่ไปทำงาน น้าผมก็จะรับจากโรงเรียนไปที่ทำงาน ซึ่งน้าจะเล่นดนตรีกลางคืน ตัวผมก็จะนอนอยู่ใต้เปียโนรอกระทั่งน้าเล่นดนตรีเสร็จ ผมก็จะซ้อนมอเตอร์ไซค์น้ากลับบ้าน อีกอย่างด้วยความที่เป็นนักดนตรี น้าจะมีโอกาสได้ฟังเพลงเยอะ เพลงหลากหลาย เพลงที่คนธรรมดาไม่ค่อยได้ฟังกัน นั่นก็คงเป็นจุดเริ่มครับที่ทำให้ผมได้ซึมซับเอาดนตรีเข้าจิตใจ”

เดอะนอร์ทเกทแจ๊สคลับ The North Gate Jazz Club

อาจเป็นไปได้ว่าเพราะเขาได้ซึมซับเอาดนตรีที่หลากหลาย ได้ไปอยู่บรรยากาศเสียงเพลงตั้งแต่เด็ก การคลุกคลีกับเสียงดนตรีเหล่านี้ เมื่อโตมาอีกระดับ เขาเริ่มสนใจที่จะหาเครื่องดนตรีเล่นจริงจังสักชิ้น

“ครั้งแรกจริง ๆ ผมเริ่มเล่นเมาท์ออร์แกน จำได้ว่าไม่กี่ร้อยบาท เริ่มเล่นจากโน้ตเพลงง่าย ๆ หลังจากนั้นโตขึ้นอีกหน่อยก็อยากเล่น Saxophone เลย เพราะมันสวย มันดูน่าฉงนสนเท่ห์ และเครื่องดนตรีชิ้นนี้มันดูประหลาด ในตู้ร้านขายเครื่องดนตรี ผมเห็นมันเด่นที่สุดในตู้เลยนะ แต่ตอนนั้นมันแพง แล้วที่บ้านไม่มีกำลังจะซื้อ แม่ก็เลยเสนอกีตาร์ให้เราได้ลองเล่นก่อน”

จุดเริ่มต้นก่อนที่ปอจะมาจับ Saxophone เป็นจริงเป็นจัง และกลายมาเป็นมือ Sax ชื่อดัง ก็มาจากเพียงความสนใจในรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาด แต่สวยงามของเจ้าเครื่องเป่านี้ แต่เนื่องจากแพง เขาจึงได้เริ่มเล่นเครื่องดนตรีชิ้นอื่นก่อน จนกระทั่งมีโอกาสได้มาจับ Saxophone สมใจในช่วงที่เรียน ม.ปลาย

“ตอนนั้นผมเรียน ปวช.3 ก็ประมาณ ม.6 เก็บเงินได้หกพัน ตั้งใจจะเรียนดนตรีอะไรแปลก ๆ ก็ไปเรียนดนตรีไทยอยู่ครึ่งปี จับพลัด จับผลู จะไปซื้อคลาริเน็ต แต่ไปได้ Saxophone มา แต่ตอนนั้นเครื่องมันห่วยมาก เอามาจับ ๆ นัว ๆ อยู่ครึ่งปี ก็ไปเจอคนที่เล่นเป็น ก็เป็นอาจารย์สอนเราเล่น”

ปอ นอร์ทเกท

จากการเริ่มเล่น Saxophone ในวันนั้น จนมาถึงร้าน North Gate ในวันนี้ปอบอกกับเราว่า ความจริงที่ตั้งร้านนี้ขึ้นมา ก็เพื่อที่เขาจะได้มีพื้นที่ในการเล่นดนตรีเท่านั้น

“ตอนนั้นเราเล่นดนตรี เราชอบ เราอิน เราก็เลยตั้งใจเต็มที่กับมันโดยการซ้อมหนักทุกวัน วันละ 6 – 7 ชั่วโมง เราก็เกิดความเชื่อมโยงระหว่างเรากับดนตรี ได้ฟังเพลง ได้เรียนโน้ต และสิ่งนี้เอง มันก็พาผมไปพบกับนักดนตรีเก่ง ๆ ผมบอกเลยว่าสิ่งนี้สำคัญมาก เพราะสิ่งที่เราสนใจ มันจะมีประเด็นที่พาเราไปที่กว้างและไกลขึ้น”

เดอะนอร์ทเกทแจ๊สคลับ ปอ นอร์ทเกท

ปอพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ราวกับว่าเขาได้ค้นพบความหมายของชีวิตได้เพียงเพราะจุดเริ่มเล็ก ๆ อย่างความสนใจ หรือความชอบของเขานั่นเอง


“หลังจากนั้นดนตรีกับ Saxophone ก็พาผมไปเรียนไกลถึงนิวยอร์ค ไปโตเกียว ไปลงใต้ ไปปาย เราไปมาหมด ไปเจอ ไปดู ไปจับ ไปเล่น ไปแจมเขา และคนเหล่านี้เองแหละ ที่ Inspire เรา เขาก็จะแนะนำ เฮ้ย ฟังเพลงนี้ดิ เล่นแบบนี้ดิ ไปเจอคนนี้ดิ แล้วเขาก็จะแนะนำเทคนิค การเล่นให้กับเรา ที่เราไม่รู้ได้อีกมากมาย สิ่งเหล่านี้ก็สะสมอยู่ในตัวเรา จนเรารู้สึกว่าอยากเล่นดนตรี อยากเล่นที่บ้านเรา แต่มันไม่มี ตอนแรกคิดถึงถนนคนเดิน คือจะไปก็ได้ แต่พอดีมันมีแค่วันอาทิตย์ไง แล้วเราอยากเล่นทุกวัน จะไปหา ร้านเล่น ก็จะมีกำหนดได้เล่นวันนั้น วันนี้ อยากเล่นแบบที่เราเล่นก็ไม่ได้ เพราะมันมีข้อจำกัดหลายอย่าง”

เมื่อความมุ่งมั่น บวกประสบการณ์และความสามารถมีอย่างเต็มเปี่ยม แต่ยังไม่สามารถจะหาสถานที่ที่จะตอบสนองได้ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มที่ทำให้ปอเปิดร้านขึ้นมาเอง

“ก็ด้วยประเด็นพวกนี้ เราเลยตัดสินใจไปปรึกษา เพื่อน ๆ พี่ ๆ หาตึกเช่า แล้วเราก็เปิด North Gate ขึ้นมาเลย ตอนนั้นจำได้ ทาสีเอง ตกแต่งอะไรเอง วันเปิดร้าน บอกเพื่อนเลย ไม่ต้องเอาดอกไม้มา แต่ให้เอาเก้าอี้มา จะได้เอามาไว้ร้าน เพราะตอนนั้นเพื่อนๆช่วยกันจริง ๆ เครื่องดนตรีอย่างกลองก็คนละสีเลย เพราะชิ้นนี้มาจากคนนึง อีกชิ้นก็มาจากอีกคนนึง แต่สนุกครับ ตอนนั้นก็สนุกมาก”

ความชอบของปอ ไม่ได้มีแค่ดนตรี ครั้งหนึ่งเขาเคยเปิดร้านอาหารชื่อ Bird Nest แต่ภายหลังได้ขายกิจการเพื่อเอาเวลามาทำสิ่งอื่น ๆ ที่เขาชอบ

“ผมขายร้าน เพราะผมอยากเอาเวลามาเขียนหนังสือ บางทีก็รับเล่นดนตรีตาม Event งานแต่งงาน รายได้พวกนี้ก็จะมาช่วย แต่รายได้หลักก็มาจากการเล่นที่ North Gate”

ดนตรีคือภาษาสากล และมันเป็นสิ่งที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกได้ โดยไม่ต้องกระทำ ไม่ต้องบอกกล่าว ปอก็ได้พูดถึงประเด็นนี้กับเราด้วย

“ดนตรีคือศิลปะ แล้วศิลปะมันก็เป็นเรื่องของอารมณ์ เป็นเรื่องของแนวคิด ความเชื่อ สิ่งที่อยู่ข้างใน เป็นอีกภาษาหนึ่ง ที่ภาษาพูดไม่มี เช่นอยากจะบอกรัก แต่มันพูดยังไงก็ไม่เท่าที่เราคิด เราก็เปิดดนตรีให้ฟังเลย หรือเล่นดนตรีให้เขาฟังไปเลย”

เมื่อเราถามถึงเหตุการณ์ที่ประทับใจจากการเล่นดนตรี ปอบอกกับเราว่าไม่มีเป็นพิเศษ เพราะทุกครั้งที่เขาได้เริ่มเล่นดนตรี นั่นคือความพิเศษแล้ว ปอเล่นดนตรีมาเป็นสิบปี เรื่องราวเกิดขึ้นมากมายจนจำไม่ได้

“เรื่อย ๆ ครับ ทุกครั้งพิเศษหมด แต่ก็จะยกตัวอย่างสักอันนึง อย่างเรานั่งข้างถนน ข้างตัวเรามีกล่อง Saxophone ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมา อายุประมาณ 40 เขาก็ถามเรา เขาบอกเราว่ากำลังจะไปแจมดนตรีกับเปียโน เขาก็ชวนเรา ทั้ง ๆ ที่เขายังไม่รู้เลยว่าเราเล่นได้ไหม แล้วเราก็ไป สุดท้ายก็ได้ทั้งงาน ทั้งเงิน ทั้งเพื่อนใหม่ เหตุการณ์ประทับใจบางทีไม่ได้เกิดจากเรื่องใหญ่ ๆ แต่เกิดจากเรื่องเล็ก ๆ วันนั้นถ้าผมไม่เอา Saxophone ไปด้วย เรื่องราวนี้ก็คงไม่เกิด”

นอกจากเรื่องดนตรี เราได้ทราบว่าปอกำลังให้ความสนใจกับการปลูกสวนในบ้านหลังใหม่ของเขา ซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จที่แม่ริม ปอบอกกับเราว่า เขาเริ่มหลงใหล และอยากลองใช้ชีวิตกับธรรมชาติดู เพราะเห็นตัวอย่างคนมากมายที่อยู่กับธรรมชาติแล้วมีความสุข ปอจึงอยากค้นพบด้วยตนเองว่า ธรรมชาติมีพลังอะไรต่อคนเหล่านี้

“ผมเห็นไอดอลของผม อย่างเช่น อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ หรือโจน จันได หรือนักวิจัย นักโบราณคดี นักปรัชญาดัง ๆ ต่างประเทศ ยกตัวอย่าง อินทรี ทะเลทราย เขาเป็นนักโบราณคดีคนหนึ่ง ที่ไปทำงานวิจัย แล้วโดนสถานการณ์บางอย่างบีบให้กลายมาเป็นผู้นำกองโจร สู้รบในสงคราม จนเขากลายเป็นนักรบ เป็นอัศวินในสงคราม ภายหลังมีคนจะให้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษ แต่เขาไม่เป็น เขาเลือกจะไปอยู่กับสวน กับธรรมชาติ เขาอยากให้ธรรมชาติเยียวยาเขาจากสงคราม จากสิ่งที่เขาไม่อยากทำ (ตอนไปทำสงคราม) หรืออย่างคุณยายผมเคยมีสวน เห็นยายปลูกผัก ปลูกอะไร ผมก็ชอบนะ แต่ผมไม่เคยไปลงมือทำเอง ไม่เคยขุดดิน ไม่เคยเก็บผัก ผมเลยไม่อิน แต่คนที่เป็นสายสัมพันธ์เหล่านี้บวกกับสิ่งที่ผมได้เห็นมา ผมเลยสนใจ อยากอยู่กับธรรมชาติมากขึ้น อยากสัมผัสมัน จริง ๆ ผมไม่รู้หรอกว่าผมจะได้ความคิดอะไรใหม่ ๆ จากการทำสวนไหม ผมขออยู่กับปัจจุบันก่อน ขอรดน้ำ พรวนดิน แล้วมาลองดูกันว่ามันจะเป็นยังไง”

อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้ เมื่อได้มาคุยกับปอ คือเรื่องการเดินทาง เรียกได้ว่าปอเคยเดินทางมาแล้วมากมาย และการเดินทางของเขานั้นเรียกได้ว่าน่าตื่นเต้นกว่าคนปกติทั่วไป เพราะเขามักจะใช้การ “โบกรถ” เดินทาง จนครั้งหนึ่งเขามีโอกาสได้ออกรายการ “ฅนค้นคน” เพื่อออกเดินทางจากเชียงใหม่ไปโตเกียวด้วยการโบกรถมาแล้ว นอกจากนั้นเขายังเคยออกหนังสือว่าด้วยเรื่องการเดินทางอีกเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า “ลมใต้ปอด” อีกด้วย


“ตอนรายการ คนค้นคน เป็นอะไรที่สนุกมาก เป็นประสบการณ์ที่ดี และเปลี่ยนแปลงแนวคิดหลายอย่างในชีวิตไปเหมือนกัน ตั้งแต่การอยู่ร่วมกับคนทำงานด้านสื่อที่เป็นมืออาชีพ เราก็ได้เรียนรู้หลายอย่างจากเขา ทั้งระบบ การทำงาน การเล่าเรื่อง การแก้ปัญหา”

จากการเดินทางที่หลากหลาย ทำให้ปอได้ค้นพบแนวคิดใหม่ ๆ หลายอย่างในชีวิต การได้พบผู้คน สถานที่ หรือทำความรู้จักอะไรใหม่ ๆ ก่อให้เกิดความประทับใจมากมาย ความเต็มเปี่ยมด้วยพลังงานชีวิตและการค้นพบคำว่า “ชีวิต”

“การเดินทางทำให้ผมพบอะไรมากมาย ทำให้ผมค้นพบความสุขจากการเดินทาง แต่บางทีมันก็กลับทำให้ผมถวิลหาคนที่ผมรักด้วยเช่นกัน มันก็เหมือนเราได้บางสิ่งบางอย่างที่พิเศษมา แต่พอกลับมาคนที่เรารักไม่มีใครอยู่ดีใจกับเราสักคน เราก็ได้คิดว่ามันจะมีประโยชน์อะไร”

หลายครั้ง การเดินทางก็ไม่ได้นำมาซึ่งความสุขสบายเสมอไปดังเช่นที่ปอได้เผชิญจากหลาย ๆ ทริป และมันก็ทำให้เขาได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆอย่างจากสิ่งเหล่านั้น

“บางทีเดินทางไกล ๆ มันก็โดดเดี่ยว ต้องต่อสู้ เมื่อชะตาชีวิตนำเราไปไกล ๆ พอกลับมาบางทีเราไม่เหลือใครเลย ของสวยงามมันก็ดี แต่บางทีการที่เราได้อยู่กับคนที่เรารักนั่นมันก็คือที่สุดแล้ว”

“เช่นครั้งหนึ่งผมเคยโดนจับที่ลัตเวีย เขาสงสัยเรื่องเอกสารวีซ่า ก็จับผมไปรอสอบสวนตั้งแต่หกโมงเช้า ถึงหกโมงเย็น ลำบากมาก ไม่มีข้าว ไม่มีน้ำอาบ ทั้งหนาว ทั้งหิว เงินก็ไม่มี หรือตอนไปเรียนดนตรีที่นิวยอร์ค ก็ลำบากมาก ตอนนั้นยังเด็ก พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เงินไม่มี ก็ต้องไปทำงานกรรมกร ไปนอนบ้านที่เขาก่อสร้าง ไฟก็ไม่มี แต่สิ่งที่ทำให้เรายังสู้ต่อก็คือคำถามที่ว่าเรามาทำอะไรที่นี่ ถ้าเรารู้ตัวว่าเราทำอะไรอยู่ มันก็จะดึงเราไว้ เราเอาความฝัน สิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราเชื่อเป็นตัวตั้ง แล้วมันจะเป็นพลัง ถึงเราลำบากแต่เราก็จะผ่านมันไปได้”

เราสังเกตว่าผู้ชายคนนี้ทำหลายสิ่งหลายอย่างมาก และทุกสิ่งที่เขาได้ทำ คือสิ่งที่เขาเลือกเอง ตัดสินใจเอง และเริ่มลงมือทำเองทั้งนั้น การจัดระบบระเบียบ วางแผนชีวิตของเขา ดูจะทำให้เขามีความสุขกับสิ่งที่ทำได้อย่างเต็มที่จริง ๆ

“ความสุขมันง่ายมาก เราทำอะไรแล้วเราเพลิดเพลิน เราก็สุขแล้ว ดูหนังที่ชอบ อยู่กับคนที่เรารัก พาแม่ไปทานข้าว พอเราเพลินกับมัน มันก็จะกลายเป็นความสุขไปเอง เหมือนนักวิ่ง วิ่งมาเหนื่อย เงินก็ไม่ได้ เหนื่อยแต่เขาก็เพลินและมีความสุขกับการวิ่ง คือเหนื่อยแล้วยังมีความสุข”

“ผมไม่มีปรัชญาในการใช้ชีวิต แต่ถ้ามีคำอะไรสักอย่างที่เหมือนเป็นตัวนำผมก็คือ สมาธิ แค่นั้นเอง คำว่าปรัชญาแค่พูดขึ้นมามันก็ทำลายตัวเองแล้ว เพราะเหมือนเป็นการไปกำหนดชีวิตเรา มันไม่ใช่สิ่งที่ต้องพูด แต่เป็นสิ่งที่ต้องรู้สึกมากกว่า”

ปอทิ้งท้ายกับเราว่าแค่มีสมาธิกับสิ่งที่ทำอยู่ ก็ไม่ต้องไปคิดถึงหลักปรัชญาอะไรให้มากมาย ท่าทางในการพูดคุยแบบสบาย ๆ ของเขาในวันนี้ และหลายครั้งระหว่างสัมภาษณ์ที่เขาชวนพูดคุย บางครั้งก็สอนเรา บางช่วงก็เรียกเพื่อนฝูงมานั่งสนทนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันบ้าง ชวนให้เราได้มองเห็นความสมถะและความถ่อมในตัวของเขา แม้เขาจะเป็นคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่นักดนตรี นักเดินทาง เคยทำหนังสือ เคยออกรายการทีวี แต่ท่าทีของเขาไม่มีคำว่าวางมาดเลย กลับกัน ดนตรีและการเดินทางของเขากลับทำให้เขายิ่งค้นพบว่าตนเองตัวเล็กมากหากเทียบกับโลกใบนี้

จะว่าไปแล้ว ชีวิตของปอ ก็เป็นเหมือนจังหวะดนตรีที่เขาเล่น มีขึ้น มีลง มีช้า มีเร็ว และบางทีก็ปล่อยให้มันไหลไปเรื่อย ๆ ตามอารมณ์ของมัน ชีวิตของเขามีหลายจังหวะ และทุกจังหวะนั้น ช่างฟังดูน่าสุนทรีย์ และน่าสนใจไปทุกมุม เปรียบไปก็เหมือนชีวิตของคนเรา ที่ควรจะมีหลากหลายจังหวะ เพราะยิ่งมีหลากหลายเท่าไร โอกาสที่เราจะได้ค้นพบความสนใจใหม่ๆก็มากตาม และมันอาจนำพาเราไปสู่อีกโลกใบหนึ่งที่มิได้แค่ขัดเกลาความคิด แต่ยังรวมถึงทัศนคติในการใช้ชีวิตของเราให้มีแง่มุมใหม่ ๆ ได้เช่นกัน

เรื่องราวชีวิตของ  Humans of  Chiang Mai คนต่อไปจะเป็นใคร ติดตามกันได้ที่นี่ และถ้าหากใครมีบุคคลแห่งแรงบันดาลใจที่อยากแนะนำ ก็อย่าลืมแวะมาเม้นท์มาแชร์ให้เราได้รู้ตามช่องคอมเม้นท์ด้านล่าง หรือ
  
เจ๋งจะได้ตามไปเจาะลึกกันอย่างทันท่วงที ราตรีสวัสดิ์ครับพี่น้องชาวเชียงใหม่

  • ข้อมูลร้าน North Gate
  • ที่ตั้ง : คูเมืองด้านใน ใกล้กับประตูช้างเผือก
  • เวลาเปิด – ปิด : 19.00 – 01.00 น.
  • เบอร์โทร : 089-433-1411 (ไทย) /081-7655246 (Eng)

Relate Posts :